"ชาวจีน" ร้องอัยการตามคดีอาจารย์ปฏิบัติธรรมหลอกบริจาคเงิน
ทีมรองโฆษก เผยคดีกองปราบสรุปสำนวน อัยการสูงสุดสั่งฟ้องแล้ว อจ.ปฏิบัติธรรมจงหัวหวิงฉือหลอกบริจาค รอตัวฟ้อง ขณะที่ ผู้เสียหายชาวจีน ร้องอยากได้เงินหลายล้านหยวนคืน
22 พ.ย.61 - ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้เสียหายชาวจีนกว่า 30 คน พร้อมล่าม เดินทางมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ช่วยติดตามความคืบหน้าคดีที่ถูกนายเฉิน เป่า เซิน อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติไต้หวันและฮ่องกง อาจารย์สำนักปฏิบัติธรรมจงหัวหวิงฉือ ฮ่องกง ซึ่งอ้างตนเป็น 1 ใน 8 พระลามะทิเบตผู้ยิ่งใหญ่ หลอกลวงผู้เสียหายและลูกศิษย์ว่าต้องการเงินบริจาค 30 ล้านหยวน หรือประมาณ 150 ล้านบาทไทย สร้างสถานปฏิบัติธรรมที่ประเทศไทย มูลนิธิโพธิวัชระ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อจึงบริจาคเงินไปกว่า 40 ล้านบาท แต่กลับไม่มีการสร้างจริงตามที่อ้าง
โดยทีมรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด คือ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง และนายประยุทธ เพชรคุณ เป็นผู้แทน รับหนังสือของกลุ่มผู้เสียหายไว้
ขณะที่ นายไป๋ เย่า ฟง นักธุรกิจชาวจีน หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยผ่านล่ามว่า นายเฉิน ได้หลอกลวงชาวจีน ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน ไทย ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ว่าจะมาลงทุนสร้างวัดที่เมืองไทย เมื่อสร้างเสร็จแล้วให้ศิษย์เดินทางมาชม แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงแล้วไม่มีวัดดังกล่าว มีแค่ตึก 3 ชั้นซึ่งก็ไม่ได้มาจากเงินบริจาคแต่เป็นเงินของชาวจีนคนหนึ่งที่สร้างมา ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าเงินบริจาค 30 ล้านหยวนหายไปไหน จึงอยากให้รัฐบาลไทย และกฎหมายช่วยจัดการ โดยคดีนี้ได้แจ้งความกับตำรวจแล้ว ทางตำรวจบอกหลักฐานไม่พอซึ่งทางเราไม่มีหลักฐาน เพราะให้เป็นเงินสดตามที่นายเฉินบอกต้องการเงินสด จึงอยากให้อัยการช่วยดำเนินการนำเงินที่สูญเสียไปกลับคืน ขณะที่ฮ่องกงได้ออกหมายจับนายเฉิน และรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ห้ามไม่ให้นายเฉินเดินทางเข้าจีน โดยนายเฉินยังได้หลอกเอาเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน ไปอีกกว่า 2 ล้านหยวนด้วย
ด้าน นายโกศลวัฒน์ รองโฆษกอัยการสูงสุด กล่าวหลังรับเรื่องว่า คดีนี้เคยมีการร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ต้องหาไว้ที่กองบังคับการปราบปราม ซึ่งมีการทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องส่งมาที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 แล้วพบว่าเรื่องนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดจะมีคำสั่ง ซึ่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาแล้ว แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามผู้ต้องหามาฟ้อง โดยผู้ต้องหาได้ขอเลื่อนการส่งตัวฟ้องอ้างเหตุว่าป่วย ซึ่งอัยการสำนักงานคดีอาญาได้ตรวจสอบแล้วแต่ไม่ปรากฏหลักฐานการรักษาตัว จึงได้แจ้งไปพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปรามดำเนินการตรวจสอบและขอให้ดำเนินการออกหมายจับต่อไป
ด้าน นายประยุทธ รองโฆษกอัยการฯ กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือในวันนี้ ก็จะนำส่งอัยการสูงสุด โดยคดีอัยการเรามีขั้นตอนปฏิบัติชัดเจน ซึ่งนายวิเชียร ถนอมพิชัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ก็จะออกมาตรการกำกับดูแล ถ้ามีความคืบหน้าจะรายงานต่อไป.