ข่าว

ประธานกกต. ให้สติ คดี 'พิธา' อยู่ในชั้นการพิจารณารับหรือไม่รับคำร้อง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประธานกรรมการการเลือกตั้ง สรุปสถานการณ์ว่าด้วย "พิธา" หัวหน้าพรรรคก้าวไกล และปมการถือหุ้นสื่อไอทีวี ขีดเส้นใต้ให้เข้าใจเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณารับคำร้องไว้ดำเนินการตามระเบียบหรือไม่เท่านั้น ยังไม่ได้ไปชี้ชัดว่ามีมูล จนต้องถึงตั้งคณะกรรมการไต่สวน

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.  เปิดเผยว่า การพิจารณาคำร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีถือหุ้นไอทีวี หลังมีการรายงานว่า สำนักงาน กกต. ได้เสนอความเห็นต่อที่ประชุม คณะกรรมการ กกต. พิจารณา แล้ววานนี้ ( 6  มิ.ย. ) กรณีนี้เป็นเรื่องที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อกกต. เพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบกรณีการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. และความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง  

 

 

 

ดังนั้น กกต. จึงมีหน้าที่ตามกฎหมายในการตรวจสอบกรณีมีคำร้องหรือเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฎว่ามีการกระทำใดอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง   ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณารับคำร้องไว้ดำเนินการตามระเบียบหรือไม่เท่านั้น กกต. ยังไม่ได้พิจารณาว่ากรณีมีมูล ถึงขั้นตั้งคณะกรรมการไต่สวนหรือไม่ แต่อย่างใด

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหุ้นไอทีวี ว่า 
คงจะต้องรอฟังอย่างเดียวว่า กกต.จะว่าอย่างไร   ที่มีข้อมูลว่า กกต. ตั้งประเด็นว่า อาจจะเข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่า มีคุณสมบัติต้องห้าม แต่ก็ยังมาลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น  เรื่องนี้ข้อมูลยังไม่เพียงพอ ทางกกต.ยังจัดการเรื่องการตั้งรูปคดีอยู่ จึงต้องรอกกต.ก่อน และยังไม่ให้ความเห็นไปมากกว่านี้   ส่วนเรื่องกระบวนการฟื้นฟูไอทีวี คิดว่าใครอยู่เบื้องหลัง หรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลการฟื้นคืนชีพเรื่องทางธุรกิจหรือเรื่องทางการเมือง ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะความน่าจะเป็นมีอยู่ในอนาคต จึงเป็นเหตุผลต้องมีการบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

 

 

วันอังคารที่ 6 มิ.ย.   มีรายงานว่า  ในที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้มีการพิจารณากรณีสำนักงานกกต.รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล   มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง  สส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และมาตรา 42 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. เนื่องจาก ถือหุ้นสื่อไอทีวีหรือไม่     

 

 


โดยสำนักงานฯ เสนอว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ สส. เนื่องจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ  ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 10 พ.ค.66   ซึ่งพ้นระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร สส.  ตามมาตรา 51  ประกอบมาตรา 60 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ที่กำหนดว่าต้องยื่นภายใน 7 วัน  นับแต่ กกต.ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง

 จึงต้องเสนอกกต.ให้มีคำสั่งเป็นความปรากฏต่อ กกต. ว่านายพิธามีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้ง และการยินยอมให้พรรคส่งชื่อตนเองเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลลำดับที่ 1 รวมถึงยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  เข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง    แต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 151   พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หรือไม่  

 

 

โดยให้พนักงานสืบสวนไต่สวนของสำนักงาน กกต.เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนไต่สวนต่อตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด 2561 ซึ่งก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการไต่สวน ที่ประชุม กกต ยังเห็นว่าที่สำนักงานกกต. เสนอมีรายละเอียดไม่ครบถ้วน เช่น คำร้องมีการร้องในประเด็นใดบ้าง   หลักฐานเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร     จึงให้ไปดำเนินการมาให้ครบถ้วนและเสนอที่ประชุม  กกต.พิจารณาใหม่โดยเร็ว

 

ประธานกกต. ให้สติ คดี \'พิธา\' อยู่ในชั้นการพิจารณารับหรือไม่รับคำร้อง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  กำลังถูกตรวจสอบลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และมาตรา 42 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. เนื่องจาก ถือหุ้นสื่อไอทีวี

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