"มาร์ค" ต่ำร้อย...แล้วไง?"แมว" จะเยียวยาทุกสิ่ง!

 

 

          ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คงไม่ปฏิเสธว่ากระแสที่แรงของวิวาทะหลังเลือกตั้ง ยังมีภาพของอดีตหัวหน้ามาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในอิริยาบถเคล้าเคลียน้องแมว ดูแล้วน่าเอ็นดู๊ ชนิดที่เผลอๆ แรงกว่าตอนหาเสียงด้วยซ้ำ !

 

 

          ทาสของทาสแมว

          เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ “มาร์ค อภิสิทธิ์” ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรักษาคำพูดว่า “ต่ำร้อยข้อยขอลา” ที่เหลือก็ปล่อยให้พลพรรคฟัดกันไปตามบรรยากาศหลังเลือกตั้งตอนนี้

 

 

 

          แต่ระหว่างที่แฟนคลับอาจกำลังนั่งเศร้า ปรากฏว่ารุ่งขึ้นวันที่ 27 มีนาคม อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 27 ได้โพสต์ภาพถ่ายกำลังอุ้มเจ้าเพื่อนซี้สี่ขา พร้อมระบุว่า “ไม่ได้เจอนาน มูจิโตขึ้นเยอะ” ซึ่งเป็นแมวสุดรักพันธุ์สกอตติชโฟลด์ ที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นมรดกจาก “ลูกสาว”

          กระทั่งไลน์ @Mark_Abhisit ที่เขาเปิดไว้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไป คนไทยพากันแห่แอดไลน์ขอดูรูปแมว จนช่วงวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมาระบบไม่เสถียรต้องของดส่งข้อความ 2 วัน !!

 

 

 

 

          ล่าสุดวันที่ 3 เมษายน กลับมาโพสต์อีกครั้งว่า ให้ผู้ติดตามใส่วันเดือนปีที่ส่งข้อความ เพื่อที่พี่มาร์คจะได้ไม่พลาดทุกคำตอบระหว่างที่กำลังปรับปรุงไลน์

 

          และยังระบุว่า สำหรับ “ทาสแมว” กดที่เมนูด้านล่าง ตรงหน้าโมจิและมูจิ  #ทาสของทาสแมว เพื่อดูภาพแมว ส่วนถ้ากดไปที่ภาพการ์ตูนพี่มาร์ค ก็จะลิงค์ไปยังหน้าเฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva และถ้ากดที่ภาพแมวอีกตัวก็จะลิงค์ไปยังเฟซบุ๊ก Cat Garden by Tiggu ของลูกสาว

 

 

 

 

 

 

          ใครถามว่า ตกลงจะมาทางนี้แล้วใช่มั้ย ไม่รู้สินะ แต่ที่แน่ๆ งานนี้ต้องบอกว่าแรงจริง เช่นความเห็นหนึ่งในทวิตเตอร์พี่มาร์ค ที่เข้ามาระบุว่า “เคร เดบิวต์ในฐานะทาสแมวก็โอเคนะ"

          วันนี้คนไทยส่วนใหญ่เลยได้รู้พร้อมกันว่า ที่บ้านของอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีน้องแมวร่วม 20 ตัว โดยเริ่มต้นจากการเลี้ยง 2 ตัว จากนั้นก็เกิดอภินิหาร “แมวงอก” อันเป็นศัพท์ที่คนเป็นทาสแมวเท่านั้นจะเข้าใจ

          จนปัจจุบันนี้ พี่มาร์คของเรา จากคนที่เคยกลัวแมวสุดฤทธิ์ กลับมีเจ้านายแมวรวมแล้วทั้งสิ้น 26 ชีวิต !!

          เขาเคยให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับการเลี้ยงแมวตั้งแต่ช่วงหาเสียง แต่ตอนนั้นกระแสไม่แรงเท่ากับตอนหลังเลือกตั้งว่า ตนและลูกสาวจะช่วยกันเลี้ยง และแมวส่วนใหญ่จะตั้งชื่อตามอาหารหรือสัตว์ เช่น ซูชิ แซลมอน ชาโคล โมจิ ฯลฯ (โพสต์ทูเดย์ 25 ก.พ.2562)

 

 

 

 

          ใครบอกงานนี้ดูแล้วเหลือเชื่อ ตรงข้ามกับบุคลิกจริงจังของอดีตนายกฯ ในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นอันมาก ก็พอเข้าใจได้ เพราะจุดเริ่มต้นจริงๆ ก็เป็นตามที่พี่มารค์ว่าไว้นั่นแหละ ว่ากองทัพหน้าเหมียวเหล่านั้นมาจากบุตรสาว หรือ “ปราง เวชชาชีวะ” ล้วนๆ

          เขาเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยไว้ราวสองปีก่อนว่า ตนเองนั้นเป็นทาสถึง 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นทาสลูก ชั้นที่สองเป็นทาสแมว เพราะก่อนจะพาน้องเหมียวไปทำหมัน ก็ต้องขออนุญาตจากลูกสาวเสียก่อน โดยปกติชอบสุนัข แต่เมื่อลูกสาวชอบแมว ก็ชอบไปด้วย พอเลี้ยงแล้วก็รู้สึกผูกพัน ตอนนี้มีแมวพันธุ์ “สกอตติชโฟลด์” อยู่ที่บ้านประมาณ 17 ตัว (ขณะนั้น) จะมีอยู่หนึ่งตัวที่ชอบเข้ามาเล่นด้วยตลอดชื่อ “โมจิ” แล้วตอนนี้ก็ได้ยกบ้านหลังที่ลูกสาวเคยอยู่เป็นที่เลี้ยงเรียบร้อย ยังคิดว่าถ้าลูกสาวเรียนจบแล้วกลับมา คงต้องหาที่อยู่ให้ใหม่

 

 

 

 

          คนไทยนั่งนึกสองที เลยถึงบางอ้อ เพราะเราจำได้ดีกับภาพวาดของน้องปรางที่เต็มไปด้วยรูปน้องแมว แมว และแมว ซึ่งมีเอกลักษณ์สไตล์เฉพาะตัว สมแล้วกับความเป็นอาร์ตติสต์

 

          “ปราง” ใครว่าไม้ไกลต้น?

