ข่าว

"บิ๊กตู่"ไม่กังวลฝ่ายค้านซักฟอก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่มา : หน้า 1 หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2562

          “บิ๊กตู่” ไม่กังวลฝ่ายค้านซักฟอก ขอใช้ความดีสู้ในสภา สะพัดยื่นใบสมัครสมาชิก พปชร.แล้ว  จ่อชงอัยการฟื้นคดีรีสอร์ทฉาว  “ธรรมนัส" สั่งส.ป.ก.สแตนด์บายเชื่อโดนถล่มแน่  ขณะที่ ป.ป.ช.ขอเวลา 180 วันสอบเตาเผาขยะ กทม.

          กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดสำหรับการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคม ล่าสุดมีรายงานว่าทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างฝ่ายต่างเตรียมข้อมูลเพื่อมาหักล้างกันในสภากันอย่างดุเดือด และดูเหมือนว่าเป้าใหญ่ที่ฝ่ายค้านจ้องจองกฐินคงหนีไม่พ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

          บิ๊กตู่"ขอใช้ความดี-บริสุทธิ์ใจสู้
          เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) จตุจักร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงการรับมือการอภิปรายในการแถลงนโยบายว่า จะมาห่วงทำไม ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเป็นเรื่องของกลไก ก็ว่ากันไป ซึ่งรับฟังได้อยู่แล้ว ทนฟังได้หมด โดยจะเอาความดีและความบริสุทธิ์ใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง วันนี้สิ่งที่ได้คุยกับคณะรัฐมนตรีมีหลายเรื่อง ทั้งการศึกษา คมนาคม ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป จะดำเนินการตามที่ได้คุยไว้แล้ว กรอบนโยบายที่ออกมาก็เป็นแบบนี้ ส่วนที่หลายคนตั้งข้อสังเกตมันใช่หรือไม่ ว่าทำไมไม่ลงรายละเอียด ซึ่งนโยบายรัฐบาลไม่เคยลงรายละเอียดแบบนั้น เพราะฉะนั้นมันอยู่ในแผนบริหารราชการโครงการงบประมาณก็ทำให้สอดคล้องกันตามที่ได้มีการหาเสียงไว้ และเดินหน้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย

          ปัดตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์
          เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมองว่านโยบายที่เขียนไว้เป็นการเขียนกว้างไม่ลงรายละเอียด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะให้เขียนเล็กขนาดไหน ลองไปเปิดดูคำว่านโยบายคืออะไร ถ้าเข้าใจคำว่านโยบายมันก็จบ ส่วนที่ถามว่าการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายกฯ จะชี้แจงทุกประเด็นหรือให้องครักษ์พิทักษ์นายกฯ ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ตั้งไว้เป็นผู้ตอบคำถาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อีกฝ่ายเขาบอกว่าจะถล่มผม คนรักผมเขาก็รักผม แต่ผมไม่ได้เป็นคนจัดทีมองครักษ์ เป็นเรื่องที่ทุกคนช่วยกัน ไม่ใช่ช่วยผม แต่เป็นการช่วยรัฐบาลให้ทำงานต่อไปได้”

          ส่วนที่ถามว่ากังวลใจอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำไมจะต้องกังวล ถ้าเราจะทำความดีก็ไม่ต้องกังวล ความบริสุทธิ์ใจ ความตั้งใจของตน และมีเพื่อนๆ เข้ามาทำงาน รู้ว่าหลายอย่างไม่เหมือนเดิม คำว่าไม่เหมือนเดิมคือไม่ได้ทำงานกับคนเก่าๆ คนเดิมๆ ในรัฐบาลที่แล้ว ต้องทำงานกับเพื่อนร่วมงานใหม่ ก็ต้องไว้ใจ และทุกคนก็สัญญาแล้วว่าจะทำให้ดีที่สุด เพื่อตอบสนองประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่มีรายได้น้อย แต่เราก็ต้องคำนึงถึงคนอื่นด้วยเหมือนกัน

