ข่าว

สาวเล่า พ่อปวดท้องหายใจรวยรินที่สนามบินแต่ 1669 มารับไม่ได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรณีหญิงสาวที่เธอโทรเรียก 1669 หลังจากที่คุณพ่อของเธอป่วยฉุกเฉินที่สนามบินดอนเมือง แต่ไม่สามารถใช้บริการ 1669 ได้ ทำให้เธอออกมาโพสต์เพื่อขอความเป็นธรรม

กรณีหญิงสาวที่เธอโทรเรียก 1669 หลังจากที่คุณพ่อของเธอป่วยฉุกเฉินที่สนามบินดอนเมือง แต่ไม่สามารถใช้บริการ 1669 ได้ ทำให้เธอออกมาโพสต์เพื่อขอความเป็นธรรม 

ซึ่งเธอเล่าว่าเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา เวลา 21.15 น. คุณพ่อของเธอเดินทางจาก จ.อุดรธานี มายังสนามบินดอนเมือง พ่อเธอมีอาการปวดท้องอย่างหนักและท้องบวมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกดทับปอดจนหายใจสั้นมาก

พ่อโทรมาให้ลูกๆ มารอรับพาไปหาหมอก่อนจะบินจาก จ.อุดรธานี แต่พอมาถึงสนามบินดอนเมืองทางสายการบินกลับใช้รถเข็นพาพ่อไปที่คลินิคของโรงพยาบาลเอกชนที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งในเวลานั้นคุณพ่อเริ่มมีอาการปวดท้องมากจนทางคลินิกต้องให้น้ำเกลือ

พวกลูกๆ ช่วยกันโทรเรียก 1669 ให้เข้ามารับพ่อที่สนามบินแต่ทาง 1669 แจ้งว่าเข้ามารับไม่ได้เพราะสนามบินเป็นเขตต้องห้าม ไม่ให้รถพยาบาลอื่น ๆ เข้ามา ซึ่งทาง 1669 บอกว่าให้พาคนป่วยออกมานอกเขตสนามบินถึงจะรับไปส่งที่โรงพยาบาลได้ แต่ตอนนั้นพ่อต้องนอนบนเตียงเท่านั้น 

ลูกๆ ไม่กล้าเสี่ยงพาพอขึ้นรถยนต์ส่วนตัวออกจากสนามบินเพื่อไปขึ้นรถ 1669 ด้านนอกสนามบิน จึงตัดสินใจใช้บริการรถพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนให้ไปส่ง รพ. อื่น แต่ทางคลินิคดังกล่าวบอกว่า รถพยาบาลของที่นี่จะไปส่งเฉพาะ รพ. ในรัศมี 8 กม. เท่านั้น ทำให้ทางเลือกของเราจำกัดมาก ลูกๆ จึงตัดสินใจส่งพ่อไป รพ. รัฐย่านสนามบินดอนเมือง ซึ่งในเวลานั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน รพ. แห่งนั้นบอกว่า เคสของพ่อไม่เร่งด่วน ให้รอหมอผ่าตัดอีกวันสองวันก็ได้ แต่ในสายตาลูกๆ แล้ว ลมหายใจของพ่อสั้นมากและจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว ลูกๆ จึงไม่อยากเสี่ยงให้พ่อรอที่ รพ. แห่งนี้อีกสองวัน

