ข่าว

ขีดเส้น1ปีแก้รธน.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่มา : หน้า 1 หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2562


 

          "วิษณุ" ชี้แก้ไข รธน. ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน รอฟัง"บิ๊กตู่" ชี้แจงกรอบเวลา ปชป.ปลื้มส่วน ชทพ. จี้ถาม ปชช.ก่อน “เพื่อไทย” ลั่นถล่มรัฐ  3 ปมใหญ่คุณสมบัตินายกฯ-รมต.สีเทา-รธน.ทำประเทศไม่ก้าวหน้า  ส่วน“บิ๊กแดง” ซัดข่าวปลอมห้ามอภิปรายนายกฯ “ทอม ดันดี” พ้นคุกเสื้อแดงแห่รับ

 

 

 

          การทำงานของรัฐบาลชุดใหม่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำครม.ทั้ง 35 คนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ทว่าแม้ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนกำลังเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ดูเหมือนว่าประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างมากในช่วงนี้ ขณะเดียวกันในส่วนของฝ่ายค้านก็เตรียมที่จะรอซักฟอกรัฐบาลใน 3 ประเด็นใหญ่เช่นกัน

 

          พท.กร้าว“สมพงษ์”นำทีมถล่มรัฐบาล
          เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่พรรคเพื่อไทย(พท.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านมีความพร้อมในการอภิปรายอย่างเต็มที่ ไม่มีความกังวลใดๆ รอแค่เพียงเนื้อหานโยบายจากรัฐบาลว่าจะแถลงเรื่องใดบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาทางพรรคได้ประชุมวางแผนกันอย่างต่อเนื่อง และเมื่อได้เห็นนโยบายจากทางรัฐบาล ทางพรรคก็จะแบ่งความรับผิดชอบและจัดกรอบการอภิปรายได้ ส่วนการจัดวางตัวบุคคลที่จะอภิปรายนั้น เชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีความสามารถในการอภิปราย โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้นำทีมอภิปราย 


          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการหารือของวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ที่จะกำหนดกรอบเวลาในการอภิปราย เบื้องต้นทราบเพียงกรอบวันที่จะแถลงนโยบาย คือวันที่ 25-27 กรกฎาคมนี้ รวม 3 วัน ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลกำหนดไว้ในร่างนโยบายสนับสนุนให้มีการแก้ไขนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นหนึ่งนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ประกาศไว้เมื่อตอนหาเสียง และเรื่องนี้ต้องรอดูรายละเอียดจากทางรัฐบาลว่าจะมีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร ส่วนกระบวนการหรือวิธีการแก้ไขจะเป็นอย่างไรนั้น ทางพรรคเห็นว่า ถ้าสามารถดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและถูกต้องตามกฎหมาย ก็พร้อมที่จะสนับสนุน

 

          "เพื่อไทย” ขอ 3 วันอภิปรายนโยบาย
          นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านจะนัดหารือในวันที่ 22 กรกฎาคม เวลา 11.00 น. เพื่อพิจารณาและวางกรอบการอภิปรายนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ขณะที่การเตรียมความพร้อมของพรรคนั้น ล่าสุดได้เปิดให้ ส.ส.ของพรรคที่ต้องการอภิปรายเนื้อหา ยื่นเจตจำนงมาจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ จากนั้นช่วงวันที่ 20–24 กรกฎาคม พรรคจะจัดติวเข้มให้แก่ ส.ส.ก่อนการอภิปราย ทั้งเนื้อหาและทักษะการอภิปราย โดยแกนนำของพรรค อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นายอดิศร เพียงเกษ อย่างไรก็ตาม ในการอภิปราย ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเน้นเนื้อหาตามกรอบสำคัญ อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ความมั่นคง และการเมือง และบางเรื่องจะเสนอแนะกรอบการปฏิบัติเพื่อไม่ให้การนำนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในบางเรื่องสร้างผลกระทบหรือความเสียหายต่อประชาชนและประเทศ

 

          นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย จะเทียบเท่าการซ้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้น ขอรัฐบาลอย่าวิตกเกินเหตุเพราะพรรคเพื่อไทยจะยึดตามกรอบปฏิบัติ อภิปรายให้ความเห็น ข้อท้วงติงและข้อเสนอแนะ รวมถึงข้อบกพร่องในนโยบายและตัวบุคคล ซึ่งสาระสำคัญไม่ใช่การจ้องล้มรัฐบาล แต่ต้องการติเพื่อให้นำนโยบายไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และหากการนำนโยบายไปปฏิบัติพบข้อบกพร่องที่ชัดเจน จึงจะเป็นลำดับของการอภิปรายที่เข้มข้น และตรวจสอบรัฐบาลหรือรัฐมนตรีต่อไป ส่วนการกำหนดวันเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อให้รัฐบาลแถลงนโยบายนั้น เบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจากคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) แต่ทางฝ่ายค้านขอไว้ 3 วัน คือวันที่ 24–26 กรกฎาคม ตามเวลาการประชุมสภา และขอให้พรรคฝ่ายค้านมีเวลาอภิปรายรวม 20 ชั่วโมง เหตุผลสำคัญคือ สมัยการแถลงนโยบายของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ สภาจัดเวลาอภิปรายไว้รวมทั้งสิ้น 3 วัน ดังนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่าควรยึดเวลาดังกล่าวไว้ ส่วนการแบ่งเวลาอภิปรายนั้น เบื้องต้นต้องจัดสรรให้แก่กลุ่ม ส.ว. กลุ่ม ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มของรัฐบาล ส่วนจะเป็นไปตามข้อตกลงหรือไม่ ต้องรอการประสานงานจากวิปรัฐบาลอีกครั้ง

 

          จ่อถล่มนโยบายรัฐบาล 3 ปมใหญ่
          พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคมีความพร้อมโดยจะอภิปรายใน 3 หัวข้อใหญ่ที่ผูกโยงกัน 1.ตัวนโยบาย ที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลที่หลากหลาย บนการต่อรองผลประโยชน์ จึงขาดเอกภาพทางความคิด นโยบายที่ออกมาน่าจะขาดความแหลมคม ลุ่มๆ ดอนๆ ขายผ้าเอาหน้ารอดเท่านั้น 2.ตัวบุคคล คือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคนมีคุณสมบัติสีเทา ขัดจริยธรรม และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเฉพาะนายกฯ ที่อยู่ระหว่างรอศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่า เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ หากคำตอบออกมาว่า เป็น ก็จะขาดคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐบาลจบเห่ และนโยบายที่แถลงก็เป็นฝันค้างเท่านั้น


          3.ประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่บางพรรคการเมืองใช้เป็นเหตุผลตระบัดสัตย์เข้าร่วมรัฐบาล โดยอ้างว่า เพื่อให้เกิดการแก้ไข หากไม่ปรากฏในนโยบายก็จะเป็นการตระบัดสัตย์ซ้ำซาก ไม่สมควรอาสารับใช้ประชาชนอีกต่อไป เพราะรัฐธรรมนูญถือเป็นรากฐานของการสร้างความเชื่อมั่น แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กลับเป็นเงื่อนไขให้ความไม่ปรองดองเกิดขึ้น สร้างกลไกที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย จนทำให้ประเทศไม่เกิดความน่าเชื่อถือในสายตานานาอารยประเทศ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลยังไม่รู้ว่า รัฐธรรมนูญนี้เป็นรากแก้วของปัญหา ละเลยที่จะไม่เร่งแก้ไขควบคู่กับการดำเนินนโยบาย ผลงานของรัฐบาลก็ยากที่จะเกิดผล เพราะจะติดกับดักปัญหาจากรัฐธรรมนูญ กระทั่งการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวจะซบเซา ความหวังความฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จึงเป็นเรื่องที่เลิกพูดกันได้เลย

 

