ข่าว

ศาลฎีกาฯ คุก 1 ปี "หมอเลี้ยบ" ตั้งบอร์ด ธปท.มิชอบ 

ศาลฎีกาฯ คุก 1 ปี "หมอเลี้ยบ" ตั้งบอร์ด ธปท.มิชอบ 

04 ส.ค. 2559

ศาลฎีกาฯจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น "หมอเลี๊ยบ"อดีต รมว.คลัง แทรกแซงการตั้ง กก.ทรงคุณวุฒิแบงก์ชาติ รอลงอาญา เจ้าตัวรับกังวลอีกคดี แปลงสัมปทานโทรคมนาม

           4 ส.ค.2559 - ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อม.39/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ หมอเลี้ยบ อายุ 59 ปี อดีต รมว.คลัง สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
             คดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2551 นพ.สุรพงษ์ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง รัฐบาลของนายสมัคร และได้แต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ หรือบอร์ดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมิชอบ ซึ่งมีการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ภายหลังวินิจฉัยว่า การคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด ธปท.เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  
               เนื่องจากคณะกรรมการคัดเลือกฯ บางคนมีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 28/1 และได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ดำเนินการระงับการทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงแต่งตั้งประธานกรรมการ ธปท. และให้ รมว.คลัง ดำเนินการยกเลิกการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.
           ต่อมา ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ เมื่อเดือน มิ.ย. 2558 หลังจากมีการชี้มูลความผิด นพ.สุรพงษ์ เมื่อเดือน มี.ค. 2554 เเละศาลฎีกาฯ นักการเมืองมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2558
 และ นพ.สุรพงษ์ จำเลยให้การปฏิเสธ และได้ยื่นหลักทรัพย์บัญชีเงินฝากและเงินสด 10 ล้านบาทขอประกันตัวระหว่างสู้คดี 

             องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นรัฐมนตรีคลัง ซึ่งมีอำนาจแต่งตั้งผู้ที่เป็นกรรมการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด ธปท.แต่ตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดคุณสมบัติ ห้ามไม่ให้บุคคลที่มาเป็นกรรมการคัดเลือก เป็นข้าราขการประจำ ไม่เกี่ยวข้องทางการเมือง และไม่มีผลประโยชน์ได้เสีย แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยกลับเสนอรายชื่อบุคคล 7 ราย ซึ่งใน 3 รายชื่ิอเป็นผู้บริหารธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ ภายใต้การกำกับของ ธปท. เพื่อเสนอเป็นกรรมการคัดเลือกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของบอร์ด ธปท. จึงเป็นการแต่งตั้งผู้มีประโยชน์ได้เสีย ฝ่าฝืนต่อกฏหมาย กระทบต่อความเป็นอิสระและเสถียรภาพของ ธปท. ที่จะเป็นธนาคารกลางของประเทศ
          โดยการกระทำของจำเลย เป็นการแทรกแซง ทำให้ ธปท.เสียหาย จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท 

         แต่ภายหลัง ที่จำเลยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกดังกล่าวแล้ว ต่อมามีการยกเลิกคำสั่งแต่งตั้ง ต่อมากระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯดังกล่าว จึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ มีกำหนด 1 ปี 

          หลังฟังคำพิพากษาว่า นพ.สุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์ ได้ขอบคุณศาลฎีกานักการเมืองที่เมตตา รอลงอาญา 1 ปี และยอมรับว่ากังวล เพราะยังเหลืออีกคดี คือแปลงสัมปทานโทรคมนาคม แต่อยากเตือนนักการเมือง ที่มีคดีขึ้นศาล ขอให้มีสติรวบรวมหลักฐานสู้ เชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรม

           ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า นพ.สุรพงษ์ ยังมีคดีที่ ป.ป.ช. ได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบฯ อีกสำนวน เป็นคดีหมายเลขดำ อม.66/2558 ด้วย ซึ่งมี นพ.สุรพงษ์ ในฐานะอดีต รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สมัยรัฐบาลทักษิณ นายไกรสร พรสุธี อดีตปลัดกระทรวงไอซีที สมัยรัฐบาลทักษณ และนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ และอดีตปลัดกระทรวงไอซีที สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย กรณีอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องถือในบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่า 51% เป็นไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา วันที่ 25 ส.ค.2559 นี้ เวลา 10.30 น.