อภินิหารข้าวหมกไก่
อภินิหารข้าวหมกไก่ : วันเว้นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ กับ ประภัสสร เสวิกุล
ในหนังสือสราญรมย์ ของกระทรวงการต่างประเทศ ฉบับประจำปี พ.ศ.2517 ท่านเอกอัครราชทูตวิภาค ภิญโญยิ่ง ได้บันทึกเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2515 หรือเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ไว้ในนิทานหน้าวัด (พระแก้ว) ตอน “อภินิหารข้าวหมกไก่ หรือการตัดสินใจของรัฐมนตรี” ซึ่งผมขอนำมาเล่าโดยย่อๆ ให้ฟังกันใหม่ครับ
“วันที่ 28 ธันวาคม 2515 ขณะพิธีเฉลิมพระเกียรติและสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว สุภาพบุรุษวัยเลยกลางคนเล็กน้อยแต่ยังดูท่าทางทะมัดทะแมงกระฉับกระเฉง ลักษณะเครื่องแต่งกายบ่งให้ทราบว่าเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล กำลังจะก้าวลงจากบันไดหินอ่อน ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งแหวกฝ่ากลุ่มชนด้วยอาการรีบร้อนตรงเข้ามากล่าวรายงานว่า
“ท่านครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว โจรอาหรับสี่คนบุกสถานทูตอิสราเอล จับเจ้าหน้าที่และครอบครัวของสถานทูตไว้เป็นตัวประกัน เพื่อแลกกับเชลยอาหรับ”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของสุภาพบุรุษซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปลี่ยนสีไปทันที เท้าเร็วเท่าความคิดท่านรัฐมนตรีก้าวฉับๆ หวนกลับเข้าไปภายในพระที่นั่งอนันตสมาคมอีกครั้งหนึ่ง สอดสายตาควานหาเอกอัครราชทูตอิสราเอลที่เพิ่งเช็กแฮนด์อำลากันเมื่อครู่”
หลังจากแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เอกอัครราชทูตอิสราเอลทราบ พร้อมกับแนะนำไม่ให้กลับไปที่สถานทูต เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจรจับเป็นตัวประกันอีกคนหนึ่งแล้ว พล.ต.ชาติชาย (ยศในขณะนั้น) ก็มองหาหนทางที่จะแก้ไขปัญหา โดยเน้นไปที่สันติวิธีมากกว่าการใช้กำลังหรือความรุนแรง โดยได้เดินทางไปพบเอกอัครราชทูตอียิปต์ที่บ้านพัก เนื่องจากในเวลานั้นอียิปต์นอกจากจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอิสราเอลแล้ว ยังมีอิทธิพลอย่างสูงต่อบรรดาประเทศอาหรับ พล.ต.ชาติชายได้หว่านล้อมให้เอกอัครราชทูตอียิปต์เห็นถึงสัมพันธไมตรีระหว่างไทยกับประเทศอาหรับ และขอให้คำนึงถึงผลเสียซึ่งจะตามมาจากการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในวันมหามงคลของชาวไทย ซึ่งในที่สุดเอกอัครราชทูตอียิปต์ก็ยินยอมที่จะหารือเรื่องนี้ไปยังรัฐบาลของตนที่กรุงไคโร
ตรงนี้ผมขอเล่าแทรกว่า ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่เดือน ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญชาวโลกขึ้น นั่นคือการที่ผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ กลุ่มแบล็ค เซปเทมเบอร์ จำนวน 8 คน ได้บุกเข้าไปในบ้านพักนักกีฬาที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2515 ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โดยสังหารนักกีฬาอิสราเอล 2 คน และจับนักกีฬากับเจ้าหน้าที่อิสราเอลอีก 9 คนเป็นตัวประกัน เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวสมาชิกของกลุ่ม จำนวน 236 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ตามประเทศต่างๆ แต่ข้อเรียกร้องได้รับการปฏิเสธ ผู้ก่อการร้ายจึงสังหารตัวประกันทั้ง 9 คน ทางการเยอรมนีได้ลงมือปราบปรามอย่างเฉียบขาด เป็นผลให้คนร้ายเสียชีวิต 5 คน และยอมมอบตัว 3 คน
กลับจากบ้านพักเอกอัครราชทูตอียิปต์ พล.ต.ชาติชายก็ตรงไปยังกองบัญชาการภาคสนามที่บริเวณใกล้สถานทูตอิสราเอล ซึ่งกำลังเตรียมการที่จะให้หน่วยแม่นปืนและคอมมานโดบุกเข้าจู่โจมช่วยตัวประกัน พล.ต.ชาติชายได้เล่าให้ที่ประชุมฟังเรื่องการพบกับเอกอัครราชทูตอียิปต์และขอเป็นผู้เข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมโจรอาหรับด้วยตนเอง ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เข้าร่วมการประชุม แต่ พล.ต.ชาติชายก็ยังคงยืนกรานในแนวคิดของตน จนในที่สุดที่ประชุมก็จำใจต้องยินยอม พล.ต.ชาติชายมองไปทางกลุ่มข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แล้วก็ออกปากชวน พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ เสนาธิการทหาร ให้เข้าไปเจรจากับกลุ่มโจรด้วยกัน
ท่านทูตวิภาคเล่าไว้ในตอนนี้ว่า “เสธ.ทวี ท่านก็ใจคอเหลือหลาย พอรัฐมนตรีชาติชายชวนให้ไปจับโจร ท่านก็ทำยังกับว่ามีคนชวนไปดูหนัง พยักหน้าหงึกๆ รับคำเอาง่ายๆ แล้วสองรัฐมนตรีไทยก็เดินตุ้บตั้บฝ่าเข้าไปในดงโจร”
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป? พล.ต.ชาติชาย และ เสธ.ทวี จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง? และข้าวหมกไก่จะสำแดงอภินิหารอย่างไร ? โปรดติดตามด้วยความตื่นเต้นในตอนต่อไปครับ