ข่าว

“เฉลิมชัย” ปัด “เฮียเก้าหมูเถื่อน” แค่ญาติชาวจีน ขอใช้นามสกุลพี่ชาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เฉลิมชัย" ปัด "เฮียเก้าหมูเถื่อน" น้องคนละแม่ แค่ญาติชาวจีนขอใช้นามสกุลพี่ ลั่น ใครทำผิดก็ต้องรับโทษ ยืนยันไม่เคยรับเงินสกปรก ขออย่าเอาการเมืองมาโยง หากทำให้เสียหายเตรียมดำเนินการตามกฏหมาย

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายจับขบวนการนำเข้าเนื้อหมูเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ ซึ่งรวมถึงนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ เฮียเก้า นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ที่มีรายงานว่า พัวพันกับการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน และเป็นน้องชายต่างมารดาของนายเฉลิมชัย

โดยนายเฉลิมชัย  ยืนยันว่า ข่าวที่ว่านายหลี่ เซิ่งเจียว เป็นพี่น้องต่างมารดากับตนเองนั้น เป็นเรื่องเท็จ เพราะบิดาของตนเอง อยู่ในประเทศไทยมานาน 80 กว่าปีแล้ว โดยหลังจากที่บิดาของตนมาอยู่ไทยแล้ว ก็ไม่เคยกลับไปประเทศจีนอีกเลย จึงไม่มีทายาทอยู่ที่ประเทศจีนได้ และตนเองไม่รู้จักบ้านของนายหลี่ ซึ่งกรณีที่เคยเจอกันในงานนั้น ก็เป็นเพราะ ตนได้รับเชิญให้ไปร่วมงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนักธุรกิจ และข้าราชการมาร่วมงานจำนวนมาก

 

 

ส่วนกรณีที่บุตรชายของนายหลี่ คือ นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับนายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ พี่ชายของนายเฉลิมชัย และนายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นหลานชายของนายเฉลิมชัยนั้น นายเฉลิมชัย ชี้แจงว่า ตนทราบเพียงว่า เป็นการมาขอใช้นามสกุล แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้

 

นายเฉลิมชัย ยืนยัน ในชีวิตของตนไม่เคยเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนพวกนี้ และไม่เคยรับเงินสกปรก ทั้งต่อหน้า และลับหลัง เพราะในชีวิตของตน เกลียดการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้น หากเป็นการกระทำความผิดของใคร บุคคลนั้นต้องรับโทษและเข้าสู่กระบวนยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อไปในชั้นศาล โดยไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการยกเว้น หรือหากผู้ทำผิดเป็นญาติหรือคนสนิทของตน ก็ต้องรับโทษ และขออย่านำประเด็นทางการเมืองมาเชื่อมโยง

 

 

นายเฉลิมชัย ยังยืนยันอีกว่า ตนเองสามารถชี้แจงได้ทุกอย่าง และสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น และปรากฏข่าวพบการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเข้ามานั้น ตนได้สั่งการอธิบดีกรมปศุสัตว์ ห้ามปล่อยเนื้อหมูเหล่านั้นออกจากท่าเรือ หรือสถานที่ต่าง ๆ โดยต้องไม่มีการยินยอมให้นำเนื้อหมูดังกล่าวออกมาได้ ซึ่งคำสั่งนี้ของตน จึงเป็นที่มาของการอายัดเนื้อหมู 100 กว่าตู้ และทางกระทรวงเกษตรฯ ได้มีการจับกุม อายัด และทำลายเนื้อหมูเถื่อนแล้ว 

 

 

ส่วนจะมีข้าราชการคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ก็จะต้องให้เป็นไปตามกระบวนการ และในส่วนของตนตอนนี้ ให้ทุกอย่างว่า ไปตามกระบวนการ แต่หากมีใคร มาทำให้ตนได้รับความเสียหาย ก็จะดำเนินตามกฎหมายต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