          ไม่ตอบสมัครพปชร.หรือไม่
          เมื่อถามว่าตอนนี้ประชาชนมองไปไกลกว่าการแถลงนโยบาย อยากรู้ท่าทีนายกฯ จะสมัครเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หมุนตัวและหัวเราะพร้อมกับรัฐมนตรีที่ยืนอยู่ พร้อมกล่าวว่า “เรื่องอันตรายมาแล้ว แต่คิดว่าอยู่ตรงไหนถ้าทำความดีทุกคนก็ต้องช่วย” สุดท้ายเมื่อถามย้ำว่าจะสมัครเข้าพรรคหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ยังไม่รู้”

          เตรียมเล่นการเมืองตลอดชีพ!
          มีรายงานว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เขียนใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว โดยมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำพรรค นำไปยื่นสมัครแบบตลอดชีพ พร้อมกับจ่ายค่าสมัคร 2,000 บาท ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ และเป็นไปได้ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพภายในพรรค

          นอกจากนี้พรรคพลังประชารัฐอาจจะมีการปรับทัพครั้งใหญ่ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วยเช่นกัน คาดว่าจะเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรค ขยับขึ้นไปเป็นที่ปรึกษาพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค ไปเป็นรองหัวหน้าพรรค ส่วนนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรค จะมารับหน้าที่เป็นเลขาธิการพรรค เป็นต้น

          พปชร.ขน7กลุ่ม‘องครักษ์’พิทักษ์3ป.
          ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รม.ยุติธรรม กล่าวถึงการเตรียมข้อมูลรับมือฝ่ายค้านในการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 25 กรกฎาคม ว่า กระทรวงยุติธรรมคงไม่ตกเป็นเป้าหมายในการอภิปรายของฝ่ายค้าน เพราะทราบว่ามีรัฐมนตรีที่ตกเป็นเป้าอยู่แล้ว แต่ได้เตรียมความพร้อมข้อมูลในด้านนโยบายอำนวยความสะดวกเพื่อเข้าถึงความยุติธรรม ส่วนที่ถามถึงกลุ่ม 3 ป. เป็นเป้าหมายหลักของฝ่ายค้านนั้น รัฐมนตรีแต่ละท่านทำงานในภารกิจที่รับผิดชอบมานานถึง 5 ปี เชื่อว่าจะสามารถชี้แจงได้ แต่จะชี้แจงอย่างไรเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล และคงจะต้องเลือกตอบเพราะมีเวลาค่อนข้างจำกัดจำกัด รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับงานแต่ละด้าน ที่พร้อมช่วยตอบข้อซักถามด้วย

          “นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังได้เตรียมองครักษ์เพื่อช่วยนายกฯ ตอบคำถามไว้ 6-7 กลุ่ม จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาและสามารถชี้แจงทุกประเด็น” นายสมศักดิ์ กล่าว

          “พุทธิพงษ์”ลั่นใช้เอกสารเชิงลึกโต้
          ที่หอประชุมบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ฝ่ายรัฐบาลมีความพร้อม ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำกับคณะรัฐมนตรีให้เตรียมตัวให้พร้อมในการชี้แจงทุกเรื่องต่อรัฐสภา ซึ่งฝ่ายรัฐบาลเชื่อว่าการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา ทุกอย่างจะเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม และเราเชื่อในตัวประธานรัฐสภาว่าจะสามารถควบคุมการประชุมให้อยู่ในข้อบังคับ และอยู่ในเรื่องที่จะมีการแถลงในวันพรุ่งนี้

          เมื่อถามว่ารู้สึกกังวลหรือไม่ที่อาจมีการนำคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม กปปส. มาพูดในการอภิปรายครั้งนี้ด้วย นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะหากเรื่องที่นำมาพูดกันในการอภิปรายเป็นเรื่องที่อยู่ในข้อบังคับ และหัวข้อที่จะอภิปราย ก็พร้อมจะตอบ ซึ่งทุกอย่างมีความชัดเจนมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะอภิปรายในเรื่องใดบ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เคยเป็นข่าวออกมาแล้วนั้น พร้อมชี้แจง เพราะอาจมีหลายเรื่องที่คนยังไม่เข้าใจ แม้กระทั่งเรื่องคุณสมบัติที่ได้มีการตรวจสอบมาระดับหนึ่งแล้ว และยังมีรายละเอียดอีกหลายเรื่องที่ยังไม่เคยมีใครนำออกมาพูดถึง ซึ่งตนก็ได้เตรียมเอกสารไว้ ทั้งที่เป็นเอกสารสำคัญ และเอกสารเบื้องลึก ทั้งนี้ อยากให้ ส.ส.ไปศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ และเรื่องต่างๆ ก็ขอให้เขารอบคอบ เพราะเมื่อเขาจะมาตรวจสอบคนอื่นก็ต้องระมัดระวังในการที่จะถูกคนอื่นตรวจสอบกลับด้วย

