สมพงษ์ - อนุดิษฐ์ เต็ง หัวหน้า - เลขาฯ พรรค

               นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยถึงการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย วันที่ 12 กรกฎาคม นี้ สมาชิกพรรคมีสิทธิ์เสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองเลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค นายทะเบียน เหรัญญิก และโฆษกพรรค ได้อย่างเต็มที่ โดยให้เสนอไปยัง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการหัวหน้าพรรค ที่ 1770 อาคาร OAI Tower ถ.เพชรบุรี แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10310 หรือ โทรสาร 02-6534013 ภายในวันที่ 11 กรกฎาคม

               องค์ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคประกอบด้วย รักษาการกรรมการบริหารพรรค ส.ส. เพื่อไทย อดีตรัฐมนตรี ประธานสาขาพรรค และตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ประมาณ 500 คน โดยที่ประชุมจะลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค จากนั้นจะเลือกเลขาธิการ และคณะกรรมการบริหารพรรค ให้เสร็จสิ้นในวันนั้น การเสนอรายชื่อผู้เหมาะสม หรือการเสนอตัวเองเป็นกรรมการในตำแหน่งต่างๆ สมาชิกมีสิทธิ์เสนอได้

               "พรรคเพื่อไทยเป็นประชาธิปไตยพันเปอร์เซ็นต์ หัวหน้าพรรคคนใหม่และคณะกรรมการบริหารพรรคจะเกิดขึ้นจากฉันทามติของทุกคน ไม่มีการแบ่งกลุ่มก๊วน ไม่มีการแย่งชามข้าว มีแต่การอาสาและเสียสละเข้ามาทำงานให้กับพรรค เพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศ ให้สมกับความคาดหวังของพี่น้องประชาชน ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมนำโดย พลตำรวจโท วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค และนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ได้รับคำชื่นชมและคำขอบคุณจากที่ประชุมพรรคครั้งล่าสุดที่สามารถบริหารจัดการพรรคได้อย่างดียิ่ง ทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความเสียสละ รับผิดชอบ ทำให้พรรคเพื่อไทยก้าวหน้าอย่างมั่นคงมาจนถึงวันนี้"

               นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ หลายฝ่ายในพรรคสนับสนุน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรค และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งวันที่ 12 กรกฎาคม จะมีคำตอบทุกอย่าง ที่สำคัญคือ ทั้งหัวหน้าและเลขาธิการพรรค จะเป็น ส.ส. โดยหัวหน้าพรรคต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง การเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เป็นการปรับขบวนของพรรคเพื่อไทยครั้งสำคัญเพื่อรับมือกับการปฏิบัติงานในสภาผู้แทนราษฎรในการควบคุมรัฐบาล โดยร่วมมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านและภาคประชาสังคมที่จะมีบทบาทอย่างมากต่อไป เพื่อให้การทำงานร่วมกันบรรลุเป้าหมายนั่นคือ สกัดกั้นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.  ดำเนินการให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย และการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนพ้นจากความยากจน มีกินมีใช้ มีความสุขโดยถ้วนหน้า