เพื่อนบ้านสุดทนร้อง 'เพจเป็นหนึ่ง' ช่วยเหลือลูกสาวถูกพ่อทำร้าย

29 เม.ย. 2567 น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ผู้ก่อตั้งเพจเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดปทุมธานี  (พมจ.ปทุมธานี)  บ้านพักเด็กจังหวัดปทุมธานี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต ร่วมกันเข้าช่วยเหลือ น้องเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ซึ่งถูกพ่อแท้ๆ ทำร้ายร่างกาย จนชาวบ้านทนไม่ไหว เพราะความสงสารจึงร้องขอความช่วยเหลือผ่านเพจและเข้าช่วยเหลือในวันนี้ 

เมื่อเดินทางไปถึงห้องดังกล่าว ซึ่งอยู่ในโครงการบ้านเอื้ออาทร  ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ. ปทุมธานี พบพ่อและลูกสาวอยู่ด้วยกัน ภายในห้องเจ้าหน้าที่จึงทำการเจรจา เพื่อจะนำเด็กออกมา แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงได้ให้เจ้าหน้าที่เชิญพ่อและตัวเด็ก มาทำการพูดคุยกันต่อที่ สภ.คูคต ที่ห้องประชุมชั้น 2 เพื่อให้เด็กได้ตัดสินใจ ว่าจะไปอยู่กับพ่อ บ้านพักเด็ก หรือ ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนประจำ โดยได้พูดคุยกันอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงออกมาจากห้องประชุม 

จากการสอบถาม น.ส.ชลิดา หรือ ต้นอ้อ ผู้ก่อตั้งเพจเป็นหนึ่ง กล่าวว่า ทางเพจเป็นหนึ่ง ได้รับแจ้งเพื่อนบ้านว่าพ่อชอบทำร้ายลูกเป็นประจำ จึงได้ลงพื้นที่ ร่วมกับ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดปทุมธานี (พมจ.ปทุมธานี) บ้านพักเด็กจังหวัดปทุมธานี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต เมื่อเจ้าหน้าที่พบกับพ่อ ซึ่งเป็นคนพูดจาเสียงดัง ซึ่งกรณีดังกล่าว ทางบ้านพักเด็กและ พมจ.ปทุมธานี เคยเข้าช่วยเหลือตั้งแต่ปี 2565 แล้ว 

โดยพฤติกรรมของพ่อ หลังจากที่ได้พูดคุยกับน้องเอ (นามสมมุติ)  ทราบว่าพ่อจะชอบใช้การพูดและแววตาเชิงบังคับลูก ว่าต้องให้ลูกตอบหรือพูดกับเจ้าหน้าที่อย่างไร ปฎิเสธกับเจ้าหน้าที่อย่างไร ซึ่งเมื่อได้พูดคุยแล้ว น้องเอ แล้วก็ระบายออกมาทั้งหมด ว่าสิ่งที่พวกพบเห็นในวันนี้ ที่พ่อพูดมันไม่ใช่ร่างจริงของพ่อเลย ซึ่งตัวน้องเอ จะถูกพ่อทำร้าย ถ้าพ่อจับอะไรได้ก็จะฟาด บางที่ก็ไล่ออกจากห้อง ต้องไปนอนทางหนีไฟ หรือไม่ก็ไปอยู่บ้านเพื่อน ซึ่งพอไปอยู่กับเพื่อนทางแม่เพื่อนก็สงสาร ก็หางานให้ทำก็คือทำงานด้วย พ่อก็ไปแจ้งความจับแม่เพื่อนคดีพรากผู้เยาว์ ซึ่งน้องเอ ก็ไม่ได้อยากอยู่กับพ่อ เพราะพ่อมีพฤติกรรมแบบนี้ แต่ด้วยตัวน้องไม่มีใคร และไม่อยากทิ้งพ่อ จึงต้องทนอยู่กับพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง การใช้อารมณ์
 