          เมื่อถามว่า การที่ระบุว่ามีข้อมูลเบื้องลึกไว้นั้น หมายความว่าได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามไว้เพื่อเตรียมที่จะมาพูดในสภาด้วยใช่หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ใช่ หากมีการนำเหตุการณ์หรือเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลมาบิดเบือนข้อเท็จจริง ฝ่ายเราก็ต้องชี้แจงแน่นอน ซึ่งจะต้องพูดถึงสาเหตุว่าสิ่งที่พวกตนได้ทำไปในวันนั้นคืออะไร เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงที่มาที่ไป

          เมินศรีสุวรรณยื่นฟันบิ๊กตู่-ป้อม
          เมื่อถามถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นร้องเรียนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ อาจเข้าข่ายครอบงำพรรคพลังประชารัฐ และตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประวิตรไปร่วมงานสัมมนา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะใด นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร สามารถชี้แจงได้ โดย พล.อ.ประวิตรก็ได้ระบุแล้วว่าเป็นการไปตรวจราชการด้วย และเมื่อทราบว่ามี ส.ส.ไปประชุมอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ก็แวะไปเยี่ยมพบปะในตอนเช้า พูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ แล้วกลับ โดยไม่ได้ไปมอบนโยบายหรือชี้นำให้แนวทางแก่ผู้บริหารของพรรค ซึ่งในวันนั้นก็มีผู้สื่อข่าวอยู่จำนวนมาก และทำอย่างเปิดเผย จึงเชื่อว่าข้อมูลข้อเท็จจริงตรงนี้ก็คงถูกนำมาชี้แจงต่อไป

          ยันไม่ได้ไปตีกอล์ฟในเวลาราชการ
          นายพุทธิพงษ์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีรัฐมนตรีที่เคยเป็นกลุ่ม กปปส. ไปตีกอล์ฟในเวลาราชการว่า ไม่ทราบว่าข่าวนี้มาจากไหน และอยากรู้ด้วยว่าใครเป็นคนออกมาให้ข่าวนี้ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ไปตีกอล์ฟ ถ้าเข้าใจไม่ผิดคือเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดแข่งขันกีฬากอล์ฟโดยนักศึกษาในหลักสูตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ของสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเป็นประธานกอล์ฟของรุ่น จัดที่สโมสรราชพฤกษ์ แต่ตนไม่ได้ไปร่วมงานนี้ด้วย เพราะทำงานอยู่ที่กระทรวงดีอีจนถึงค่ำ โดยมีพยานยืนยันได้ และมีบุคคลอีกหลายสิบคนที่เกี่ยวข้องไปเป็นกลุ่มใหญ่จำนวนมากที่ยืนยันได้ว่าไม่ได้ไปตีกอล์ฟในเวลาราชการ

          แฉขรก.ระดับบิ๊กยกก๊วนตีกอล์ฟเวลางาน
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้รายการทุบประเด็นทางช่องไบรท์ทีวี ได้สัมภาษณ์นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ว่า มีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงอุตสาหกรรมใช้เวลางานและใช้รถราชการไปตีกอล์ฟ โดยนายมงคลกิตติ์อ้างว่า มีหลักฐานทุกอย่างทั้งภาพถ่ายระหว่างตีกอล์ฟ และรถที่ใช้ มีรายชื่อข้าราชการระดับสูง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปออกรอบตีกอล์ฟที่ จ.นครนายก ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2562

