'อุบลรัตน์' องค์คณะคดีจำนำข้าว นั่งปธ.ศาลอุทธรณ์หญิงคนแรก
โยกย้ายผู้พิพากษาประจำปี"อุบลรัตน์ ลุยวิกกัย" รอง ปธ.ศาลฎีกาอาวุโสคนที่ 1 เป็นประธานศาลอุทธรณ์ มีผล 1 ต.ค.นี้
20 ก.ค.61 - ที่ห้องประชุมศาลยุติธรรม ชั้น 5 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ได้มีการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ซึ่งมีวาระพิจารณาโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตุลาการ ซึ่งประกอบด้วย การให้ความเห็นชอบพิจารณาสับเปลี่ยนตำแหน่ง "ประธานศาลอุทธรณ์" ซึ่งนายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานศาลอุทธรณ์ คนปัจจุบันจะเกษียณราชการตำแหน่งบริหารในวันที่ 30 ก.ย.61 นี้ และการพิจารณาเห็นชอบผู้พิพากษาอาวุโสสับเปลี่ยนตำแหน่ง 51 ราย รวมทั้งเห็นชอบการแต่งตั้งผู้พิพากษาอาวุโสใหม่ 86 ราย
ซึ่งการพิจารณาผู้ที่มาดำรงตำแหน่ง "ประธานศาลอุทธรณ์" ที่มีอาวุโสทางตำแหน่งรองจากประธานศาลฎีกานั้น ปรากฏว่า ก.ต. เห็นชอบและมีมติให้ "นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย" รองประธานศาลฎีกาลำดับที่ 1 ที่มีอาวุโสสูงสุดในคณะรองประธานศาลฎีกา 6 คน สับเปลี่ยนมาดำรงตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์คนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 เป็นต้นไป โดย "นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย" ถือเป็นผู้พิพากษาหญิงคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ซึ่งมีอาวุโสรองจากประธานศาลฎีกาเพียงคนเดียวเท่านั้น
โดย "นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย" ปัจจุบันอายุ 64 ปี ซึ่งขณะดำรงตำแหน่งในศาลฎีกา "นางอุบลรัตน์" ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่เป็นองค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีใหญ่สำคัญที่ประชาชนสนใจ ทั้งคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีตกเป็นจำเลย , องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์คดีสลายม็อบ พธม.ปี 2551 ที่ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ในส่วนของ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. จำเลยที่ 4 ไว้ (ซึ่งขณะนี้องค์คณะ 9 คนที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากำลังวินิจฉัยประเด็นอุทธรณ์) , องค์คณะคดียื่นฟ้อง "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 คดีแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพาสามิต และเป็นเจ้าของสำนวนคดี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ หมอเลี๊ยบ อดีต รมว.คลัง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ใช้อำนาจสั่งการแทรกแซงการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ทั้งนี้สำหรับ "นางอุบลรัตน์" นั้น เกิดวันที่ 27 ก.พ. 2497 จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ซึ่งในชีวิตราชการนั้นครั้งแรกสอบได้เป็นพนักงานอัยการเมื่อปี พ.ศ.2522ต่อมาจึงสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้ในปี พ.ศ.2523 โดยช่วงปฏิบัติหน้าที่ในราชการศาลได้รับความก้าวหน้าตามลำดับชั้นและได้เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญากรุงเทพใต้ , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ , รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4 , ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา กระทั่งอาวุโสขึ้นเป็นประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา และรองประธานศาลฎีกาตั้งแต่เมื่อปี 2560
ขณะที่ส่วนของ "นายธนฤกษ์ นิติเศรณี" ประธานศาลอุทธรณ์ คนปัจจุบันที่จะเกษียณราชการตำแหน่งบริหารในวันที่ 30 ก.ย.61 นั้น ก.ต. มีมติเห็นชอบเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ ซึ่ง "นายธนฤกษ์ นิติเศรณี" เคยเป็นเจ้าของสำนวนคดีทุจริตระบายรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) , องค์คณะคดีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จำนำข้าว , องค์คณะคดีสลายม็อบ พธม.
นอกจากนี้ การแต่งตั้งผู้พิพากษาอาวุโสอื่นที่น่าสนใจ ได้แก่ "นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง" รองประธานศาลฎีกาลำดับที่ 2 เจ้าของสำนวนคดีสลายม็อบ พธม. , องค์คณะคดีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จำนำข้าว และ, องค์คณะคดีนายทักษิณ ชินวัตร แปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพาสามิต เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา , นายโสภณ โรจน์อนนท์ รองประธานศาลฎีกาลำดับที่ 4 องค์คณะคดีสลายม็อบ พธม. , องค์คณะคดีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จำนำข้าว , องค์คณะคดีนายทักษิณ ชินวัตร แปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพาสามิต เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา , นายพรเทพ อัมพรกลิ่นแก้ว รองประธานศาลฎีกาลำดับที่ 6 องค์คณะอุทธรณ์คดีสลายม็อบ พธม. เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา , นายพิศล พิรุณ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา องค์คณะคดีสลายม็อบ พธม. , องค์คณะคดีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จำนำข้าว , คดีทุจริตระบายรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) และองค์คณะคดีนายทักษิณ ชินวัตร แปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพาสามิต เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
นายนิพนธ์ ใจสำราญ ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา องค์คณะคดีสลายม็อบ พธม. เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา , นายสุนทร ทรงฤกษ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา องค์คณะ 1 ใน 9 คดีวินิจฉัยอุทธรณ์สลายม็อบ พธม. เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา , นายทวี ประจวบลาภ ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา องค์คณะ 1 ใน 9 คดีวินิจฉัยอุทธรณ์สลายม็อบ พธม.ด้วย และนายประยูร ณ ระนอง ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา (ประธานคนแรกในแผนกใหม่นี้ที่เพิ่งเป็นเมื่อปี 2561 ) ไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
และการสับเปลี่ยนตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส "นายไพโรจน์ วายุภาพ" อดีตประธานศาลฎีกาคนที่ 41 ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ก็ไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 1 , "นายธานิศ เกศวพิทักษ์" อดีตรองประธานศาลฎีกาคนที่ 1 ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ , "นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์" อดีตอธิบดีผู้พิพากษาหลายแห่งซึ่งปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ และ "นายอำนาจ พวงชมพู" ผู้อดีตอธิบดีผู้พิพากษาหลายแห่งซึ่งปัจจุบันเป็นพิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์
โดยการสับเปลี่ยนและโยกย้ายตำแหน่งทั้งหมด ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 เป็นต้นไป
ขณะที่การพิจารณาเห็นชอบสับเปลี่ยนและแต่งตั้งโยกย้าย ตำแหน่ง ประธานแผนกและหัวหน้าคณะในศาลฎีกา รวมถึงระดับอธิบดีศาลนั้น ที่ประชุม ก.ต. มีวาระพิจารณาในวันจันทร์ที่ 6 ส.ค.นี้ ตั้งเวลา 09.30 น.