คืนนั้น ลูกๆ จึงตัดสินใจติดต่อไปยังหลาย รพ. แต่บาง รพ. ก็มีปัญหาเรื่องแพทย์ หรือห้องผ่าตัด สุดท้ายจึงตัดสินใจติดต่อ รพ. วิชัยยุทธ โดยมีรถฉุกเฉินของ รพ. มารับในเวลาประมาณตีห้าของวันที่ 7 ส.ค. และคุณหมอประเมินว่า คุณพ่อต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด เพราะลำไส้ของคุณพ่อมีความเสี่ยงต่อการปริแตก แม้ว่าภาวะการหายใจของคุณพ่อจะมีความเสี่ยงต่อชีวิต แต่คุณหมอก็บอกว่า ถ้าไม่ผ่าตัดด่วน คุณพ่อก็จะต้องเสียชีวิตจากลำไส้แตกอย่างแน่นอน พ่อจึงเข้าห้องผ่าตัดตอน 10.30 น. ในเช้าวันที่ 7 ส.ค. และพบว่าลำไส้ปริแตกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหมอได้ทำการช่วยชีวิตเบื้องต้นในการผ่าตัดครั้งที่หนึ่ง และพ่อต้องได้รับการผ่าตัดครั้งที่สองอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยพักรักษาตัวรวมเวลา 1 เดือนเต็มจึงได้ออกจาก รพ. เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา

หลังจากคุณพ่อเข้ารับการผ่าตัดช่วยชีวิต ทางลูกๆ ได้ติดต่อไปยังสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ UCEP เพื่อสอบถามถึงการใช้สิทธิฉุกเฉิน 72 ชั่วมง (ตามภาพด้านล่างนี้) ทาง จนท. Call Center บอกว่า อาการของคุณพ่อเข้าข่ายผู้ป่วยฉุกเฉินจริง แต่เราไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้ เพราะคุณพ่อไม่ได้มาถึง รพ. วิชัยยุทธด้วยรถ 1669 หรือ รถยนต์ส่วนตัวของครอบครัว แต่เพราะคุณพ่อถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอื่น ซึ่งถือเป็นเคส refer ไม่ใช่เคสที่ป่วยแล้วมา รพ. เลย

เมื่อเรายืนยันว่า เราได้ติดต่อให้ 1669 ไปรับที่สนามบินแล้ว แต่ได้รับคำตอบว่า พื้นที่สนามบินเป็นเขตที่ 1669 เข้าไม่ได้ คุณพ่อจึงต้องใช้บริการรถพยาบาลของคลินิคที่สนามบินดอนเมืองส่งต่อไปยัง รพ. อื่นแทน ทาง UCEP จึงให้เราทำจดหมายร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพราะทาง UCEP ไม่สามารถให้เราใช้สิทธินี้ได้ ยกเว้นเราจะขับรถพาพ่อไปส่ง รพ. ด้วยตนเองหรือเรียกรถ 1669 !

คำถามก็คือ ถ้าใครเป็นเราหรือลูกๆ ที่เห็นพ่อหายใจเองแทบไม่ได้ จะมีใครยอมเสี่ยงขับรถพาพ่อจากสนามบินไป รพ. ด้วยตนเองไหม ? และในเมื่อรถ 1669 ปฏิเสธการเข้าสนามบินดอนเมือง แล้วพ่อของเราจะไปถึง รพ. เพื่อขอรับสิทธิฉุกเฉินได้อย่างไร นอกจากนี้ ทางเราได้แจ้งขอรถฉุกเฉินจากสายการบิน แต่สายการบินกลับเข็นพ่อเราไปคลินิคของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่สนามบินแทน...สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพื่อถามหาความเป็นธรรมให้กับพ่อของเราที่เกิดป่วยฉุกเฉินที่สนามบิน แต่ไม่สามารถใช้สิทธิฉุกเฉินใดๆ ได้เลย

ขณะนี้ครอบครัวของเรากำลังเตรียมยื่นจดหมายเรียกร้องความเป็นธรรมกรณีป่วยฉุกเฉินที่สนามบิน เพราะถึงที่สุดแล้ว หากเราจะเรียกร้องค่ารักษาไม่ได้แม้แต่บาทเดียว แต่เราก็อยากให้กรณีของพ่อได้เป็นวิทยาทานกับครอบครัวอื่นที่อาจเกิดเหตุป่วยฉุกเฉินที่สนามบินหรือหากต้องการใช้สิทธิฉุกเฉินในอนาคตเช่นกัน"

 

 

 
 

 

 

ข้อมูลเฟซบุ๊ก : วันดี สันติวุฒิเมธี

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