          “ปธ.วุฒิฯ”ชี้แถลงนโยบาย2วันพอ
          นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการนัดประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ตามที่ประสานกับวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน จะกำหนดวันแถลงนโยบายและอภิปราย วันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ ซึ่งมองว่า ระยะเวลา 2 วันเพียงพอต่อการแถลงและอภิปรายนโยบายของรัฐบาล เพราะหากผู้อภิปรายได้อภิปรายในกรอบของนโยบายรัฐบาลและเสนอแนะเพื่อให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติ ไม่อภิปรายนอกกรอบ หรือนอกประเด็น ทั้งนี้ในส่วนของ ส.ว.นั้น ยังไม่ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะอภิปรายนโยบายด้านต่างๆ ของรัฐบาล เบื้องต้นคาดว่าจะหารือในสัปดาห์หน้าหลังจากได้รับหนังสือหรือเอกสารว่าด้วยนโยบายของรัฐบาล ช่วงปลายสัปดาห์นี้

 

 

          “เบื้องต้นในหลักการของการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของ ส.ว.นั้น จะพิจารณาเนื้อหาของนโยบาย ขณะที่ ส.ว.ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรืออดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ อาจนำประเด็นที่เคยศึกษาและเป็นแนวทางร่วมอภิปราย เพื่อให้ข้อเสนอแนะได้ แต่คงไม่ลงรายละเอียดในการปฏิบัติงาน รวมถึงจะไม่อภิปรายเกี่ยวข้องกับตัวบุคคลแต่อย่างใด” นายพรเพชร กล่าว

 

 

          ‘เสรี’จองคิว!อภิปรายปัญหาปากท้อง
          นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า ส.ว.จะได้เตรียมตัวอภิปรายนโยบายรัฐบาลผ่านการยื่นเจตจำนงขออภิปราย เบื้องต้นอาจต้องจัดสรรเวลาที่เหมาะสมให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคือ คณะรัฐมนตรี, ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน, ส.ส.พรรคฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. อย่างไรก็ตามส่วนตัวต้องการอภิปรายและให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในหลายประเด็น อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง การพัฒนาการเมือง ในฐานะที่เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการทำงานด้านการปฏิรูปการเมืองและการบังคับใช้กฎหมาย

 

 

          ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า การอภิปรายของ ส.ว.จะเป็นเสมือนองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น เชื่อว่า ส.ว.ไม่ทำหน้าที่ดังกล่าว เพราะหน้าที่ของ ส.ว.คือ ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะแก่รัฐบาล เพื่อให้เกิดการปฏิบัติได้อย่างแท้จริงต่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน

 

          ‘พิชัย’สวน‘วิษณุ’ค้านการปรับทัศนคติ
          นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่นายวิษณุบอกว่า แม้ คสช.จะไม่มีแล้ว แต่ยังเรียกปรับทัศนคติได้ ในฐานะที่เคยถูกเรียกปรับทัศนคติมากที่สุดถึง 8 หน จึงอยากบอกว่า ประเทศไทยได้กลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว แต่คำสั่ง คสช.ที่ให้อำนาจในการเรียกปรับทัศนคตินั้นยังอยู่ สวนทางกับระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน ประเทศไทยนั้นมีกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ถ้าใครทำผิดก็ฟ้องร้องกันไป ไม่ใช่จะเรียกกันมาปรับทัศนคติ เพราะในโลกประชาธิปไตยไม่มีใครทำแบบนี้ ยกเว้นจะเป็นระบบเผด็จการ จึงขอคัดค้านเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และขอให้ฝ่ายค้านนำเรื่องนี้เข้าสู่สภา และออกกฎหมายเพื่อล้มเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นคำสั่งของเผด็จการอย่างชัดเจน ไม่มีประเทศเสรีที่ไหนในโลกเขาทำ

 

