ข่าว

ถวายสัตย์16ก.ค."ประยุทธ์"หารือนัดแรกทันทีลุยแก้ปัญหาปากท้อง 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่มา : หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2562

 

 

          ครม.ใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ 16 ก.ค.นี้ ถกนัดแรกทันควันรับรองนโยบายรัฐบาลลุยแก้เหลื่อมล้ำ-ปากท้อง ยันรื้อ  รธน.ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ด้าน พปชร.ดัน “ธนกร-อ.แหม่ม-ภาดาท์” นั่งทีมโฆษกรัฐบาล “ศรีสุวรรณ” ขู่ส่งฟ้องพูดชังชาติ

 

 

          รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งจัดทำนโยบายเพื่อเตรียมแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งมีกำหนดการในวันที่ 25 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ขณะเดียวกันผู้นำรัฐบาลจะนำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันอังคารนี้ ซึ่งจะเป็นการเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ


          วันที่ 14 กรกฎาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในวันที่ 16 กรกฎาคม เวลา 18.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน


          ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า มีหนังสือจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงนามโดยนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งรัฐมนตรีและการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ด้วยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งท่านเป็นรัฐมนตรี บัดนี้ ได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 เวลา 18.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน 


          ทั้งนี้ ขอให้ไปถึงทำเนียบรัฐบาล ณ ตึกภักดีบดินทร์ ก่อนเวลา 16.30 น. สำหรับการเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้จัดรถยนต์โดยสารตู้ เพื่อให้รัฐมนตรีเดินทางไปเป็นคณะ โดยจะออกจากทำเนียบรัฐบาลเวลา 17.00 น. และเดินทางกลับพร้อมกันเมื่อเสร็จพิธี โดยในหนังสือ ได้แจ้งการแต่งกายของคณะรัฐมนตรี คือ เครื่องแบบขาวปกติ และติดเครื่องหมายแสดงสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี



          ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะนำประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดเก่าเป็นนัดพิเศษเป็นการส่งท้าย เนื่องจากมีวาระสำคัญที่ต้องพิจารณา ก่อนที่ ครม.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ 


          มีรายงานด้วยว่า ในอังคารวันที่ 16 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จะนำครม.ชุดใหม่ ประชุมนัดแรกทันที หลังเสร็จสิ้นการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องได้รับคำสั่งให้สแตนด์บายที่ห้องประชุม ครม. ตั้งแต่เวลา 16.00 น. โดยที่ประชุมจะมีการพิจารณาให้ความเห็นชอบนโยบายรัฐบาลที่จะมีการแถลงต่อสภา


          พปชร.ดันธนกร-ทีมโฆษกรบ.
          อย่างไรก็ตาม มีการแจ้งประสานจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำเนินการส่งนโยบายรัฐบาลที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ไปยังสภาล่วงหน้า เพื่อเตรียมแจกจ่ายให้แก่สมาชิกทุกคน คาดว่าจะเป็นในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะได้แถลงนโยบายต่อสภาในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้
   

          มีรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในการพิจารณารายชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะเสนอให้เป็นทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พบว่ามีชื่อ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดผู้ใหญ่ในพรรคจะให้โอกาสผู้หญิงที่มีศักยภาพเข้ามามีบทบาทในการทำหน้าที่ตรงนี้ด้วย ได้แก่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นนักวิชาการ มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการคิดนโยบายด้านสวัสดิการ อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นโยบายมารดาประชารัฐ เป็นต้น 


          ขณะเดียวกันมีอีกหนึ่งคนที่อาจถูกวางตัวให้ทำหน้าที่ คือ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. ที่ผ่านการทำงานในองค์กรของรัฐและเอกชนมาแล้ว ซึ่งรายชื่อทั้งหมดจะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาความเหมาะสมต่อไป เช่นเดียวกับรายชื่อแคนดิเดตในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้โควตาพรรคละ 1 คน


          “ภราดร”บอกยังไม่มีทาบทาม
          แหล่งข่าวในพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ผู้ที่จะรับผิดชอบในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องทำงานและร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด และยังต้องรับผิดชอบการสรุปเนื้อหาการประชุมและนำเสนอต่อสาธารณะได้อย่างครบถ้วนแม่นยำและสามารถชี้แจงเรื่องต่างๆ ได้ โดยเชื่อว่าในสถานการณ์ทางการเมืองเช่นนี้อาจจะต้องมีการแต่งตั้งรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ มากกว่า 3 คน เพื่อให้คลอบคลุมงานทุกด้านและช่วยชี้แจงตอบโต้ประเด็นปัญหาต่างๆ


          ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวถูกทาบทามร่วมทีมในฐานะรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ยังไม่ได้รับการทาบทาม ในพรรคยังไม่มีใครมาแจ้ง และปกติตามธรรมเนียมเมื่อเป็นโควตาทางพรรคก็คัดสรรตัวบุคคล ซึ่งขณะยังไม่ทราบว่าทางพรรคจะจัดสรรบุคคลใดให้เป็นตัวแทนของพรรคไปทำหน้าที่ เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวสนใจตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาลหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า รอให้พรรคเป็นผู้พิจารณาตัวบุคคลจะดีกว่า เพราะในพรรคก็มีคนที่เหมาะสมหลายคนก็ให้พรรคเป็นคนคัดสรรไป เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพรรค ถ้าพรรคให้ไปทำหน้าที่ตรงนี้ก็ทำได้


          ยันแก้รธน.ใน1ปีไม่เร่งด่วน
          ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับร่างนโยบายรัฐบาลนั้นมีทั้งหมด 41 หน้า ที่รวบรวมนโยบายจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค โดยมีนโยบายเร่งด่วน 1 ปี กับ 4 ปี เร่งด่วนครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ แก้ปัญหาปากท้อง, แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ, การสร้างอนาคตให้ประชาชน และการแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า โดยนโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำทันทีใน 1 ปีแรก คือ 1.นโยบายลดความเหลื่อมล้ำ จะต้องสานต่อในเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ(บัตรคนจน) ซึ่งต้องทำให้เหมาะสมและเป็นธรรม นโยบายมารดาประชารัฐ นโยบายเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ และค่าแรงขั้นต่ำ 2.นโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว อาทิ การแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตร การส่งออกสินค้าทางการเกษตร และการทำอุโมงค์ส่งน้ำจากภาคเหนือไปยังภาคอีสาน เป็นต้น


          รายงานข่าวระบุอีกว่า ในระหว่างการจัดทำร่างนโยบายได้มีความพยายามกดดันอย่างหนักจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นเงื่อนไขในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญภายใน 1 ปีแรกของรัฐบาลเข้ามา อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาล มองว่าเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องทำคือการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน และไม่ต้องการให้มีการเงื่อนไขความขัดแย้ง เพราะจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลจึงเห็นพ้องกันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่วาระสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญควรผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอน และควรรับฟังความเห็นจากประชาชน เพราะอย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านการทำประชามติ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้


          ข่าวแจ้งด้วยว่า พรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าควรบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปก่อน เพราะมีจุดแข็งอยู่ที่การปราบปรามการทุจริต ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยมาโดยตลอด และนอกจากนี้ในส่วนคดี ห้าม ส.ส. ถือหุ้นกิจการสื่อ โดยเฉพาะคดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ฝ่ายค้านอยากแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวด้วย เพราะหากนายธนาธรโดนตัดสินว่ามีความผิด แต่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายธนาธรอาจจะพ้นผิด เนื่องจากอาจจะมีการระบุไว้ในกฎหมายให้ยกเว้นโทษย้อนหลัง ซึ่งฝ่ายค้านหวังจะใช้กรณีดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ หากพรรคร่วมรัฐบาลตกหลุมพราง อาจจะเข้าทางของฝ่ายค้านได้


          รมต.พร้อมแจงไม่หวั่นอภิปราย
          นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 25 กรกฎาคมนั้น รัฐบาลมีความพร้อมทุกด้าน ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายรัฐมนตรีบางคนนั้น มั่นใจว่ารัฐมนตรีแต่ละคนสามารถชี้แจงได้โดยเฉพาะในเรื่องคุณสมบัติต่างๆ เพราะมีการตรวจสอบมาแล้ว


          ส่วนกรณีที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ระบุว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก่อนปิดสมัยประชุมสภานั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่อยากให้รัฐบาลได้มีเวลาในการทำงานให้แก่พี่น้องประชาชนก่อน เพราะมีหลายเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ หากเป็นไปได้อยากให้ฝ่ายค้านมาช่วยกันช่วยเหลือประชาชนก่อนจะดีกว่า


