'พนิต' แนะ วิธีอยู่รอดของพรรคการเมืองรุ่นใหม่
'พนิต' แนะ พรรคการเมืองรุ่นใหม่ อยากอยู่รอด ต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจน แก้คำปรามาส และทำงานร่วมระบบข้าราชให้ได้
วันที่ 23 ก.พ. นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และกมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาฯ แนะแนวทางการปรับตัวของพรรครุ่นใหม่ ต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจน สร้างความเชื่อมั่นจากการถูกปรามาสว่าบริหารประเทศไม่ได้ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก panich Vikitsreth เรื่อง "(พรรคการเมือง)พลังใหม่เดินแบบไหน...ให้อยู่รอด ?"
เนื่องจากใกล้ถึงเวลาสิ้นสุดวาระสภา และ นายกรัฐมนตรี เตรียมยุบสภาในช่วงเดือนมี.ค.นี้ และจัดการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค.นี้
บางช่วงมีการระบุว่า การเมืองขณะนี้ เป็นการสู้กันระหว่าง พลังเก่า vs พลังใหม่ ปัจจุบันในสังคมไทยมีมากขึ้นทุกวัน และสิ่งที่พรรคการเมืองต้องยอมรับก่อน คือ สังคมได้เปลี่ยนไปแล้ว ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่มากขึ้น ต้องการเปลี่ยนประเทศชาติให้ดีขึ้น ไม่ใช่ผูกขาดการครองอำนาจให้แก่คนในตระกูลใดตระกูลหนึ่ง หรือ ระบอบสืบทอดอำนาจ
อะไรที่เคยคิดว่าแน่นอน วันนี้กลับไม่มีความแน่นอน อะไรที่คิดว่ามั่นคง วันนี้อาจจะไม่มั่นคงแล้วก็ได้ ถึงเวลาที่ทุกพรรคการเมืองไม่ว่าเก่าหรือใหม่จะต้องปรับตัวโดยด่วน
โดยเฉพาะพรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่ผ่านมา 4 ปี ถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น และมีโอกาสจะเป็นความหวังของคนไทย ทั้งนโยบายเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศ ชัดเจนเรื่องอุดมการณ์ประชาธิปไตย โดยเฉพาะบทบาทฝ่ายค้านที่ขึ้นชกสมศักดิ์ศรี ไม่มีมวยล้มต้มคนดู
แต่ด้วยท่าทีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ประกอบกับแนวร่วมต่างๆที่ผ่านมา จึงถูกผลักไปอยู่ฝ่ายสุดโต่งถึงขนาดบอกว่าเป็นซ้ายจัด
จึงกลายเป็นเหยื่ออันโอชะให้ผู้ไม่หวังดีนำไปบิดเบือน จนเลยเถิดเป็นทำงานการเมืองแบบทะลุเพดาน นำไปสู่ความไม่สบายใจ และความหวาดระแวง ที่จะเปลี่ยนแปลง จนเกินกติกา และกฎหมายที่กำหนดไว้
นายพนิต แนะนำว่า โจทย์สำคัญข้อแรก คือ ยุทธศาสตร์ต้องชัดเจน กำลังต่อสู้และทำอะไร แก้ไขจุดอ่อน ด้วยการทำอะไรที่เป็นสัญลักษณ์และต้องประจักษ์ชัดว่า เลือดพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่จะไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น หรืออย่างน้อยมีอะไรเข้ามาถ่วงดุล
ต่อมา ต้องแก้ปัญหาความไม่เชื่อมั่น หลังถูกปรามาสว่า หากมีโอกาสเป็นรัฐบาลแล้ว จะบริหารประเทศไม่ได้ หรือบริหารไม่เป็น เนื่องจากเป็นคนรุ่นใหม่ยังขาดประสบการณ์ นโยบายต่างๆที่ประกาศไว้ช่วงหาเสียงอาจเป็นเพียงวาทกรรม หรือ ขายฝันเพื่อเรียกคะแนนเท่านั้น
นอกจากนี้ต้องฝ่าด่านหิน คือ ระบบข้าราชการ ที่เข้มแข็ง ซึ่งต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ขอความร่วมมือให้เขาช่วยทำงาน เพราะหากเจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่เอาด้วย ก็เตรียมนับเวลาถอยหลัง ม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย อย่างเช่นบางรัฐบาลในอดีต ที่ได้ความไว้วางใจจากประชาชนจำนวนมาก แต่ก็ไปไม่รอด
จึงจำเป็นต้องเสริมบุคลากร ที่มีประสบการณ์จริง ด้านบริหารประเทศ และประสานภารกิจการเมืองได้ และยังถือโอกาสใช้บุคลากรดังกล่าว เป็นพี่เลี้ยง หรือ โค้ช สนับสนุนคนรุ่นใหม่ต่อสู้ในเส้นทางระยะยาวพลิกโฉมบ้านเมือง ขับเคลื่อนให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะเป้าหมายแรกคือ "ปิดสวิตช์ระบบพี่น้อง 3 ป."
นายพนิต ทิ้งท้ายว่า ทำตามข้อเสนอนี้อาจเปลี่ยนทัศนคติของ "กลุ่มพลังเก่า" ที่กำลังมองหาพรรคการเมืองแบบใหม่เพื่อฝากความหวัง หลังเบื่อหน่ายกับการเมืองเก่า