น.ส.ชลิดา กล่าวอีกว่า ตอนนี้เราก็เลยปรับอารมณ์คุยกับเด็กว่าถ้าเราอยากอยู่กับพ่อ ก็ต้องใจเเข็งให้พ่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้พ่อไปรักษา เพราะทราบว่าเคยไปตรวจสุขภาพจิตแล้วมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตด้วย แต่ไม่ได้รับยาอย่างต่อเนื่อง

ขณะนี้ น้องเอ อยู่ในความคุ้มครองของบ้านพักเด็กแล้วก็บ้านพักเด็กก็จะประสานเรื่องเรียน ซึ่งเราได้คุยกันแล้ว ว่าจะเอาน้องเข้าโรงเรียนประจำ ซึ่งคุณพ่อจะได้เจอน้องก็ช่วงปิดเทอม แต่ในระหว่างนี้ทางคุณพ่อ ก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และทำข้อตกลงกับภาครัฐอีกครั้ง เพราะจะต้องรื้อคำสั่งศาลใหม่ทั้งหมด จากที่มีคำสั่งให้พ่อเป็นผู้ดูแล ตอนนี้ก็ต้องมาดำเนินการใหม่ทั้งหมด เพราะพ่อยังไม่หยุดพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรง  เคยไปด่าเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก คือไปมาหมดแล้ว จนชาวบ้านเอือมระอา 

เรามองว่าถ้าพ่อจะย้ายที่พักออก พ่อไม่อยู่เหมือนเดิมก็ได้ มันไม่ได้เป็นการแก้ปัญญา เพราะยังมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับลูกเหมือนเดิม ชาวบ้านก็จะมาร้องเราอีก โดยหน่วยงานภาครัฐก็ต้องเข้ามาช่วยเหลือเด็กคนนี้ด้านไหนอีก ตอนนี้ก็ขอให้แยกเด็กออกมาก่อน ส่วนเรื่องของพ่อก็ว่าไปตามกระบวนการ

โดยเด็กพักอยู่กับพ่อแค่เพียง 2 คน โดยเเม่เด็กทิ้งไปตั้งแต่เล็กโดยพ่อเลี้ยงมาตั้งแต่ 2 ขวบ ซึ่งเราเข้าใจพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่อาจจะไม่ได้มีความใส่ใจในเรื่องการเลี้ยงลูกสาว เด็กก็ไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควร เด็กก็อาจจะเกเรนอกลู่นอกทางบ้าน ทุกอย่างอยู่ที่การเลี้ยงดูทั้งหมด แต่ตอนนี้เด็กเริ่มโต มีสังคม มีเพื่อนไปไหนมา เขาก็อายที่่พ่อตามไปด่า เขาก็เกิดความเครียด 

อย่างไรก็ตาม  ตอนนี้ก็ให้เด็กอยู่บ้านพักเด็กชั่วคราวก่อนซึ่งวันนี้ถึงวันที่ 3 พ.ค. ก่อนเพื่อจะดำเนินการเรื่องเรียนที่โรงเรียนประจำ แล้วจะให้น้องกลับ แต่จากที่เราดูพฤติกรรมของพ่อแล้วก็น่าจะไม่ให้น้องกลับน่าจะอยู่ยาว ในส่วนทางด้านกฎหมาย ก็จะให้ทาง พมจ.ปทุมธานีเป็นผู้ดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องร้องเรียนกันมาแล้ว ถึงขั้นขึ้นศาลมาแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนนับ 1 ใหม่ เพราะศาลเคยให้โอกาสพ่อในการเลี้ยงดูลูก แต่พฤติกรรมความรุนแรงจากครั้งที่แล้ว และครั้งนี้ก็เกิดขึ้นอีก ต้องให้ศาลตัดสินว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้แยกน้องออกมาจากพ่อแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ พมจ.ได้ประสานไปยังโรงเรียนย่านบางกรวย เพื่อที่จะฝากน้องเข้าเรียนต่อในชั้น ม.4 และระหว่างที่รอเปิดเทอมน้องจะอยู่ที่บ้านพักเด็ก จ.นนทบุรี ก่อนเบื้องต้น

 อนันต์ วิจิตรประชา ปทุมธานี