ข่าว

"ส.ส.ร.40" ค้าน ให้อำนาจ ศาลรธน. สั่งจำคุกได้

"ส.ส.ร.40" ค้าน ให้อำนาจ ศาลรธน. สั่งจำคุกได้

01 ต.ค. 2560

"คณิน" ชี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ควร มีอำนาจสั่งจำคุก หวั่น คนไม่กล้าวิจารณ์ แนะ ต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุล ยัน มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว

 

          1 ต.ค.60 -นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตส.ส.ร.ปี 40 กล่าวถึงกรณีที่สนช.รับหลักการร่างพ.ร.ป.ว่า ด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหลักการให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสั่งจำคุกบุคคลที่วิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ ฐานละเมิดอำนาจศาลเป็นเวลาหนึ่งเดือน ว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะเท่ากับเป็นการปิดปากประชาชนและนักวิชาการที่จะตรวจสอบการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไปโดยปริยาย เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สิ้นสุดเด็ดขาดและผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และทุกองค์กรของรัฐ ที่มีอยู่ในประเทศไทย แม้แต่คำพิพากษาศาลฎีกา ก็ยังจะขัดหรือแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้และศาลรัฐธรรมนูญยังมีอำนาจที่จะวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจ ของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ ว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรมหรือไม่ด้วย ซึ่งเท่ากับว่าให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจควบคุมพฤติกรรมการใช้อํานาจอธิปไตยทั้งสามฝ่าย รวมทั้งองค์กรอิสระ 

          ทั้งนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการตรวจสอบ ถ่วงดุล และควบคุม การใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพราะจะกลายเป็น การใช้อำนาจตามอำเภอใจ คือรากเหง้า ต้นตอของการทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นในสังคม ความจริงศาลรัฐธรรมนูญได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายหมิ่นประมาท ในฐานะบุคคลอยู่แล้ว ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งต้องนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องไปเอาผิดถึงขนาดสั่งจำคุกเป็นเวลาหนึ่งเดือนดังกล่าว จริงอยู่ร่างกฎหมายอาจจะเปิดช่องไว้สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตและเป็นไปตามหลักวิชาการไม่มีความผิด เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะใช้ดุลพินิจและสั่งลงโทษ อันเป็น ที่สิ้นสุดเด็ดขาด โดยไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา แล้วใครจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์ 

          นอกจากนี้หากมีโทษจำคุกรออยู่จะก่อให้เกิดผลเสียอย่างหาย คือ 1.มีผลเป็นการปิดปากประชาชนและนักวิชาการในการตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไปโดยปริยาย 2.มีผลเป็นการปิดกั้นการพัฒนาส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการของคณะนิติศาสตร์ ภาคกฎหมายมหาชน ให้มีความเจริญก้าวหน้าและสอดคล้องกับหลักนิติธรรมสากล เพราะไม่มีอาจารย์และนักศึกษาผู้ใดกล้าที่จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาวิเคราะห์วิจารณ์ ทำรายงานหรือทำวิจัย อันเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความเป็นเลิศในทางวิชาการของสาขาวิชาดังกล่าว องค์กรหรือบุคคล ที่จะสนับสนุนการวิจัย ต่างก็จะลังเลและหวาดกลัว เมื่อได้เห็นหัวข้อและเนื้อหาที่เสนอขอรับ การสนับสนุน 3.ศาลรัฐธรรมนูญเองต้องไม่ลืมว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นต่างกับคำพิพากษาศาลอาญา ศาลแพ่ง หรือแม้แต่ศาลปกครอง ตรงที่ว่า คำพิพากษาของศาลดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ ปัจเจกบุคคล ในวงจำกัด แต่กรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ส่งผลกระทบต่อ มหาชน ในวงกว้าง

          "ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้บุคคลระดับนายกฯพ้นจากตำแหน่ง มีผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งตามไปด้วย จนเป็นผลให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างกว้างขวาง ให้คนเพียงไม่กี่คนซึ่งเป็นองค์คณะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ แล้วอย่างนี้จะไม่ยอมให้มีการวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความไม่เห็นด้วย บ้างเลยหรือ" นายคณิน กล่าว.