"ดีเอสไอ."จี้"ธรรมกาย"รื้อสิ่งกีดขวางประตู 4
ดีเอสไอพบธรรมกายยังไม่รื้อสิ่งกีดขวางประตู 4 จี้รีบถมคูน้ำหลังปชช.เดือดร้อน ขณะที่ผู้นำเข้าตู้ไฮเปอร์บาริคโดนเรียกเข้ารายงานตัวรายล่าสุด ส่วน"ลีลาวดี"เจอม. 116
14 มี.ค. 60 - พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงการประชุมติดตามสถานการณ์ และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่วัดพระธรรมกาย ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติงานในพื้นที่ จากการตั้งด่านสกัดมาเป็นการเฝ้าระวังจุดต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนทั้งจากผู้ที่ต้องการเข้ามาก่อเหตุความวุ่นวายและเพื่อดูแลความเรียบร้อยให้กับประชาชนโดยรอบ เนื่องจากวัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบยังเป็นพื้นที่ควบคุมตามมาตรา 44 จึงต้องดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดขณะเดียวกัน ได้มีการทยอยส่งหนังสือเรียกให้บุคคลมารายงานตัวโดยหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าของที่ดินที่ปลูกสร้างอาคารบุญรักษา และผู้ที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ โดยผู้ที่ถูกเรียกเข้ารายงานตัวรายล่าสุด คือผู้นำเข้าเครื่องไฮเปอร์บาริค แชมเบอร์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเครื่องดังกล่าวนำเข้าทั้งสิ้น 20 เครื่อง อยู่ที่โรงพยาบาลยันฮี 19 เครื่อง และอยู่ในห้องพักของพระธัมมชโย 1 เครื่องสำหรับบุคคลที่ได้ออกหมายเรียกให้มารายงานตัวขนาดนี้มีทั้งสิ้น 317 คน มารายแล้วมากกว่า 100 คน
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้นำอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน บินสำรวจพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย เพื่อดูแลรักษาความเรียบร้อย พบว่าที่ประตู 4 ซึ่งเป็นบริเวณที่ทหารเผชิญหน้ากับพระสงฆ์ และกลุ่มศิษย์วัดพระธรรมกายยังไม่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางออกจากพื้นที่ และยังพบประชาชนที่อยู่บริเวณนั้น 50 คนจึงได้มอบหมายให้ผู้ประสานงานแจ้งให้วัดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกโดยเร็วรวมทั้งเร่งถมคูน้ำที่อยู่บริเวณใกล้กับอาคารบุญรักษาด้วย เพราะชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาน.ส.ลีลาวดี วัชโรบล อดีตนักการเมืองหญิง ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่กองบังคับการปราบปรามเพิ่มอีก 1 คดี ตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น โดยขณะนี้มีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องแล้ว 46 คดี เป็นคดีในความรับผิดชอบของกองปราบ 4 คดี สภ.คลองหลวง 28 คดี และ สถานีตำรวจภูธรคลอง 5 อีก 14 คดี