          นายธนกร กล่าวอีกว่า เมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จก็จะดำเนินนโยบายเร่งด่วนทันที โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องให้แก่พี่น้องประชาชน การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยเฉพาะการดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร ในส่วนของรัฐมนตรีแต่ละคนนั้น จะเห็นได้ว่าได้เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน โดยเฉพาะบางคนได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนก่อนที่จะแถลงนโยบายด้วยซ้ำ รวมถึงการหารือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงที่รับผิดชอบ ดังนั้น เมื่อแถลงนโยบายเสร็จก็จะทำงานได้ทันที


          “ธรรมนัส”ไม่หวั่นเป้าซักฟอก
          ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อติด 1 ใน 6 รัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและจะเกาะติดการทำงานตลอดเวลา ว่า ไม่เคยกลัวเพราะทำทุกอย่างถูกต้องไม่มีอะไรต้องกังวลใจ และพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง ถามว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายในเรื่องใด หากจะยกเรื่องการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ที่เคยทำธุรกิจหรือสัมปทานสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ยืนยันได้ว่าไม่มีหุ้นอะไรเหลืออยู่แล้วแน่นอน เพราะก่อนที่จะเข้ามาทำงานการเมืองดำเนินการทุกอย่างถูกต้องแล้ว


          ส่วนการพิจารณาบุคคลมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น เช่น เลขาฯ และที่ปรึกษารัฐมนตรีนั้น รมช.เกษตรฯ ชี้แจงว่า เรื่องนี้มอบหมายให้นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐพิจารณาบุคคลที่มีความสามารถและเคยทำงานในพื้นที่มาช่วยงาน โดยไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ในส่วนรัฐมนตรีอื่นของพรรคอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บริหารพรรคหารือกัน


          ค้านขึ้น400ให้ใช้ประกันค่าแรง
          ขณะที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2562 ลงจาก 3.8 เหลือ 3.5 และพระเอกคือการส่งออกสำคัญหดเหลือร้อยละ 4 แปลว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง แต่รัฐบาลจะเอาง่ายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเช่นนั้นหรือ ขอให้นึกถึงนายจ้างรายเล็กรายน้อยด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการปิดตัวลงของเอสเอ็มอี ร้านอาหาร ร้านค้าเล็กๆ อีกมาก


          ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอประกันค่าแรง ไม่ให้ต่ำกว่า 120,000 บาทต่อปี หากหักวันหยุดแล้วก็จะเท่ากับค่าแรงวันละ 400 บาท คล้ายกับที่รัฐบาลเสนอ แต่ที่ต่างมโหฬารคือนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ผลักภาระทั้งหมดให้นายจ้าง แต่เป็นการประกันค่าแรง หากพื้นที่ไหนได้ค่าแรงไม่ถึง 400 บาท รัฐจะชดเชยส่วนต่างให้จนครบ โดยไม่ต้องเป็นภาระนายจ้างคล้ายกับกรณีศึกษาเทียบเคียง Workfare ของสิงคโปร์ ที่รัฐชดเชยโดยการจ่ายเงินให้ในรายจ่ายสำคัญๆ ของลูกจ้าง


          “เราสามารถจ่ายเงินส่วนต่างค่าแรงในรายการ เช่น การศึกษาเพื่อเพิ่มความสามารถของตนเองหรือบุตร การรักษาพยาบาล ชำระหนี้สิน ให้เป็นเงินออมในกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) และอื่นๆ ที่จำเป็น วิธีนี้จะเป็นการเพิ่มศักยภาพแรงงานไปในตัว แถมเป็นรัฐสวัสดิการที่ให้เฉพาะคนสัญชาติไทยเท่านั้น วิธีนี้จะช่วยประคองนายจ้างเอสเอ็มอีรายเล็กให้อยู่รอดท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง และขณะเดียวกันลูกจ้างก็มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยตามเป้าหมายของรัฐบาล” นายอรรถวิชช์กล่าว


          7พรรคยังอุบรายชื่อเป้าอภิปราย
          นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายของ 7 พรรคฝ่ายค้านในการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ทางพรรคร่วมทั้ง 7 พรรคจะมีการหารือกันในเบื้องต้นและจะพิจารณาดูว่ามีนโยบายด้านอะไรบ้างและเป็นไปตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ รวมถึงตรงกับความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่ เมื่อถามถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่เคยหาเสียงไว้จะนำมาหยิบยกขึ้นอภิปรายหรือไม่ นายชวลิต ตอบว่า ต้องขอดูเอกสารนโยบายก่อนแล้วค่อยแนะนำวิพากษ์วิจารณ์กัน


          ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชวลิต กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจส่วนใหญ่จะไม่ล็อกเป้าใครเป็นพิเศษและเก็บตรงนี้ไว้ก่อน โดยไม่ระบุชัดว่าจะอภิปรายใครในเรื่องอะไร และส่วนตัวก็เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นความลับอย่างยิ่งในเรื่องนี้


          “ในวันที่ 15 กรกฎาคม จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่นอกรอบอย่างไม่เป็นทางการ โดยจะนำเอาข้อมูลเพื่อพิจารณาในการแถลงนโยบายมาหารือ ทั้งนี้อยากให้ส.ส.ของพรรคทุกคนที่สนใจด้านต่างๆ เอาข้อมูลไปเตรียมศึกษาเพื่ออภิปราย” นายชวลิต กล่าว


          ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า วันนี้ถ้าจะปฏิรูปประเทศเรื่องนโยบายถือว่ามีความสำคัญแต่การอภิปรายของฝ่ายค้านครั้งนี้ยังไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เป็นการอภิปรายดูว่านโยบายนั้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศหรือไม่ เช่นเดียวกันกับคนที่จะเอานโยบายไปขับเคลื่อนนั้นเป็นอย่างไร มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ซึ่ง 7 พรรคก็มีข้อมูลมาบ้างแล้ว นอกจากนี้ในวันที่ 21 กรกฎาคม ทาง 7 พรรคฝ่ายค้านจะจัดเวทีเสวนาโดยการเเสดงวิสัยทัศน์ของผู้นำทั้ง 7 พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะจัดที่หอประชุม ม.ธรรมศาสตร์


          อ๋อยแขวะปชป.แก้เกี้ยวแก้รธน.
          วันเดียวกัน คณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้านฯ นำโดย พ.ต.อ.ทวี, นายชวลิต, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด พร้อมทีมโฆษกและส.ส.ตัวแทน 7 พรรคฝ่ายค้าน เดินทางลงพื้นที่พบประชาชนรับฟังปัญหาสารพิษตกค้างในอาหารและสิ่งแวดล้อม ที่มูลนิธิชีววิถี (Bio Thai) ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ได้เสนอให้สภาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาไปแล้วและมองว่าการแก้ปัญหาสารพิษตกค้างสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องใช้งบประมานมากเพียงแก้ในส่วนของข้อกฎหมาย คือการแบนหรือยกเลิกนำเข้าและห้ามใช้สารเคมีบางชนิดที่มีความรุนแรงส่งผลต่อสุขภาพ แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ภาครัฐมักมีความใกล้ชิดกับนายทุนภาคธุรกิจจึงไม่มีการยกเลิกหรือแก้ไขข้อกฏหมาย


          นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Chaturon/จาตุรนต์แขวะ ปชป. พูดถึงแก้รธน.ก็แค่แก้เกี้ยว ส่วนประเด็นแย่งห้องทำงานที่เป็นดราม่ากัน เรื่องที่ใหญ่กว่านั้นก็คือพวกนี้ทำไมยังมาเป็นรมต.ได้ และพวกเขาทั้งหลายจะปู้ยี่ปู้ยำประเทศกันอย่างไรต่างหาก


          พาดหัวข่าวหวือหวาทำนองผิดหวังที่ร่างนโยบายรัฐบาลไม่มีเรื่อง #แก้รัฐธรรมนูญ จะแก้ทำไม เป็นรัฐบาลกันได้ก็เพราะ #รัฐธรรมนูญของเรา #รัฐธรรมนูญเพื่อพวกเรา ที่ปชป.ทำเป็นพูดถึงก็แค่แก้เกี้ยวเท่านั้น จะแก้รัฐธรรมนูญได้มีแต่ต้องอาศัยประชาชนเท่านั้น


          ทำไมจับประเด็นเรื่อง #แย่งห้องทำงาน เป็นดราม่ากันใหญ่ เรื่องที่ใหญ่กว่าเยอะก็คือพวกที่แย่งห้องทำงานกันอยู่นี้ทำไมยังมาเป็นรัฐมนตรีกันได้ และพวกเขาทั้งหลายจะปู้ยี่ปู้ยำประเทศกันอย่างไรต่างหาก


