ข่าว

ลุ้น 'ครม.ประยุทธ์ 2' ...ประคองสถานการณ์ ?

ลุ้น 'ครม.ประยุทธ์ 2' ...ประคองสถานการณ์ ?

26 ก.ค. 2558

คม วิเคราะห์ การเมืองรอบสัปดาห์ : ลุ้น 'ครม.ประยุทธ์ 2' ...ประคองสถานการณ์ ? : โดย...อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ สำนักข่าวเนชั่น

 
                       ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวการเมืองต่างโฟกัสไปที่ การปรับคณะรัฐมนตรี โดย “ครม.ประยุทธ์ 1” นั้น ทำงานมาเกือบปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ผลตอบรับที่ออกมานั้น คงไม่สามารถบอกได้ชัดมากนัก ในสภาวการณ์เช่นนี้ แต่ที่แน่ๆ ผ่านช่วงเวลาฮันนีมูนมานานโข
 
                       อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ครั้งนี้ก็อธิบายได้ไม่อยาก สืบเนื่องจากประเด็นหลักที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลนี้ จนส่งผลกระทบถึงประชาชนโดยตรง และทำท่าจะแย่ลงคือสภาพเศรษฐกิจ 
 
                       ทำให้ทุกคนมองว่า ถึงเวลาที่รัฐบาล “ต้องทำอะไรบางอย่าง”  และอะไรบางอย่างที่ว่านั้น ต้องเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่นำโดย “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล”  และเขานี่เองที่ตกเป็นเป้าหลัก
 
                       ซึ่งหากนำปัจจัยแวดล้อมและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาร้อยเรียงกันก็เชื่อได้ว่า สถานภาพของเขาถึงเวลานี้ เรียกได้ว่า ไม่มั่นคงเอามากๆ เริ่มตั้งแต่ข่าวการปรับเปลี่ยนตัว กระแสกดดันที่มาจากโดยรอบ ตามมาด้วยการโพสต์เฟซบุ๊ก โชว์ 15 ผลของบิดาตัวเองโดย “คุณปลื้ม" ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล
 
                       สำทับด้วยข่าวการไปพูดพาดพิง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในวงหารือแห่งหนึ่ง แล้วมีผู้อัดคลิปเสียงเอาไว้ และมีหลายแหล่งอ้างว่าการพูดในลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเขา..??? 
 
                       ขณะที่หัวหน้ารัฐบาลอย่าง “ประยุทธ์” เอง แม้จะไม่ตอบรับ...แต่ก็ไม่ปฏิเสธ!!!
 
                       และคนที่ถูกจับตาว่าจะเข้ามาแทนคือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งใน คสช.
 
                       หลายคนเชื่อว่า มีการเตรียมการให้ “สมคิด” เข้ามาแทนสักระยะหนึ่งแล้ว โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเปิดทางให้ผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้
 
                       ซึ่ง “สมคิด” เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเขาเคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในสมัยที่เป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย  
 
                       หากเทียบฟอร์มแล้ว นาทีนี้จะเห็นได้ว่า “สมคิด” มีภาษีดีกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นชื่อชั้น ความน่าเชื่อถือ หรือการเลือกเชื่อจากผู้มีอำนาจสูงสุด อีกทั้งน่าจะได้รับการยอมรับจากหลายฝ่ายมากกว่า “ปรีดิยาธร” โดยเฉพาะบุคลิกส่วนตัว
 
                       นอกจากนี้ หาก “ปรีดิยาธร” มีอันต้องออกจากรัฐบาลไป ก็เชื่อได้ว่า มีรัฐมนตรีบางคนที่ต้องไปด้วย โดยเฉพาะในกระทรวงสำคัญอย่างกระทรวงการคลัง ที่ “สมหมาย ภาษี” เองก็น่าจะต้องออกจาก ครม.ไปพร้อมๆ กัน  โดยในกระทรวงนี้นายกรัฐมนตรีต้องการคนที่เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจมหภาค และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจในภาพรวม 
 
                       จึงปรากฏชื่อของ “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กำลังจะครบเทอมสิ้นกันยายนนี้ ที่ถูกทาบทามและเชื่อว่าสามารถทำงานร่วมและเข้าขาได้เป็นอย่างดีกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ อย่าง “วิรไท สันติประภพ”
 
                       อย่างไรก็ตาม หาก “ประสาร” ปฏิเสธการเข้าร่วม ก็มีชื่อของ “รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์” ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิด้วย 
 
                       นอกจากนี้ยังคาดว่า "ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา“ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะถูกปรับออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้ "พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ“ เข้ามาทำหน้าที่ีแทน ดูทั้งผลกระทบและดูแลมวลชน ที่อาจจะเกิดปัญหาจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำครั้งสำคัญ ซึ่ง ”ยอดยุทธ“ เป็นเพื่อน ”ประยุทธ์" และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ และร่วมรับผิดชอบกระทรวงเกษตรฯ ที่ชิมลางมาก่อนหน้านี้
 
                       การปรับทีมเศรษฐกิจครั้งนี้ หากทำจริงก็คาดว่าจะได้รับการยอมรับ และเป็นการบรรเทาความรู้สึกของประชาชนว่า อย่างน้อยรัฐบาลก็ได้ทำอะไรบ้าง แม้ผลทางปฏิบัติจะไม่ถึงขนาดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหรือฟื้นเศรษฐกิจให้เป็นบวกได้ เพราะปัจจัยแวดล้อม และโครงสร้างการบริหารยังเป็นแบบเดิม
 
                       แต่ผลทางจิตวิทยาถือว่ามีไม่น้อยทีเดียว...?????
 