          เด็ก พปชร.ลั่น ไม่มีไก่อ่อนในองครักษ์
          น.ส.ภาดา​ท์​ ว​ร​กา​นนท์​ ส.ส.กทม. พรรค​พลัง​ประชา​รัฐ​ กล่าวว่า องครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีน่าจะเป็นคำกล่าวที่สร้างสีสันให้การแถลงนโยบายของรัฐบาลคึกคักมากยิ่งขึ้น​ ไม่ได้มีความหมายโดยนัยอะไร​ จริงๆ แล้วเป็นการทำงานร่วมกันภายในพรรคมากกว่า ในเชิงที่ช่วยกันชี้แจงถึงนโยบายของแต่ละกระทรวง​ ส่วนหนึ่งก็ช่วยในเรื่องการบริหารการอภิปราย​ให้อยู่ภายใต้กรอบเวลาและข้อบังคับของรัฐสภา ส่วนที่ทางฝ่ายค้านพูดถึง​ ส.ส.ที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ในทำนองว่าไก่อ่อนนั้น​ ส่วนตัวไม่คิดหรือติดใจอะไร​ กลับมองว่าดีเสียอีก เพราะช่วยให้เรายิ่งรอบคอบมากยิ่งขึ้น​ การที่เราเพิ่งเข้ามาทำงานในสภาเป็นสมัยแรกนั้น ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าอ่อนหรือแข็ง เพราะเชื่อว่า ส.ส.​ที่เป็นน้องใหม่ของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล​ ทุกท่านก็มีประสบการณ์​นอกสภากันมาทั้งนั้น เพราะ​ฉะนั้นไม่มีไก่อ่อนในพรรคพลังประชารัฐและสภาแน่นอน

          “จุรินทร์”ชี้“3 ป.”ให้เจ้าตัวแจงเอง
          ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า หลังการหารือร่วมกันในพรรคเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการตัดทอนจำนวน ส.ส.ที่ต้องการอภิปรายในรัฐสภาเหลือเพียง 10 คน เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ได้เวลาในการอภิปรายประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะอภิปรายเรื่องนโยบายเป็นหลัก ทั้งการชี้แจงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพรรคและการอภิปรายสนับสนุน ยืนยันว่า ส.ส.ของพรรคจะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์

          ต่อข้อถามว่ากรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่มีคดีค้างเก่า และคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะอภิปรายช่วยด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว จึงเชื่อว่าหากมีการพาดพิงถึงใคร บุคคลนั้นจะสามารถชี้แจงเองได้ดีที่สุด

          อนุทินย้ำภท.ต้องเป็นทีมเวิร์ก
          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า เราต้องเตรียมตัวทุกอย่างให้พร้อมที่จะตอบคำถามของผู้ที่สงสัย เท่าที่ทราบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้เวลาทั้งหมด 59 นาที ซึ่งได้เตรียมคนที่เหมาะสมในการแถลงนโยบายไว้แล้ว และในบ่ายวันเดียวกันนี้พรรคจะประชุมกันที่สภาเพื่อซักซ้อมกันอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องช่วยนายกรัฐมนตรีชี้แจงด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แน่นอน เราต้องเป็นทีมเวิร์ก

          ยอมรับจีบ‘หมอเลี้ยบ’นั่งที่ปรึกษา
          นายอนุทินยังกล่าวถึงผลการหารือร่วมกับนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือหมอเลี้ยบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยอมรับว่า พยายามเชิญมาเป็นที่ปรึกษาในการกำหนดทิศทางเรื่องหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ซึ่งปัจจุบันปัญหาเยอะมาก ทั้งเรื่องการให้บริการ ความแออัดของโรงพยาบาล เรื่องจำนวนหมอ ผู้ปฏิบัติงานไม่เพียงพอ เป็นต้น จึงพยายามเอาคนที่รู้เรื่องมาร่วมกันทำงานให้ได้มากที่สุด เพราะเวลาเราไม่ใช่ว่าจะมีเยอะ โดยได้แจ้งเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ทราบแล้วว่าจะเชิญนายสุรพงษ์ มาให้คำปรึกษา และช่วยกันทำงานให้บ้านเมือง

          ภท.ลั่นข้อมูลแน่นปึ้กพร้อมแจงทุกเรื่อง
          พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า เท่าที่ติดตามการเตรียมพร้อมทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะอภิปรายในเนื้อหาที่สร้างสรรค์ อยู่ในเนื้อหา ไม่โจมตีเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบาย ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย เรามีความพร้อม เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาทั้งรัฐมนตรีและ ส.ส.ต่างก็เตรียมพร้อมทั้งข้อมูล ฟิตร่างกายให้พร้อม เพราะจะต้องมีการประชุมแบบข้ามวันข้ามคืน โดยผู้อภิปรายของพรรคได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ มีข้อมูลทั้งในเชิงลึกรอบด้านในนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เชื่อมั่นว่าเราจะอธิบายให้ประชาชน รวมถึงฝ่ายค้านได้เข้าใจ และขอให้ช่วยกันทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้การเมืองเข้าสู่ระบบที่ควรจะเป็นอย่างสง่างาม