          “ส่วนที่อ้างว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยนั้น ผมว่าไม่เกี่ยว เพราะรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศมา 5 ปีแล้ว หากคิดว่าประชาชนเห็นดีเห็นงามด้วย ก็ไม่ต้องกังวล ป้องกันไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์ หรือพูดอะไรที่ขัดหูรัฐบาล มันควรหมดไปตั้งนานแล้ว ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะถูกเรียกปรับทัศนคติเพราะไปวิจารณ์เศรษฐกิจ โดนทั้งหมด 8 ครั้ง ถูกเรียกดำเนินคดี 4 ครั้ง รวม 12 ครั้ง ประเด็นนี้จะทำให้รัฐบาลถูกกดดันต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง มันเหมือนการข่มขู่ นอกจากนี้ การเรียกปรับทัศนคตินี้จะทำให้ประเทศไทยยังดูเป็นเผด็จการอยู่ ซึ่งจะทำลายความมั่นใจของนักลงทุนชาวต่างประเทศที่จะมาลงทุนในไทย” นายพิชัย กล่าว




          7 พรรคฝ่ายค้านเสวนาใหญ่ 21 ก.ค.
          วันเดียวกัน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และเลขานุการคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจาก 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นชอบจัดงานเสวนาเชิงวิชาการในหัวข้อ “ทางออกในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ” โดยถือเป็นเวทีแรกของโครงการ “ฝ่ายค้านเพื่อประชาชน” ในวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม เวลา 10.00–12.30 น. ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์ กรุงเทพฯ โดยการเสวนาครั้งนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 7 พรรค ร่วมกับพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ในการหาแนวทางนำพาประเทศไทยออกจากวิกฤติในปัจจุบันร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ วิกฤติการสืบทอดอำนาจ วิกฤติความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย รวมถึงจะเป็นการ “แสดงวิสัยทัศน์ กำหนดบทบาท และภารกิจของฝ่ายค้าน” ต่อพี่น้องประชาชน โดยมุ่งเน้นการเป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ แต่หนักแน่น ตรงไปตรงมา ยึดมั่นในหลักการและความถูกต้อง และพร้อมทำงานร่วมกับประชาชน


          “วิทยากรผู้เข้าร่วมการเสวนา ได้แก่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย”


          ‘วิษณุ’ชี้แก้รธน.นโยบายเร่งด่วน
          วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงร่างนโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภาว่า นโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภามีทั้งที่เป็นนโยบายเร่งด่วนกับนโยบายที่จะทำเมื่อไรก็ได้ โดยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน ส่วนถ้อยคำชัดๆ จะดูกันอีกที และในนโยบายเมื่อเร่งด่วนแล้วเรื่องกรอบเวลาก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้พูดถึงเรื่อง 6 เดือน 1 ปีหรืออะไร แบ่งแต่เพียงเร่งด่วนกับทั่วไป ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ดูแล้วก็พอใจส่วนรายละเอียด คงต้องรอฟังนายกฯ แถลงในเนื้อหานโยบาย


          เมื่อถามว่า การบรรจุการแก้รัฐธรรมนูญในนโยบายผู้เริ่มต้นต้องเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขอให้ฟังในนโยบาย ส่วนจะสามารถเสนอร่างนโยบายต่อรัฐสภาได้เมื่อใดนั้น หลังผ่านมติคณะรัฐมนตรีคงมีการปรับแก้ถ้อยคำเล็กน้อยและใช้เวลาพิมพ์ 2 วัน จากนั้นสามารถส่งได้เลย ทั้งนี้โดยรวมแล้วพรรคร่วมรัฐบาลพอใจ


          “จุรินทร์”ย้ำเร่งด่วนต้องภายใน1ปี
          เวลา 09.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 16 กรกฎาคม เห็นชอบร่างนโยบายที่จะนำเสนอต่อรัฐสภาแล้ว ส่วนที่ถามว่า มีกรอบเวลาการดำเนินนโยบายโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น มี 2 ส่วน คือ นโยบายที่ดำเนินการโดยภาพรวม ที่ต้องดำเนินการภายในเวลา 4 ปีของรัฐบาล และนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการใน 1 ปี