          ดักคออย่าดึงรายงานนโยบาย
          ส่วนที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงการอภิปรายแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยจะมีการพูดคุยในวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งต้องตีโจทย์ว่าจะมีการแถลงนโยบายในประเด็นใดบ้างซึ่งต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งส่งรายงานคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยเร็ว เพื่อประสิทธิภาพที่จะช่วยคิดช่วยนำเสนอในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขออย่าเล่นเกมดึงเวลาจนถึงช่วงท้ายเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัว


          “อะไรที่เป็นนโยบายที่ดีเราจะสนับสนุนร่วมกันคิดร่วมกันทำ แต่อะไรที่เป็นนโยบายที่มีข้อบกพร่อง เราก็เห็นแล้ว เช่น เรื่องการแก้ไขภัยแล้งมันบกพร่อง ก็อย่าหาว่าฝ่ายค้านไปโจมตี ขอให้คิดว่าเป็นการเสนอแนะติติงเพื่อให้รัฐบาลใช้เงินน้อยลง ประชาชนเดือดร้อนน้อยลง และแก้ไขปัญหาได้ทันเหตุการณ์ ดังนั้นรายงานที่จะส่งมายังรัฐสภาขอให้ดำเนินการโดยเร็ว และพรรคเพื่อไทยจะแบ่งการอภิปรายเป็นด้านต่างๆ เช่น ด้านสวัสดิการของรัฐ ด้านการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ด้านเศรษฐกิจ หรือการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาท ซึ่งจะอภิปรายด้วยเหตุด้วยผล ขอให้ประชาชนร่วมติดตามและเสนอความคิดเห็น ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ร่วมคิดตามสโลแกนของพรรคเพื่อไทยยุคใหม่ ”ประชาชนคิดเพื่อไทยทำ“ ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ร่วมอภิปรายกับพรรคเพื่อไทยในรัฐสภา” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ


          จี้ประกาศพื้นที่ภัยแล้ง-ชดเชย
          คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวภายหลังการนำคณะลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนเพื่อศึกษาปัญหาภัยแล้ง ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น โดยกล่าวว่า รัฐมีข้อมูลอยู่แล้วว่าปีนี้จะเผชิญกับภัยแล้ง จึงต้องมีมาตรการเบื้องต้น ซึ่งวันนี้มาติดตามปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ จึงจำเป็นต้องเก็บน้ำไว้เพื่อการอุปโภคบริโภค ไม่เพียงพอที่จะทำการเกษตรได้ดังนั้นสิ่งที่บกพร่องคือตั้งแต่ก่อนเข้าฤดูทำนารัฐบาลควรจะทำความเข้าใจกับประชาชนในขอนแก่นและใกล้เคียงว่าปีนี้มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้ทำนา เพราะไม่มีน้ำ จึงจำเป็นต้องออกมาตรการที่ชัดเจนให้แก่ประชาชน


          “อย่างที่บอกปีนี้ปลูกข้าวมา 4 รอบแล้ว ปลูกเสร็จก็ต้องไถทิ้ง ลงค่าเมล็ดค่าปุ๋ย ค่ายาไป 4 รอบเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ซึ่งชาวบ้านก็มาตั้งคำถามว่าบ้านอยู่รอบเขื่อนแต่ทำไมไม่มีน้ำให้ใช้” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว และว่า เห็นว่านายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ต้องกล้าพูดความจริงกับประชาชน ต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติภัยแล้งให้แก่ประชาชนทันที ป่วยการที่จะไม่พูดความจริงกับประชาชนต้องพูดความจริงว่ามันไม่สามารถทำนาได้ในฤดูกาลนี้ นาปีนี้ทำไม่ได้ในพื้นที่ไหนบ้าง และประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งและกำหนดอัตราชดเชยเลยว่าไม่ทำนา ไม่ต้องไปลงทุนเพิ่ม ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่มเมื่อรัฐกำหนดอัตราการชดเชยชัดเจนแล้ว ประชาชนจะได้หาทางออกหาอาชีพเสริมเพิ่มเติมหรือเข้าไปใช้แรงงานในกรุงเทพฯ หรือในหัวเมืองเพื่อทำมาหากิน


          คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีข้อพิพาทเรื่องการใช้น้ำเกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน ดังนั้นรัฐบาลต้องพูดความจริงเพราะไม่ใช่ที่ขอนแก่นเท่านั้นแต่ยังมีจังหวัดอื่นๆ ซึ่งท้ายที่สุดก็ต้องประกาศเป็นพื้นที่เขตภัยพิบัติภัยแล้งจึงขอให้เร่งรัดประกาศเพื่อชดเชยทันทีดีกว่าปล่อยให้ประชาชนหวังลมๆ แล้งๆ และไปกู้หนี้ยืมสินมาทำการเกษตรแต่ไม่มีน้ำให้ประชาชนใช้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะได้ติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด


          กกต.ฟันผิดช่วยหาเสียงทางไลน์
          สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ที่ 61/2562 เรื่อง การเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตที่ 1 จ.ยะลา โดยระบุว่า ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. ได้รับคำร้องว่า นายณรงค์ คงช่วย ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผู้ถูกร้อง มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 79 กระทำการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง โดยวิธีการใดไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง หลังเวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง


          ทั้งนี้ กกต.พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว เห็นว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 เวลา 19.52 น. ผู้ถูกร้องได้ส่งข้อความหาเสียงเลือกตั้งผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ กลุ่มชุมชนพิทยนิโรธ โดยมีข้อความว่า “ฝากเลือกพรรคของชาวยะลา เพื่อพัฒนายะลา เลือกเบอร์ 2 ผมต้องการสร้างสนามบินใน อ.เมืองยะลา เพื่อทำให้ยะลามีความสามารถในการแข่งขันกับเมืองอื่น…เลือกเบอร์ 2 เขต 1 ยะลา” และข้อความว่า “ท่านนายกเทศบาลนครยะลาได้กล่าวไว้ และเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้กับชาวยะลา โปรดเลือกเบอร์ 2 เขต 1 ยะลา พรรคประชาชาติ” อันเป็นการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ นายสัญญา สุวรรณโพธิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ยะลา หมายเลข 2 พรรคประชาชาติ ประกอบกับผู้ถูกร้องให้ถ้อยคำยอมรับว่า ได้ส่งข้อความดังกล่าวจริง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 79 ตามคำร้อง จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้ถูกร้องตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 156   ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 


          “จตุพร”แนะแทคติกล้มรัฐบาล
          ที่ร้านกาแฟพีซคอฟฟี่แอนด์ไลบรารี่ อิมพีเรียล ลาดพร้าว มีการจัดกิจกรรมต่อลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า รัฐบาลใหม่นี้ ไม่ทันเก่าก็คงไปแล้ว ทั้งนี้มีข้อเสนอแนะไปยังฝ่ายค้านว่า การที่รัฐบาลนี้ได้ตั้งรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่มีปัญหาในด้านคุณสมบัติหลายๆ คนนั้น ใช้ทฤษฎีเฉลี่ยความชิงชัง โดยเป็นการตั้งคนที่มีปัญหาให้ถูกอภิปรายหลายๆ คน เพื่อเบี่ยงเบนเป้าหมายจากแกนนำหลักของรัฐบาล ถ้าตั้งคนดีทั้งหมด คนก็พากันอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียว ทฤษฎีดังกล่าวนี้ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน 


          “รัฐบาลลักษณะนี้ต้องเจอฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่เหมือนปัจจุบันด้วยเรื่อง เสื้อผ้า หน้าผม ภาษา ก็คงได้แต่เป็นข่าวแต่คว่ำรัฐบาลไม่ได้  แต่เรื่องปากท้องประชาชน เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น สามารถล้มรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำได้ง่าย ดังนั้นในวันแถลงนโยบายที่จะถึงนี้ ฝ่ายค้านต้องทำการบ้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สู้กันที่ข้อเท็จจริง ฝ่ายค้านในตอนนี้ต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ มีเรื่องให้อภิปรายรัฐบาลมากมาย ทั้งเรื่องนโยบายที่ทำไม่ได้ เรื่องทีมเศรษฐกิจชุดเดิม ที่ทำงานมา 5 ปีแล้วไม่มีผลงาน เป็นต้น” นายจตุพร กล่าว


          นายจตุพร ยังได้กล่าวถึงกำหนดการพ้นโทษของ นายทอม ดันดี ในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ หลังจากรับโทษมาแล้วกว่า 5 ปี โดยได้นัดหมายร่วมแสดงความยินดีกันที่ร้านกาแฟพีซคอฟฟี่ แอนด์ไลบรารี่ แห่งนี้ อีกด้วย 


