ข่าว

‘ปานปรีย์’ ชวนอินเดียลงทุนแลนด์บริดจ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

‘ปานปรีย์’ ชวนอินเดียลงทุนแลนด์บริดจ์ เล็งขยายบัญชีสินค้า FTA ไทย-อินเดีย ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2570

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในโอกาสเยือนอินเดียระหว่างวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า อินเดียมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดในโลก ดังนั้นจึงเป็นตลาดที่ทุกประเทศให้ความสนใจ โดยการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-อินเดีย (JC) ครั้งที่ 10 ที่กรุงนิวเดลี มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจ มีการหารือถึงอุปสรรคทางการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ โดยสองฝ่ายมีเป้าหมายส่งเสริมการค้าและการลงทุนให้ได้มูลค่าถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2570 ปีที่ผ่านมาไทยและอินเดียมีมูลค่าการค้าสูงถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดียอมรับว่าการค้าระหว่างกันยังมีอุปสรรคอยู่ ซึ่งก็จะหารือแก้ไขต่อไป เพื่อให้สินค้าอินเดียเข้าสู่ตลาดไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันสินค้าไทยก็จะสามารถเข้าสู่ตลาดอินเดียได้มากขึ้นเช่นกัน

 

รองนายกฯ กล่าวว่า การจะบรรลุเป้าหมาย การเจรจาการค้าเสรี (FTA) เป็นเรื่องสำคัญ 20 ปีที่ผ่านมา มีสินค้าเพียง 82 รายการเท่านั้น ที่อยู่ในกรอบ FTA ไทย-อินเดีย ถือว่าน้อยมาก ดังนั้นครั้งนี้จึงมีการหารือกับ ดร.สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ว่าจะปรับปรุงแก้ไขได้อย่างไร ซึ่งถ้าสามารถขยาย FTA ระหว่างกันเพิ่มขึ้นได้ ปริมาณการค้าและการลงทุนก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยรัฐบาลไทยก็ยังสนใจที่จะลงทุนในอินเดีย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และเทคโนโลยี แต่ที่สำคัญคืออุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งที่ผ่านมามีการลงทุนมากที่สุด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในไฮโดรเจนสีเขียวด้วย

ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์ที่รัฐบาลไทยพยายามผลักดันนั้น รองนายกฯ เผยว่า อินเดียมีความสนใจ แต่ขอศึกษารายละเอียดก่อน ซึ่งฝ่ายไทยเสนอว่าแลนด์บริดจ์เป็นโครงการสำคัญของไทยที่กำลังจะผลักดัน โดยเป็นโครงการที่สามารถเชื่อมโยงกับอินเดียทางทะเลและส่งเสริมความร่วมมือ 7 ประเทศในกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล (BIMSTEC) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหากอินเดียให้ความสนใจอย่างจริงจัง ไทยก็จะส่งผลการศึกษาไปให้อินเดียพิจารณา ขณะที่โครงการเชื่อมถนนไฮเวย์สามฝ่าย (Trilateral Highway) นั้น ก็เป็นเรื่องสำคัญที่มีการหยิบยกมาพูดคุยในที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมครั้งนี้ด้วย ซึ่งอินเดียแจ้งว่าได้ดำเนินการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานไปมากแล้ว ทั้งถนนหนทางต่างๆ ขณะที่ไทยก็แจ้งไปว่าได้ดำเนินการในฝั่งไทยเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่ปัจจุบันยังติดปัญหาเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ซึ่งส่งผลให้โครงการนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

 

ส่วนเรื่องฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยที่เดินทางไปอินเดีย รองนายกฯ กล่าวว่า ไทยได้ประกาศให้ฟรีวีซ่าแก่คนอินเดียไปก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก จากปีที่แล้วที่มีมากถึง 1.6 ล้านคน แต่ความเป็นไปได้ที่อินเดียจะเปิดฟรีวีซ่าให้แก่ไทย อินเดียระบุว่าจะรับไว้พิจารณา อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาอินเดียไม่เคยให้ฟรีวีซ่ากับประเทศใดเลย แต่สำหรับไทยปัจจุบันมีการให้ E-Visa อยู่แล้ว แต่ขั้นตอนเยอะพอสมควร ซึ่งถ้าสามารถลดขั้นตอนนี้ได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก และได้มอบหมายให้ นางสาว ภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ติดตามเรื่องนี้ต่อไป

logoline