          เมื่อถามว่า การเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญจะดำเนินการอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นรายละเอียดที่ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง ใครจะเป็นผู้เริ่มต้นต้องมาดูในรายละเอียด แต่เขียนไว้ชัดว่ารัฐบาลจะสนับสนุนหากมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลก็พร้อมสนับสนุนอาจ เริ่มต้นด้วยพรรคร่วมรัฐบาล เล็งที่หมวดแก้รัฐธรรมนูญเปิดประตูสู่ประชาธิปไตย โดยในรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นอะไรต้องทำประชามติหรือไม่ต้องทำประชามติ แต่อย่างน้อยที่สุดได้ระบุไปว่า ประเด็นที่ควรได้เริ่มต้นคือหมวดที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่แก้ได้ยากมากหรือแก้ไม่ได้เลย และอาจนำไปสู่ปัญหาในอนาคตได้ ถ้าต้องการที่จะแก้อาจต้องใช้วิธีที่เราประสงค์ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในประเทศนี้ ดังนั้นการเริ่มต้นหมวดที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทำได้ง่ายขึ้นเป็นส่วนช่วยให้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น


          ชี้ต้องสะเดาะกุญแจประตูสู่ปชต.
          “สามารถทำได้ เป็นการสะเดาะกุญแจที่ปิดประตูตายสำหรับการแก้รัฐธรรมนูญ การเริ่มที่หมวดที่ว่าด้วยการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น จะสามารถทำได้ง่ายขึ้น เข้าเงื่อนไขปกติที่รัฐธรรมนูญหลายฉบับในอดีตกำหนดไว้ ใช้แค่เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา ก็สามารถแก้ไขได้ เป็นการสะเดาะกุญแจให้ประตูประชาธิปไตยเปิดออกได้ ต่อไปใครจะแก้ว่าอย่างไรก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น” นายจุรินทร์ กล่าว


          วราวุธย้ำแก้รธน.ต้องฟังเสียงประชาชน
          ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า สำหรับประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นั้น ได้เห็นตรงกันว่าการแก้ไขจะเป็นหนึ่งในเรื่องเร่งด่วนที่เราจะต้องเร่งทำ แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ผ่านประชามติมาแล้ว หากจะมีการแก้ไขจะคิดกันเพียงแค่คนกลุ่มเดียวก็คงไม่ถูกต้อง จะต้องดำเนินการตามครรลองที่ผ่านมา คือ ควรจะฟังเสียงของประชาชนด้วยว่าอยากให้แก้หรือไม่อย่างไร ดังนั้นถ้า ครม.ด่วนตัดสินใจอะไรไปก็ต้องรับผิดชอบ การจะเสนออะไร ครม.ต้องมีความรอบคอบและต้องรับฟังเสียงรอบข้างด้วยเช่นกัน แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นปัญหาในอนาคต ถ้าทุกฝ่ายมีความเห็นพ้องต้องกัน ท้ายที่สุดทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี


          “หม่อมเต่า”ชี้ค่าแรง400บ.ทั้งระบบไม่ได้
          เมื่อเวลา 09.09 น. ที่กระทรวงแรงงาน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง อาทิ พระพุทธสุทธิธรรมบพิตร พระพุทธชินราช ศาลพ่อปู่ชัยมงคล และศาลท้าวมหาพรหมเทวฤทธิ์ โดยมีนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นำคณะผู้บริหารและข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน ร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง จากนั่้น ม.ร.ว.จัตุมงคล ได้ถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหารและพูดคุยทักทายอย่างเป็นกันเอง


          ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวว่า เคยทำงานเป็นข้าราชการมา จึงไม่ค่อยเป็นห่วงที่ต้องทำงานร่วมกับข้าราชการ ส่วนปัญหาหรือนโยบายต่างๆ พอจะทราบมาจากการพูดคุยกับผู้บริหารในกระทรวงบ้างแล้ว ซึ่งคงจะต้องมีการพูดคุยกันต่ออีกครั้งให้งานที่คั่งค้างได้เดินหน้า และนโยบายใหม่ๆ ได้ขับเคลื่อน ส่วนเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทที่เป็นนโยบายรัฐบาล บอกตรงๆ ว่า เป็นจำนวนเงินที่ไม่ได้เยอะอะไร ก็อยากให้แรงงานทุกคนได้ แต่หากขึ้นจริงก็จะมีผลกระทบกับทั้งนายจ้าง เศรษฐกิจมหภาค เรื่องการขึ้นค่าแรงมีแนวทางอยู่แล้ว ต้องให้คณะกรรมการค่าจ้างในระบบคณะกรรมการไตรภาคี ที่ประกอบไปด้วยหลายภาคส่วน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง พิจารณาอย่างรอบคอบ