          “หมอมารุต”เสียบปาร์ตี้ลิสต์ภท.
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล หรือกำนันป้อ รมช.พาณิชย์ ดำเนินการตามมติของพรรค โดยลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย หลังจากที่ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้วนั้น ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปของพรรคภูมิใจไทยได้ขยับขึ้นมาทำหน้าที่แทน 2 คน คือ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย และ นพ.มารุต มัสยวาณิช อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

          รัฐบาล–ฝ่ายค้านตั้งวอร์รูมรับศึก
          ด้านการเตรียมความพร้อมรับมือแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่ หอประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) อาคาร 9 ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล จะมีการตั้งวอร์รูมที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องทำงานของวิปรัฐบาล และพรรคการเมืองต่างๆ อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย อยู่ห้องข้างๆ กันอยู่แล้ว ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ จะมีวอร์รูมอยู่ 2 ชั้น คือ บริเวณชั้น 3 และชั้น 14 เช่นเดียวกับการเตรียมความพร้อมของในแต่ละกระทรวงที่จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาเตรียมข้อมูลต่างๆ เพื่อชี้แจงในระหว่างการอภิปรายนโยบายตลอดทั้ง 2 วันด้วย

          ขณะที่ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะใช้ห้องทำงานวิปฝ่ายค้าน ที่ชั้น 2 ใกล้ลิฟต์ฝั่งตะวันตก เป็นวอร์รูมประเมินและรวบรวมข้อมูลการอภิปรายผลงานรัฐบาลก่อนส่งให้ ส.ส.นำไปอภิปราย โดยไม่มีการแยกเป็นวอร์รูมของแต่ละกระทรวง เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่

          “ชวน”ขยายอภิปรายถึง27ก.ค.
          เวลา 12.15 น. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงเวลาการอภิปรายนโยบายรัฐบาลหลังจากฝ่ายค้านระบุว่าเวลา 13 ชม.ครึ่ง ไม่เพียงพอ และอาจต่อเวลาไปถึงวันที่ 27 กรกฎาคม ว่า เรื่องนี้เป็นการตกลงกันระหว่างทุกฝ่าย ซึ่งการคุยกันเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม รับทราบเพียงว่าฝ่ายรัฐบาลมีข้อทักท้วงว่าเวลา 5 ชม.อาจไม่เพียงพอ ส่วนฝ่ายค้านพอใจกับกรอบเวลาที่ได้ แต่หากสุดท้ายระยะเวลาไม่พอก็สามารถขยายเวลาประชุมได้ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม ส่วนระยะเวลาการประท้วง ก็มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งเวลาจะรวมอยู่ในโควตาที่แต่ละฝ่ายจะได้ ส่วนการเรียงลำดับ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ขึ้นเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย แทนที่นางนาที รัชกิจประการ ประธานรัฐสภา บอกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ

          7พรรคฝ่ายค้านเผยลุยปมคุณสมบัติ
          ที่หอประชุมใหญ่ บมจ.ทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายนโยบายรัฐบาลว่า 7 พรรคฝ่ายค้านมีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งมีการแบ่งและกระจายประเด็นต่างๆ โดยประเด็นใหญ่ๆ ก็อาจจะอภิปรายหลายคน ซึ่งจะเน้นใน 12 นโยบายของรัฐบาล และนโยบายเร่งด่วนด้วย รวมถึงการบริหารงาน 5 ปีที่ผ่านที่มีอำนาจเต็ม และมาตรา 44 อยู่ในมือ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ จนถึงขณะนี้การปฏิบัติงานก็ยังไม่มีผลสำเร็จเลย ซึ่งทางฝ่ายค้านก็มีหลายคนที่จะอภิปรายเรื่องนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมและคุณสมบัติ ส.ส.ที่มาแบบไม่ถูกต้อง อีกเรื่องที่สำคัญคือ คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี

          นายสมพงษ์ กล่าวถึงกรอบเวลาของการอภิปรายที่อาจจะขยายเวลาไปวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ว่า เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกัน โดยทางฝ่ายวิป ส.ว.และวิปรัฐบาล ได้มาต่อรองจาก 15 ชั่วโมง ให้เหลือ 13 ชั่วโมง ซึ่งทางฝ่ายค้านก็เห็นว่าคุยกันได้ โดยเรื่องดังกล่าวไม่น่ามีปัญหาในสภา อย่างไรก็ตาม การที่เรายอมลดเวลาทางวิปฝ่ายค้านก็ได้ตำหนิว่าไปยอมฝ่ายรัฐบาลได้อย่างไร ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าควรจะขยายเวลาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการอภิปราย ถ้าติดต่อกันไปก็มีความเป็นไปได้ที่จะขยายเวลาต่อ แต่ก็เชื่อว่าสามารถคุยกันได้ในวิปของทั้ง 3 ฝ่าย

          สภาหวิดล่มก่อนแถลงนโยบาย
          เมื่อเวลา 13.00 น. ที่หอประชุมใหญ่ บมจ.ทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาระเบียบวาระต่างๆ จำนวนหลายเรื่อง แต่ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้นำเรื่องต่างๆ เข้าหารือ โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นทักท้วงว่าเมื่อไรจะเข้าสู่ระเบียบวาระ หรือเป็นเพราะองค์ประชุมไม่ครบหรือไม่อย่างไร จึงอยากให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมต่อจากนายชวน วินิจฉัยด้วย

          ทำให้นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นชี้แจงในฐานะที่เป็นวิปรัฐบาล ว่าที่ผ่านมาที่ประชุมก็เปิดให้หารือเป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมง แต่มีการปรับเปลี่ยนให้เหลือ 1 ชั่วโมง แต่วันนี้มีปัญหาของประชาชนจำนวนมาก จึงให้สมาชิกอภิปรายได้ นายสุชาติจึงไกล่เกลี่ยว่าขณะนี้มีสมาชิกขอหารืออีกฝ่ายละ 5 คนเท่านั้น ทำให้นายพิเชษฐ์ ระบุว่าหากหมดสมาชิกที่ขอหารือแล้วขอให้ประธานวินิจฉัยด้วย

          ‘จิรายุ’เย้ยได้5เสียงฝ่ายค้านช่วย
          ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นขอความชัดเจนจากประธานในที่ประชุม เรื่องการนับองค์ประชุม เนื่องจากที่ผ่านมาฝ่ายค้านให้ความร่วมมือเรื่ององค์ประชุมมาตลอด ซึ่งนายชวนเคยวินิจฉัยว่าแม้ว่าสมาชิกจะไม่ได้เซ็นชื่อเข้าประชุม แต่ว่ามานั่งในห้องประชุมก็ถือว่าเป็นองค์ประชุม สามารถลงมติได้ ซึ่งการประชุมในขณะนี้มีสมาชิกที่มาร่วมประชุม จำนวน 249 คน ซึ่งเป็นเสียงของพรรคฝ่ายค้านประมาณ 5 เสียง จึงสามารถเปิดประชุมได้ ดังนั้น วันนี้อยากให้ประธานในที่ประชุมวินิจฉัยเพื่อเป็นบรรทัดฐานว่า ถ้าหากไม่ได้เซ็นชื่อแล้วมานั่งในห้องประชุมถือเป็นองค์ประชุมด้วยนั้น ในเรื่องของการนับองค์ประชุมก็จะถือเป็นเรื่องของฝ่ายรัฐบาล จึงอยากให้นายสุชาติไปคุยกับนายชวนด้วยเพราะไม่ใช่ว่ารองประธานวินิจฉัยอย่างหนึ่ง แต่ประธานกลับวินิจฉัยอีกอย่างหนึ่ง

          “สุชาติ”สั่งปิดประชุมทันที
          นายสุชาติ ชี้แจงว่า ยึดตามข้อบังคับการประชุม ซึ่งดูที่จำนวนสมาชิกที่ลงชื่อ หากเจ้าหน้าที่แจ้งมาว่ามีสมาชิกเซ็นชื่อเข้าร่วมประชุมเกิน 249 เสียงแล้ว จะถือว่าครบองค์ประชุม อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้เป็นบรรทัดฐานของตน แต่ไม่ทราบว่านายชวนจะคิดเห็นอย่างไร ก็จะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับนายชวนอีกครั้ง แต่ยืนยันว่า ตนยึดบรรทัดฐานแบบนี้ จากนั้น นายสุชาติได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า นายทรงศักดิ์ ทองศรี และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ส่งหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส. ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้มีจำนวน ส.ส. 497 คน โดยองค์ประชุมคือ 249 คน

