ยอมใจเลย “สมเจตน์ บุญถนอม” คนนี้แรงจริง!!
ยิ่งใกล้ศึกเลือกตั้ง นักการเมืองยิ่งคึกคัก แต่มันก็ยังไม่สุด ก็ตรงระบบไพรมารีโหวต ตรงข้ามกับ บิ๊กเจตน์ ที่เชียร์สุดใจขาดดิ้น เพราะอะไร ทำไมกันน้า...???
ยิ่งใกล้ศึกเลือกตั้ง นักการเมืองยิ่งคึกคัก แต่ยังไม่สุด ก็ตรงระบบไพรมารีโหวต ในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ทำนักเลือกตั้งหลายคนใจหด หมดไฟ
ตรงข้ามกับ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ลุ้นวิธีการนี้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู
ไพรมารีโหวต พูดง่ายๆ คือ ระบบการเลือกตั้งขั้นต้น เพื่อหาตัวแทนสมาชิกพรรคก่อนส่งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคการเมือง โดย พล.อ.สมเจตน์ คนนี้ยืนยัน ระบบนี้ดีขนาดว่า ถ้าขบวนการไพรมารี ทำให้ผู้สมัครส.ส.ไม่เป็นไปตามกฎหมาย หัวหน้าพรรคจะถูกลงโทษตัดสิทธิ์เลือกตั้งตลอดชีวิต และหากว่า หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วพบว่า ผู้สมัครส.ส.ทุจริตตั้งเลือกตั้ง ตั้งแต่ในชั้นไพรมารี พรรคนั้นก็จะไม่ได้ส.ส. แต่จะให้พรรคอื่นได้ ส.ส.แทน
เจ้าตัวยังบอกอีกว่า ถ้าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) หรือกกต.ไม่เห็นด้วยกับระบบนี้ ก็ไม่เป็นไร
“ไม่ได้สนใจ จะตั้งก็ตั้ง เอาก็เอา ไม่เอาก็คือไม่เอา เวลาทำงานแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นของเรา ต้องสู้สุดชีวิต สำหรับผมไม่ใช่"
แหมๆ พูดคำนี้แล้วหลายคนอยากร้องว่า “เหรอออ ??” ว่าแล้วขอไปส่องประวัติดู เผื่อจะเดาทางออก
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2491 เป็นคนจังหวัดชลบุรี เป็น 1 ในพี่น้องจำนวน 7 คน โดยมีน้องชายคือ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจคนดังไกลมากถึงซาอุฯ
พล.อ.สมเจตน์ สมัยอยู่ชลบุรี เขาเรียนที่โรงเรียนชลชาย (ชลราษฎรอำรุง) รุ่นปี 2506 รุ่นเดียวกับ สมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง จากนั้นมาจบการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 8 (ตท.8) โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 19 (จปร.19) ในสาขาวิทยาศาสตรบัณฑิต และจบศิลปศาสตรมหาบัณฑิต บริหารงานอุตสาหกรรม โรงเรียนเสนาธิการทหารบก, จบหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. 2541-2542 (วปอ.)
ตำแหน่งที่สำคัญหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 คือ พล.อ.สมเจตน์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น หัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ด้วยความที่ซี้ย่ำปึ้กกับ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ซึ่งเป็นเลขาธิการ
แถมยังได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สนช. ทำอยู่ตั้งแต่ปี 2549-2551 ควบกับเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิเศษ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด (ดูแลงานด้านพัฒนาชนบท) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม สังกัดกระทรวงกลาโหม (ดูแลงานด้านงบประมาณ) นอกจากนี้ ยังเคยนั่ง กรรมการการประปานครหลวงและกรรมการที่เป็นอิสระ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)
กระทั่งมาสู่การเลือกตั้งปี 2550 พล.อ.สมเจตน์ ก็มีบทบาทดูแลการเลือกตั้งพื้นที่เชียงราย จนพบความทุจริตเลือกตั้งของ ยงยุทธ ติยะไพรัช จากนั้นส่งต่อให้ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เวลานั้น เป็นผู้ทำคดีดังกล่าว จนนำไปสู่การให้ใบแดง และยุบพรรคพลังประชาชนในที่สุด
แต่มีบทบาทหนึ่งของบิ๊กเจตน์ ที่ต้องไฮไลท์คือ เขายังเป็นสมาชิกกลุ่มสยามสามัคคี กลุ่มนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2552 เคยตั้งโต๊ะแถลงการณ์จะเอาเรื่องกับกลุ่มเสื้อแดงที่หมิ่นสถาบัน ที่เด็ดคือ พวกเขามีการตั้งค่านำจับอดีตนายกฯ ทักษิณ ถึง 1 ล้านบาทอีกด้วย !
พูดง่ายๆ ว่าบิ๊กเจตน์คนนี้ เจตนาชัดเจนว่า ไม่เอานักการเมืองโกง ไม่เอานิรโทษกรรมคนทำผิด คนหมิ่นสถาบันต้องจัดการ ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารที่มีบุคลิกตรงไปตรงมา กล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็น
มากไปกว่านั้น คือถ้าพูดถึง ตระกูล “บุญถนอม” แล้วไซร้ การันตีเลยว่า เป็นปฏิปักษ์กับเครือข่ายของ “ระบอบทักษิณ” ชนิดไม่มีวันประนีประนอมกันได้
ที่โดดเด่นมากๆ ตอนที่ พล.อ.สมเจตน์ ดำรงตำแหน่ง ส.ว.สรรหา และในนาม “กลุ่ม 40 ส.ว.” มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่าง ไพบูลย์ นิติตะวัน, สมชาย แสวงการ, ประสาร มฤคพิทักษ์ และ รสนา โตสิตระกูล ซึ่งบทบาทของผู้ทรงเกียรติกลุ่มนี้ เปิดหน้าชนกับ “ระบอบทักษิณ” อย่างเต็มตัว
กรณีที่มีคลิปเสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พูดเรื่อง “เกี้ยเซียะ” ถูกเผยแพร่ออกมา พล.อ.สมเจตน์ได้ลุกขึ้นมาไล่รุ่นพี่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ออกจากตำแหน่ง ไม่ควรอยู่คุมกองทัพต่อ
ขณะที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เคลื่อนทัพ กปปส. ชูธงปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง และกดดันให้ยิ่งลักษณ์ ต้องยุบสภา ปรากฏว่า กลุ่ม 40 ส.ว.ได้แสดงตัวเป็นแนวร่วมกับ กปปส. มีการส่งลูก-รับลูกกันในประเด็นการสรรหา “นายกฯ คนกลาง” แต่สถานการณ์ถึงทางตัน คณะทหารต้องออกมาทำรัฐประหาร
ดังนั้น ในสายตากองเชียร์เสื้อเหลือง และเสื้อ กปปส. ต่างให้ความศรัทธาในตัว พล.อ.สมเจตน์ ด้วยเป็นทหารที่ชาติบ้านเมืองต้องการ และชัดเจนในความรักชาติ รักแผ่นดิน ปกป้องสถาบัน
มาถึงวันนี้ เจตนาของบิ๊กเจตน์ก็ยังคงเดิม เพิ่มเติมคือ ขอให้นักการเมืองเลิกคัดค้านระบบไพรมารีโหวต เพื่อแสดงถึงความพร้อมต่อการลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ถ้าไม่พร้อมก็อย่ามาเสนอตัว !!
บอกแล้วว่า “แรง” ชัดเจนเบอร์นี้...แล้วยังจะสงสัยอะไรอีก