          หวั่นกระทบวงกว้าง-เงินเฟ้อ
          “แม้จะมีกลไกการขึ้นอยู่แล้ว แต่ก็มีบางอย่างภายในที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ ทำให้ต้องค่อยๆ พิจารณา เนื่องจากอาจมีผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจ รวมถึงภาวะเงินเฟ้อได้ ในความเป็นจริงการขึ้นค่าแรงไม่สามารถขึ้นได้ทั้งระบบ จะได้สิทธิขึ้นสูงสุดประมาณ ร้อยละ 20 ตามเกณฑ์ที่เคยวางไว้ก่อนหน้านี้” ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าว


          ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนโยบายค่าแรง 400 บาทไม่สามารถทำได้ จะเป็นการโกหกประชาชนตามที่รัฐบาลเคยหาเสียงไว้หรือไม่นั้น ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวว่า ก็จะพยายามทำ แต่เรื่องนี้ต้องคุยไม่เฉพาะในกระทรวงแรงงาน ต้องไปถึงรัฐบาล เพราะอาจจะมีผลกระทบในวงกว้างหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คงต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อผลออกมาจะได้หาแนวทางที่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย แต่เรื่องการขึ้นค่าแรงน่าจะออกมาไม่ทันการปภิปรายนโยบายรัฐบาลในสัปดาห์หน้า


          สหรัฐแสดงความยินดีรัฐบาลไทย
          วันเดียวกัน นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ส่งสารแสดงความยินดีต่อรัฐบาลไทย ความว่า สหรัฐเฝ้ารอคอยที่จะร่วมงานกับรัฐบาลใหม่ของไทย เพื่อกระชับความเป็นพันธมิตร และความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสร้างเสริมมิตรภาพระหว่างประชาชนของเราที่ยาวนานมากว่า 2 ศตวรรษ เราสนับสนุนธรรมาภิบาลและความโปร่งใสทั่วโลก และจะยังคงร่วมมือกับประชาชนไทยและรัฐบาลไทยต่อไปจนถึงที่สุด เราจะยังคงสนับสนุนบทบาทของไทยในฐานะผู้นำภูมิภาค ซึ่งรวมถึงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ ความเป็นพันธมิตรของเราจะแข็งแกร่งต่อไปยิ่งขึ้น ในขณะที่เราร่วมมือกันเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายร่วมกันของทั้งสองประเทศ เช่นความมั่นคง สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและทั่วทั้งโลก


          ‘บิ๊กแดง’เดือดข่าวปลอมถล่ม
          ความคืบหน้ากรณีมีการแชร์ภาพและข้อความในโซเชียลมีเดียจากกลุ่มเสื้อสี หวังปลุกระดมให้เข้าใจผิดโดยอ้างว่า เป็นคำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ว่า “การอภิปรายนายกฯ เหมือนตัดขาประเทศ หากใครคิดไม่หวังดี แล้วเกิดความวุ่นวาย ผมก็ต้องออกไปทำงานเพื่อชาติ อย่าบังคับผมจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม" นั้น ล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์กล่าวยืนยันว่า ไม่เคยพูดคำเหล่านี้เลย สื่อมวลชนที่ตามทำข่าวสัมภาษณ์ก็รู้ดีว่าตนไม่เคยพูดแบบนี้ สื่อมวลชนอ่านดูก็รู้แล้วว่าเป็นข่าวปลอม ใครจะไปพูดแบบนี้