          นายสุชาติได้แจ้งต่อที่ประชุมอีกว่า ในส่วนของญัตติต่างๆ บางญัตติมีสมาชิกลงชื่ออภิปรายไว้กว่า 20 คน แต่ขณะนี้เนื่องจากสมาชิกบางส่วนอาจจะกำลังเตรียมความพร้อมในการรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาล จึงขอเลื่อนการพิจารณาญัตติต่างๆ ในสัปดาห์หน้า ก่อนสั่งปิดประชุมในเวลา 15.00 น.

          “บิ๊กป้อม”หนาวกกต.พร้อมสอบ2ปมร้อน
          ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น ถ.วิภาวดีรังสิต นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นขอให้พิจารณาเสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชารัฐ จากกรณีจัดสัมมนาในรีสอร์ทบุกรุกที่อุทยานแห่งชาติ และให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคทั้งที่ยังไม่เป็นสมาชิกพรรค ว่า เพิ่งได้ทราบข่าวว่านายศรีสุวรรณมายื่นคำร้อง เข้าใจว่ากระบวนการหลังจากนี้ทางสำนักงานก็จะรวบรวมข้อมูลเสนอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองและเลขาธิการกกต. ไปดำเนินการ ถ้าหากมีความเห็นประการใดก็จะเสนอ กกต.พิจารณา ถือเป็นไปตามขั้นตอนปกติ และคิดว่าการพิจารณาคงใช้เวลาไม่นานถ้ามีข้อมูลหลักฐานเพียงพอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องใช้เวลานาน

          “ดำรงค์”จี้ประกาศรื้อถอน“88การ์มองเต้”
          นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ในฐานะอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณี 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ว่า พื้นที่ดังกล่าวชัดเจนว่าอยู่ในเขตอุทยานฯ ทับลาน ดังนั้นกรมอุทยานฯ ต้องรีบไปปิดประกาศรื้อถอนตามมาตรา 22 โดยให้เวลา 30-45 วัน 2 ครั้ง หากเจ้าของไม่ดำเนินการรื้อถอนเอง กรมอุทยานฯ ก็ต้องเข้าไปรื้อถอนให้แล้วเรียกค่ารื้อถอนคืน ซึ่งจากการติดตามทราบว่ามีรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศที่เข้าข่ายต้องรื้อถอนอีกจำนวน 100 กว่าแห่ง ไม่ใช่การ์มองเต้เพียงแห่งเดียว เรื่องวังน้ำเขียวนี้จะเป็นตัวชี้วัดการทำหน้าที่ของคนที่มาเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และต้องทำความเข้าใจกับสังคมว่าเป็นการดำเนินการกับนายทุนที่มีการซื้อขายที่ดินป่าเปลี่ยนมือกันมา ไม่ได้เป็นการดำเนินการกับชาวบ้านยากจนที่อยู่ในพื้นที่มาก่อนแต่อย่างใด

          นายกฯชี้ทส.รับเรื่อง-อย่าโยงตีกัน
          ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ระบุถึงเรื่องดังกล่าวว่า เขาก็สอบสวนกันต่อไป รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็รับเรื่องไปแล้ว อะไรที่เป็นปัญหาอยู่ในกระบวนการไหนก็รับไป ไม่ใช่เอาอันนี้มาตีอันโน้นอันนั้น มันทำงานไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แตะอะไรก็ไม่ได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ แล้วใครจะทำได้ ถ้าไม่ใช่รัฐบาลแก้แล้วใครจะทำ ถ้าประชาชนไม่ช่วยกันแก้แล้วใครจะทำ ทุกเรื่องมีซ้ายมีขวา มีเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยตลอดทุกเรื่อง

