ข่าว

เปิดคุก!! ชมการดูแลนักโทษกลุ่มหลากหลายทางเพศ

เปิดคุก!! ชมการดูแลนักโทษกลุ่มหลากหลายทางเพศ

05 ก.ค. 2559

เปิดคุกพัทยา ให้เอ็นจีโอ - ผู้ตรวจการฯ ชมการดูแลนักโทษกลุ่มหลากหลายทางเพศ เผยตัวเลขกลุ่มหลากหลายเพศที่ถูกคุมทั่วประเทศ 4,448 ราย

               5 ก.ค. 59 พล.ท.ชูนล หาสารีสร คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำกลุ่มหลากหลายทางเพศ องค์กรภาคประชาสังคม และผู้แทนจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเข้ารับฟังแนวทางปฎิบัติการคุมขังกลุ่มหลากหลายทางเพศจากเรือนจำพิเศษพัทยา

               นายชาติพล อาภาสัตย์ ผบ.เรือนจำพิเศษพัทยา เปิดเผยถึงการคุ้มครองสิทธิผู้ต้องขังที่ความหลากหลายทางเพศในกระบวนการยุติธรรมว่า พัทยาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีผู้กลุ่มผู้หลายหลายทางเพศจำนวนมากคนกลุ่มนี้เมื่อมีหมายจับและถูกดำเนินคดี แม้จะมีบัตรประชาชนที่ระบุเพศที่ชัดเจนตามหมายขังแต่เพศสภาพได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปแล้ว คือ มีการผ่าตัดแปลงเพศหากนำไปขังรวมกับผู้ต้องหาเพศชายก็จะทำให้เกิดปัญหาในการควบคุมและอาจจะเกิดคดีคุกคามทางเพศได้จึงจำเป็นต้องแยกขังออกมา

               “ตามขั้นตอนจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำเรือนจำและผู้ช่วยหญิงทำหน้าที่ตรวจสอบโดยความยินยอมของผู้ร้องขอให้ชัดเจนว่าผู้ต้องขังมีเพศสภาพไม่ตรงกับบัตรประชาชนหรือไม่มีสิ่งที่แสดงความเป็นชายหลงเหลืออยู่ และเมื่อผ่านการพิสูจน์แล้วทางเรือนจำฯก็จะให้แยกขังต่างหาก ไม่ให้อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังชาย ยกเว้นช่วงที่ต้องทำงาน”

               นายชาติพล กล่าวอีกว่า ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์จะแบ่งกลุ่มผู้ต้องขังหลากหลายทางเพศ4 กลุ่ม คือ สำหรับผู้ต้องขังชายที่แปลงเพศ หากตรวจพบว่ามีการแปลงเพศทางคณะกรรมการจะตรวจสอบร่างกาย พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป และไม่ให้อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังชายในแดนขังชาย แต่จะส่งตัวไปควบคุมในแดนขังหญิง ส่วนผู้ต้องขังชายที่มีพฤติกรรมเป็นกะเทย หลังจากผ่านการพิจารณาพฤติกรรมโดยคณะกรรมการแล้วจะส่งไปประจำอยู่แดนนักโทษชายที่รอการพิจารณา หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้วก็จะส่งไปควบคุมที่แดนอื่นต่อไป 

               ผู้ต้องขังหญิงที่เป็นทอมหรือดี้จะถูกแยกควบคุมตัวที่เรือนนอนตามมติคณะกรรมการตรวจผู้ต้องขังเข้าใหม่ และสุดท้ายเป็นกลุ่มผู้ต้องที่มีลักษณะ 2 เพศ ซึ่งขณะนี้ยังมีไม่ผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำ อย่างไรก็ตามหากตรวจพบและมีผู้ต้องขังเข้ามาในเรือนจำ แนวทางปฎิบัติคือ ต้องยึดตามสำเนาทะเบียนราษฎร์ที่กำหนดเพศไว้เท่านั้น โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องรอคำวินิจฉัยจากแพทย์หรือคำสั่งจากศาลว่ายินยอมให้ผู้ต้องขังเลือกเพศใดเพื่อเป็นแนวทางปฎิบัติ

               ปัจจุบันเรือนจำพิเศษพัทยา มีผู้ต้องขังประมาณ 4,300 คน จากการสำรวจผู้ต้องขังกลุ่มหลากหลายทางเพศเมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 222 คน แยกเป็นเกย์ กะเทยที่ยังไม่ได้แปลงเพศ จำนวน 170 คน ทอม ดี้ 41 คน และนักโทษชายแปลงเพศ 11 คน

               ขณะที่นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้มีข้อเสนอจากองค์กรสิทธิมนุษยชนไทยและต่างประเทศระบุตรงกัน อยากให้กรมราชทัณฑ์มีพื้นที่คุมขังกลุ่มผู้ต้องหาที่มีความหลากหลายทางเพศแยกต่างหากจากแดนทั่วไปเพราะเกรงว่า นักโทษที่ผ่านการแปลงเพศหรือเปลี่ยนเพศสภาพแล้วจะถูกคุกคามทางเพศหากนำไปขังรวมกันผู้ต้องขังชาย และอาจจะมีปัญหาการค้าประเวณีตามมา ทางเรือนจำจึงต้องป้องกันไว้ก่อน

               “เบื้องต้นทางกระทรวงยุติธรรมเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวและทางกรมราชทัณฑ์มีนโยบายที่จะทำแดนพิเศษเพื่อฝากขังกลุ่มนักโทษที่มีความหลากหลายทางเพศโดยใช้พื้นที่ในเรือนจำมีนบุรี” รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว

               สำหรับสถิติผู้ต้องขังกลุ่มหลากหลายเพศที่ถูกคุมขังอยูในเรือนจำทั่วประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 4,448คน จำแนกดังนี้ กะเทย 1,804คน เกย์ 352 คน  ทอม 1,247 คน  ดี้ 1,011คน ชายแปลงเพศ 34 คน

(ภาพ ilaw.or.th)