                       หากต้องปรับ ครม.แล้ว เชื่อกันว่า ทีมเศรษฐกิจอาจจะไม่ใช่กลุ่มเดียวที่จะถูกปรับ เพราะขณะนี้ก็ใกล้เวลาที่ข้าราชการและทหารคนสำคัญจะเกษียณ จึงมีผู้คาดว่า คนเหล่านี้จะถูกเชิญมาร่วมคณะรัฐมนตรี และเมื่อมีคนใหม่เข้ามาก็ย่อมหมายความว่า คนเก่าก็ต้องออกไป 
 
                       อีกตำแหน่งหนึ่งที่ถูกระบุว่าจะมีการปรับเปลี่ยน คือ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ที่ปัจจุบันเป็นของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” โดยจะขยับให้เหลือเพียงรองนายกรัฐมนตรีตำแหน่งเดียว เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ที่กำลังจะเกษียณ 
 
                       บวกกับอีกหลายเรื่องที่ “ประยุทธ์-ประวิตร” เห็นไม่ตรงกัน อาทิ ตำแหน่ง ผบ.ตร. 
 
                       ทำให้มีเสียงลือว่า “ประวิตร” ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง กอปรกับการที่เขาหายตัวไปเป็นเวลา 3 วัน โดยขาดประชุมนัดสำคัญหลายแห่ง ยิ่งทำให้ข่าวลือกระพือสะพัดมากยิ่งขึ้นถึงความแตกแยกของสองพี่น้อง “บูรพาพยัคฆ์” 
 
                       สุดท้าย “ประวิตร” ก็ต้องออกมาแก้ข่าวลือ โดยให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เพื่อยืนยันว่าเขาป่วยจริง ไม่ใช่ป่วยการเมือง หรือน้อยใจ แต่ที่หายไปเพราะหกล้มจนต้องใส่เฝือกอ่อนทั้งที่แขนและขา โดยหมอให้พัก 2 สัปดาห์ ตอนนี้ยังเดินไม่ถนัด แต่ก็ยังทำงานที่บ้าน
 
                       แต่คำพูดที่ดูเหมือนจะเป็น “คีย์เวิร์ด” ว่า สองพี่น้องยังปึ้ก และสถานภาพของเขาในรัฐบาลยังเข้มแข็งคือคำกล่าวที่บอกว่า 
 
                       “ไม่มีวัน ที่นายกฯ จะปลดผมหรอก ยกเว้นผมทำงานไม่ไหวแล้ว เหนื่อย อยากพัก เท่านั้น แต่ตอนนี้ยังต้องช่วยกันต่อไป งานอีกเยอะ ปัญหาอีกเยอะ ยังไปไหน ไปพักไม่ได้ กับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น มีอะไร คุยกันตลอด คุยกันทุกวัน ไม่เคยมีเรื่องปรับ ครม. รมว.กลาโหม อะไร ส่วนการปรับ ครม.ส่วนอื่นมีหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่านนายกฯ"
 
                       “อย่าไปลือกันผิดๆ ผมกับนายกฯ นี่พี่น้อง อยู่ด้วยกันมา ก็ต้องช่วยกันไปตลอด จนกว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น หรือจนกว่าผมจะทำไม่ไหว”
 
                       นอกจากนี้เมื่อยังอยู่ในสภาวะอึมครึมว่าใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะมา ทำให้เสียงกระซิบกระแสต่างๆ ดังไม่หยุด แม้กระทั่งกระแสรัฐบาลปรองดองก็ยังมีอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน อาทิ มีข่าวว่ามีผู้ไปทาบทามอดีตรัฐมนตรีคนสำคัญจากฟากฝั่ง “ไทยรักไทย-เพื่อไทย” อาทิ “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ พงศ์เทพ เทพกาญจนา"
 
                       หากแต่ถึงนาทีนี้บอกได้ว่า โอกาสเป็นไปได้น้อยมาก คนจากฟากฝั่งไทยรักไทยที่จะมาได้ยังคงมีเพียง “สมคิด” ที่เข้ามาร่วมงานกับ คสช.ตั้งแต่แรก
 
                       อย่างไรก็ตามทั้งหมดก็อยู่ที่การตัดสินใจของ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในฐานะผู้กุมอำนาจสูงสุดในขณะนี้ ว่า ในคณะรัฐมนตรีควรจะมีใครบ้าง  
 
                       ซึ่งการปรับ ครม. สิ่งที่พึงคำนึงคือ ปรับแล้วจะมีอะไรที่ดีขึ้นหรือไม่ จะตอบสนองการแก้ปัญหาเพื่อประชาชนได้จริงหรือไม่ หรือทำให้รัฐบาลทำงานได้ดีขึ้นหรือไม่ หากตอบโจทย์เหล่านี้ไม่ได้ ปรับไปก็เท่านั้น  
 
                       และต้องไม่ลืมว่า จากนี้ไปงานที่รัฐบาลจะเจอนั้น จะหนักขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะถึงวันที่เข้าสู่ระบบปกติตามโรดแม็พ แค่ประคองตัวก็ยากแล้ว...!!!!
 
 
 
 
 
---------------------
 
(คม วิเคราะห์ การเมืองรอบสัปดาห์ : ลุ้น 'ครม.ประยุทธ์ 2' ...ประคองสถานการณ์ ? : โดย...อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ สำนักข่าวเนชั่น)