          “ธรรมนัส" สั่งส.ป.ก.เตรียมข้อมูลรับมือ
          แหล่งข่าวจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ ส.ป.ก.ส่วนกลางและส.ป.ก.จังหวัดนครราชสีมา รวบรวมข้อมูล รีสอร์ท 88 การ์มองเต้ วังน้ำเขียว ที่พรรคพลังประชารัฐใช้จัดงานสัมมนา ส.ส. โดย รมช.เกษตรฯ สั่งให้ตั้งวอร์รูมจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม สแตนด์บายห้ามไปไหนระหว่างที่พรรคฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องนี้ในช่วงรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา

          ‘วราวุธ’หาช่องชงอัยการฟื้นคดี
          เวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีที่พรรคพลังประชารัฐจัดงานสัมมนาพรรค เมื่อวันที่ 21-22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่รีสอร์ท 88 การ์มองเต้ อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่ถูกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยจับกุมมาแล้ว 2 ครั้ง ว่าขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในชั้นอัยการ และกรมอุทยานฯ ออกคำสั่งประกาศให้รื้อถอนตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติแล้ว แต่ผู้ประกอบการยื่นขอคุ้มครองชั่วคราว เท่าที่ได้รับทราบรายงานจากกรมอุทยานฯ ทราบว่าอัยการมีมติสั่งไม่ฟ้องแล้ว ซึ่งในมุมมองของกฎหมาย ถือว่าคดีนี้จบสิ้นแล้ว แต่ถ้ามีพยานหลักฐานใดเพิ่มมาใหม่ก็สามารถขอร้องให้อัยการนำคดีมาพิจารณาใหม่ได้

          “บิ๊กป๊อก” ไม่ขัดฝ่ายค้านยื่นกระทู้ปมขยะ
          ที่สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายจักกพันธุ์ ผิวงาม ลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าไม่สบายใจการดำเนินโครงการเตาเผาขยะ 2 แห่งในกทม. ว่า เรื่องลาออกไม่ต้องมาถาม เพราะไม่เกี่ยว ส่วนการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ฝ่ายค้านเตรียมอภิปราย ในโครงการเกี่ยวกับขยะนั้น ในขั้นตอนดำเนินการ เป็นเรื่องขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ กรุงเทพฯ ก็เช่นเดียวกัน โดยขั้นตอนในการดำเนินการนั้น สามารถที่จะตั้งโครงการขึ้นมาได้ โดยผ่านคณะกรรมการต่างๆ ตามกฎหมาย

          “ฝ่ายค้านจะมีข้อสงสัยอะไร ผู้ดำเนินการก็ต้องชี้แจง ผมใช้คำว่าขอให้เป็นเรื่องของความถูกต้องที่ท้องถิ่นจะต้องทำให้มีความโปร่งใส หน่วยงานตรวจสอบก็จะต้องตรวจสอบ ป.ป.ช. สตง. ต้องตรวจสอบ ฝ่ายค้านก็ต้องกำกับให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้ามีพิรุธอะไรตรงไหน ฝ่ายค้านก็สามารถหยิบยกขึ้นมาได้ คนทำก็ต้องทำให้โปร่งใส” รมว.มหาดไทย กล่าว

          “อัศวิน”แจงเตาเผาขยะ'ไม่ล็อกสเปก
          วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงกรณีกระแสข่าวรองผู้ว่าฯ กทม. 2 คน ลาออกสาเหตุเกี่ยวกับโครงการเตาเผาขยะ ขนาด 1,000 ตันต่อวัน 2 โรง มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท โดยชี้แจงว่า โครงการเตาเผาขยะมูลค่า 13,000 ล้านนั้น ต้องแยกประเด็น เพราะเป็นโครงการ 20 ปี แบ่งเป็น 2 เตา ตกเตาละ 6,000 ล้าน คิดแล้วจะได้ตัวเลขในการจัดการขยะต่อวัน ใช้วงเงินประมาณ 8 แสนกว่าบาท โครงการดังกล่าวมีมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2556 เปิดเดินเครื่องได้ปี 2559 เฉลี่ยเดินเครื่องได้ 970 บาทต่อตัน อย่างไรก็ตามใครที่ประมูลได้จะต้องลงทุน 3,000 ล้านบาท และ 20 ปี จะตกเป็นของกรุงเทพมหานคร ซึ่งอัตราใหม่ที่จะเปิดใช้ในปี 2564 จะไม่ถึง 900 บาทต่อตัน ด้วยซ้ำ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