          “ผมเองก็งดที่จะให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้หมดหน้าที่ของ คสช.แล้ว ผมก็ทำงานในฐานะ ผบ.ทบ. ในการดูแลพัฒนากองทัพ พัฒนากำลังพล การฝึกศึกษา การแก้ปัญหาภาคใต้ การปรับหลักสูตรการฝึกต่างๆ ทำกองทัพให้ทันสมัย มีงานมากมายที่ผมจะทำ ส่วนการอภิปรายนายกฯ เป็นเรื่องในสภาที่มีมาทุกยุคทุกสมัย เป็นกระบวนการทางการเมืองในสภาตามระบอบประชาธิปไตย คงไม่มีใครห้ามใครได้ อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้อง" ผบ.ทบ.กล่าว


          “ธนกร”ป้องนายกฯจวกพท.ใจแคบ
          นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และว่าที่โฆษกรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ห้ามอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ห้าม เพียงแต่บอกว่าไม่ใช่เวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งยังสามารถอภิปรายได้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจกลไกรัฐสภาดี นายสุทินมองโลกในแง่ร้ายเกินไป วิตกจริตเกินเหตุ การแถลงนโยบายต่อสภาเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ ส.ส.ย่อมสามารถอภิปรายได้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ดังนั้น สภาคงเปิดให้มีการพิจารณากันอย่างเต็มที่เพื่อให้ทราบถึงนโยบายที่จะสามารถตอบโจทย์การพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ


          นายธนกร กล่าวอีกว่า อยากให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าเวทีนี้เป็นการแถลงนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาล ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อยากให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเรียบร้อย เพราะพี่น้องประชาชนเฝ้าติดตามอยู่ ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลครอบคลุมทุกด้าน หากมีนโยบายไหนที่ฝ่ายค้านคิดว่าไม่สอดรับกับการพัฒนาประเทศก็สามารถอภิปรายได้เพื่อให้ดีกว่าเดิม แต่ไม่ใช่คิดแต่จะเล่นเกมการเมือง ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการบริหารประเทศ หากนโยบายของฝ่ายค้านเป็นประโยชน์ต่อประชาชนรัฐบาลก็จะนำมาดำเนินการด้วย นายสุทินอย่าใจแคบ อย่างไรก็ตาม ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะมีการอภิปรายรัฐมนตรีในเรื่องคุณสมบัตินั้น มั่นใจว่ารัฐมนตรีแต่ละคนสามารถที่จะชี้แจงได้ และรัฐมนตรีทุกคนก็มีการเตรียมการไว้แล้ว


          “ธนกร”ส่อวืด! “นฤมล”จ่อนั่งโฆษกรัฐบาล
          แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงการเสนอรายชื่อแคนดิเดตผู้ที่จะเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนของพรรคว่า ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่ในพรรคได้เสนอชื่อนายธนกร ซึ่งมีบทบาทในการช่วยงานพรรคมาโดยตลอด ก่อนที่จะมีการเสนอชื่อ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากโปรไฟล์แล้วถือว่านางนฤมลมีโอกาสสูงที่จะได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมดเพียงคนเดียวเท่านั้น


          ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า คนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ต้องมีความรู้ความสามารถ มีภาพลักษณ์ประนีประนอม และในเบื้องต้นผู้ใหญ่ในรัฐบาลคนสำคัญ ก็เห็นชอบแล้วว่าจะให้เป็นผู้หญิง


          “บิ๊กตู่”จ่อมีทติ้ง"ส.ส.พปชร.”24ก.ค.
          ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า ตามที่มีกำหนดการสัมมนา ส.ส.พลังประชารัฐ ในหัวข้อ “เสริมศักยภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 21-22 กรกฎาคม เพื่อซักซ้อมและเตรียมความพร้อมการทำงานในสภา ก่อนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมเป็นต้นไป เป็นที่น่าจับตามองขึ้นมาทันที เพราะนอกเหนือจากการสัมมนาและพิธีบายศรีสู่ขวัญแล้วอาจมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ เมื่อผู้ใหญ่ของพรรคได้เรียนเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมาเป็นหัวหน้าพรรค และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย โดยในส่วนของ พล.อ.ประวิตร ขณะนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมาร่วมกิจกรรม


          อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์อาจจะมาร่วมกิจกรรมที่วังน้ำเขียวไม่ได้ แต่อาจจะมีการนัดพบปะกับส.ส.และสมาชิกพรรค ในกรุงเทพฯ ก่อนการแถลงนโยบายรัฐบาลเพียง 1 วัน คือวันที่ 24 กรกฎาคมนี้แทน ขณะนี้พรรคอยู่ระหว่างพิจารณาจัดหาสถานที่และเวลาที่เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือต้องการสร้างจุดร่วมให้คนในพรรค เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ให้เกิดความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นระหว่าง ส.ส.ของพรรคกับนายกฯ และยังจะมีโอกาสได้สะท้อนการทำงานระหว่างกัน ได้เรียนรู้ระบบงานของพรรค และจะได้รู้จักหน้าค่าตาลูกพรรคมากขึ้นด้วยก่อนที่นายกฯ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจะเดินหน้างานการเมืองอย่างเต็มที่ต่อไป


          พปชร.จวก‘ธนาธร’เดินสายฟ้องคนนอก
          ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก “ส.ส.เฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น–ชลบุรี” อีกครั้ง หลังจากได้โพสต์ข้อความระบุว่าอยู่ที่สำนักงานบีบีซี กรุงลอนดอน เพื่อตามหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ว่า “กระผมกราบเรียนพี่น้องจังหวัดชลบุรีทุกท่านนะครับ สิ่งที่ผมออกมาพูดถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าอนาคตใหม่ เพราะว่ากระผมรักชาติ บ้านเมือง รักสถาบันการเมือง รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เหมือนคนไทยอีกหลายๆ สิบล้านคน"


          นายสุชาติระบุอีกว่า ส่วนตัวไม่เคยออกมาพูดกระทบใครๆ ที่เป็นนักการเมือง เพราะว่าเคารพความคิดความเห็นต่าง แต่อยากให้ทุกคนที่คิดดีต่อชาติบ้านเมือง ควรจะใช้เวทีในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวพูดจา หารือกันภายในระบบสภา ไม่อยากเห็นหรือต้องการเห็นคนที่คิดว่าเป็นนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหว เอาประเทศไทย ประเทศชาติของตัวเอง ไปพูดคุยกับนักข่าวต่างประเทศ ในประเทศต่างๆ "เปรียบเสมือนเรามีปัญหากับคุณพ่อ คุณแม่ พี่ๆ น้องๆ ในครอบครัว แล้วไม่คุยกันไม่หารือกัน เอาเรื่องในครอบครัวไปฟ้องคนอื่นๆ ซึ่งเขาไม่ได้มารับรู้ปัญหากับเราด้วย นายธนาธรเองก็เป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มี ส.ส.ในพรรคในสภา 80 กว่า ทำไมไม่ให้ ส.ส.ในพรรคทำการหารือกันในสภาผู้แทนราษฎร พรรคมีเลขาธิการพรรค ที่เป็นอาจารย์นักกฎหมาย ซึ่งก็อยู่ในสภา”


          ซัดแน่จริงทำไมไม่มาสู้กันในสภา
          “กระผมอยากเรียกร้องให้นักการเมืองทุกท่าน ทุกพรรค ขอให้มีความรักในสถาบันการเมือง ที่ผ่านมาสถาบันการเมืองบอบช้ำมานานมาก ถ้าจะต้องมาบอบช้ำกันอีกครั้ง กระผมในฐานะนักการเมืองคนหนึ่ง และเพื่อนๆ อีกหลายๆ พรรค มีความคิดเห็นเหมือนกันว่า พอได้แล้ว กระผมมีจุดยืน กระผมเคยอยู่พรรคร่วมรัฐบาล แต่ถ้าอะไรที่เราคิดหรือคุณคิดว่าไม่เป็นประโยชน์ หรือไม่ถูกต้อง คุณก็มีเอกสิทธิ์ในการไม่ออกเสียง หรืองดออกเสียง กระผมเคยงดออกเสียงมาก่อน ในการลงมติแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ในวาระ 3 เพราะการเห็นต่างทางการเมืองมีได้ทุกคน แต่ต้องว่ากันที่สภาผู้แทนราษฎร ครับ ขอบคุณมากครับ” นายสุชาติ ระบุ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