          “พี่ศรี”ขู่ฟันพูดชังชาติฟ้องทันที
          ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “การเดินทางไปพบปะกับนักการเมือง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป สหประชาชาติ สื่อมวลชนในหลายประเทศ และการบรรยายสาธารณะ ถ้าไปพูดเพื่อชังชาติ เดี๋ยวจะยื่นให้อัยการส่งศาลรธน.สั่งระงับนะ”


          ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวของนายศรีสุวรรณ มีขึ้นในช่วงที่จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางไปหลายประเทศในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 9-15 กรกฎาคม 2562 เพื่อพบปะกับนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป เพื่อพูดคุยเรื่องการเมือง


          มาเฟียไม่มีสิทธิ์ทำงานการเมือง
          ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางรายในครม.ประยุทธ์ 2 ว่า “งานการเมืองเป็นงานมีเกียรติสูงส่ง เพราะการเมืองเป็นเรื่องของบ้านเมืองและชีวิตประชาชน นักการเมืองต้องเป็นคนดีสูงส่ง ไม่คิดชั่ว ประพฤติชั่ว และมีจิตอาสาบริสุทธิ์เพื่อเข้ามารับใช้บ้านเมืองและประชาชน”


          “พวกมาเฟีย มิจฉาชีพ และผู้ไม่มีความสามารถ ไม่ซื่อสัตย์สุจริตต้องไม่มีสิทธิ์มาทำงานการเมือง ผู้ที่เคยต้องโทษ แม้ได้รับอภัยโทษหรือนิรโทษจากการทำผิด หากความผิดนั้นเป็นความชั่ว ก็ยังต้องถือว่าผู้นั้นเป็นคนชั่ว ที่ไม่มีสิทธิ์มารับใช้ทางการเมือง นอกจากศาลยอมรับว่าเป็นการตัดสินที่ผิดพลาดและไม่ยุติธรรม ผู้ที่ยินยอมให้นำคนชั่วเข้ามาทำงานการเมืองต้องรับผิดชอบและมีความผิดด้วย”


          โพลล์เผยปชช.จี้แก้ศก.-คอรัปชั่น
          สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,188 คน หัวข้อ “ปัญหาที่ประชาชนอยากฝากถึงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ครม.ประยุทธ์ 2” เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่ติดตามข่าวการเมือง จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมครม.ชุดใหม่ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อพูดคุยเรื่องของการแบ่งงานตามภาระหน้าที่ที่แต่ละกระทรวงรับผิดชอบ ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ให้เป็นแนวทางการทำงานและนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาต่อไป โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 10-13 กรกฎาคม โดยสรุปผลได้ดังนี้


          1.“ปัญหาเศรษฐกิจ”ที่ประชาชนอยากฝากให้ ครม.ชุดใหม่ เร่งดำเนินการ พบว่า อันดับ 1 ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ขึ้นเงินเดือน ขึ้นค่าแรง 63.99% อันดับ 2 แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร กระตุ้นการส่งออก 43.26% อันดับ 3 แก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ผลักดันโครงการขนาดใหญ่ กระจายรายได้ 34.20% อันดับ 4 ชะลอการขึ้นภาษี การจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ 20.47% และอันดับ 5 สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติ แก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า 18.39% 2.“ปัญหาสังคม”ที่ประชาชนอยากฝากให้ ครม.ชุดใหม่ เร่งดำเนินการ พบว่า อันดับ 1 ปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรม ความไม่ปลอดภัยในชีวิต 61.45% อันดับ 2 พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น เช่น ปัญหาปากท้อง สุขภาพร่างกาย 57.11% อันดับ 3 ขจัดความเหลื่อมล้ำ เอารัดเอาเปรียบ ความไม่เท่าเทียม 22.69% อันดับ 4 ปลูกฝังจิตสำนึกให้เป็นคนดี มีวินัย เคารพกฎหมาย 21.90% และอันดับ 5 แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ขยะพลาสติก พลังงาน ป่าไม้ น้ำท่วม 19.26%


          3.“ปัญหาการเมือง”ที่ประชาชนอยากฝากให้ ครม.ชุดใหม่ เร่งดำเนินการ พบว่า อันดับ 1 ตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น การใช้งบประมาณโครงการต่างๆ 56.32% อันดับ 2 เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ใส่ร้าย โจมตีกัน 33.91% อันดับ 3 ช่วยกันปฏิรูปกา

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