 

          ค้นดูเรื่องราว ข่าวคราวเกี่ยวกับน้องปราง ส่วนใหญ่จะเน้นความเป็นศิลปิน ที่แตกต่างจากความเป็นนักการเมืองของบิดา และความเป็นนักวิชาการของมารดา ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

          พูดง่ายๆ ภาพจำของคนไทยมีตรงกันว่านี่คือ “ลูกไม้ไกลต้น” !!

          แต่พอคนไทยมาเจอะกับมุมน่ารักที่ต่างก็ชื่นชอบแมวด้วยกันทั้งคู่ ก็อดพูดไม่ได้ว่านี่แหละพ่อลูกคู่เหมือน ไม่เชื่อไปดูภาพพี่มาร์คอุ้มแมวอีกทีแล้วจะรู้

 

 

 

 

 

          ส่วนในมุมที่ว่า “ต่าง” ก็ใช่ว่าจะไม่จริง เพราะปรางนั้นมิได้เดินตามรอยบิดาเลยในหลายทาง หากเป็นลูกพี่ลูกน้องอย่าง “ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ” มากกว่าที่เอาอย่างน้า ราวกับเป็นกระจกส่องกันเอง ที่บางครั้งพันธุกรรมก็ถ่ายข้ามจากลูกไปหลานตามธรรมชาติ

          ในขณะที่ผู้เป็นบิดาเลือกเดินอาบเหงื่อ รับโคลนอยู่บนถนนการเมือง ปรางกลับชอบและให้ความสนใจกับงานศิลปะ ทั้งการเขียนหนังสือและการวาดภาพ และทำได้ดีมาก

          ช่วงปี 2556 ปรางเรียนจบปริญญาตรี ภาควิชาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอันดับ 2 จากนั้นปี 2560 ไปคว้าดีกรีปริญญาโทด้านศิลปะ MFA Fine Arts จาก School of Visual Arts, New York 

          และด้วยความไม่ทิ้งตัวตน ปรางยังนำเสนอผลงานของตัวเองจากความเป็นทาสแมวมาตลอด เช่นช่วงปี 2558 เขียนหนังสือชื่อว่า “เม้าแมว” เรื่องราวของแมวที่บ้านและวาดภาพประกอบเองทั้งเล่ม โดยมี ป้าเจน งามพรรณ เวชชาชีวะ นักเขียนรางวัลซีไรต์เป็นผู้ชักชวนเข้าสู่โลกของนักเขียนและเป็นพี่เลี้ยงให้
หรือก่อนหน้านั้นหลังเรียนจบป.ตรี เคยเปิดนิทรรศการเดี่ยวจัดแสดงภาพวาดเทคนิคสีน้ำมันชื่อว่า “I wonder a wonderland” เป็นภาพของมวลแมวในอิริยาบถน่ารักท่ามกลางโลกแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยของหวาน (ซึ่งเป็นของชอบของศิลปิน)

 

 

 

 

          วันนั้นเธอเล่าว่า แมวนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเอง เพราะนิสัยคล้ายกัน คือมีโลกส่วนตัวสูง รักสันโดษ รักอิสระ ชอบท่องเที่ยว และในภาพที่มีขนมมากมายเพราะส่วนตัวชอบกินขนมหวานมาก

          วันนี้ปรางในวัย 28 ยังคงมีผลงานภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง มีนิทรรศการ และเวิร์กช็อป ออกมาหลายวาระ อย่างภาพหนึ่งที่ชื่อว่า “Valentines day of an introvert” ที่แสดงในงานนิทรรศการกลุ่ม Love is all around ที่ 10ml. Cafe Gallery ช่วง 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในทวิตเตอร์ “10ml.” ปรางยังเข้ามาทวิตถึงที่มาของภาพนี้ว่ามาจากช่วงที่ใช้ชีวิตคนเดียวที่นิวยอร์กห่างจากครอบครัวและเพื่อนสนิท

          “...วันวาเลนไทน์ของฉันต่างจากความคิดของคนทั่วไป ในขณะที่คนอื่นๆ ไปสังสรรค์ข้างนอกกัน ฉันเลือกที่จะใช้เวลาอยู่คนเดียวในที่พักอาศัยกับสิ่งที่ฉันชอบ ฉันรู้สึกมีความสุขที่สุดเมื่อได้อยู่คนเดียว ได้ใช้เวลากับตัวเอง การกินเนื้อดีๆ และดื่มไวน์ดีๆ เป็นกิจกรรมที่ดีต่อจิตใจฉันที่สุด”

          ทาสแมวคนไหนอยากชมผลงานและภาพถ่ายน่ารักๆ ทั้งภาพสาวปราง มวลแมว และภาพอดีตนายกฯ ไปตามได้เลยที่อินสตาแกรม water_cat_art, เฟซบุ๊กแฟนเพจ Cat Garden by Tiggu หรือเฟซบุ๊กของเธอเอง Prang Vejjajiva

          รับรองมีภาพเจ้านายให้ดูจุใจ จะได้เฉลี่ยมาทางอื่น เดี๋ยวไลน์ของพ่อแมวจะล่มอีกรอบ ไม่รู้ด้วย

 

***************************