คอลัมนิสต์

รู้จักแนวคิดสังคมนิยมประชาธิปไตย ผ่านกรณีสนามบินขอนแก่น

รู้จักแนวคิดสังคมนิยมประชาธิปไตย ผ่านกรณีสนามบินขอนแก่น

01 พ.ค. 2560

สังคมนิยมประชาธิปไตย (social democracy) เป็นรูปแบบการปกครองที่พบได้ในหลายๆ ประเทศในยุโรป รูปแบบการปกครองนี้มีข้อดีมากมายหลายประการ

รู้จักแนวคิดสังคมนิยมประชาธิปไตย

ผ่านกรณีตัวอย่างของสนามบินขอนแก่น

นพ.อธิพงศ์ พัฒนเศรษฐพงษ์

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

โฆษกโครงการสังคมนิยมประชาธิปไตย

     สังคมนิยมประชาธิปไตย (social democracy) เป็นรูปแบบการปกครองที่พบได้ในหลายๆ ประเทศในยุโรป โดยเฉพาะเด่นชัดที่สุดคือในประเทศเยอรมนีและสวีเดน รูปแบบการปกครองนี้มีข้อดีมากมายหลายประการ ด้วยเหตุนี้จึงมีการจัดตั้งโครงการสังคมนิยมประชาธิปไตยขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบการปกครองนี้ และเพื่อเสนอรูปแบบการปกครองนี้เป็นตัวเลือกในการหาทางออกให้สังคมไทย โดยผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ผ่านบทความ “ทางออกประเทศไทย: สังคมนิยมประชาธิปไตย” (https://prachatai.com/journal/2017/01/69864)

     อย่างไรก็ตามผู้อ่านที่ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับรูปแบบการปกครองนี้มาก่อนอาจจะมีปัญหาในการทำความเข้าใจรูปแบบการปกครองนี้ แม้ว่าบทความข้างต้นจะให้ข้อมูลไว้อย่างละเอียด แต่ถ้าหากจะอธิบายรูปแบบการปกครองนี้อย่างง่ายๆ เราจะทำได้อย่างไร?

     ในอันดับแรกส่วนที่น่าจะเข้าใจได้ง่ายที่สุดเกี่ยวกับรูปแบบการปกครองนี้ก็คงเป็นส่วนที่มีประชาธิปไตยเป็นอำนาจนำในสังคม นั่นคือการเลือกผู้นำในประเทศนั้นมาจากเสียงของประชาชน แต่ส่วนที่บอกว่ามีแนวคิดสังคมนิยมเป็นพื้นฐานและผลักดันประเทศด้วยระบบทุนนิยมนั้นอาจจะเห็นภาพได้ยาก ดังนั้นเพื่อให้ทำความเข้าใจกับส่วนนี้ได้ง่ายขึ้นเราจะมาเรียนรู้มันผ่านกรณีศึกษากัน ซึ่งกรณีศึกษาในที่นี้ก็จะเป็นเรื่องของสนามบินขอนแก่น

     เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อนนั้น ผู้ที่มาใช้บริการสนามบินขอนแก่นสามารถจอดรถได้ฟรีที่อาคารจอดรถ ซึ่งในระยะเวลานั้นก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเรื่องการหาที่จอด เพราะจำนวนเที่ยวไม่ค่อยจะมากนักและอาคารจอดรถก็ไม่ค่อยจะเต็ม แต่สนามบินขอนแก่นในวันนี้นั้นไม่เหมือนเดิมตอนนี้สนามบินขอนแก่นมีจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมาก จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยในปี 2559 นั้น เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2543 (แหล่งข้อมูล:สถิติการขนส่งทางอากาศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยhttps://www.caat.or.th/th/archives/category/data-research-th/air-traffic-th/transport-statistics-th)

     จากเดิม อาคารจอดรถไม่เคยเต็มและใครๆ ก็สามารถหาที่จอดได้ง่ายๆ แต่เมื่อผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นนี้ก็ทำให้การหาที่จอดรถลำบากขึ้น เมื่อมีรถโดยสารสาธารณะมาใช้พื้นที่อีกก็ยิ่งทำให้ปัญหาหนักขึ้น บางครั้งอาคารจอดรถก็แน่นขนัดจนไม่สามารถหาที่จอดได้ และภายนอกอาคารก็มีรถจอดเบียดเสียดกันตรงจุดส่ง-รับผู้โดยสาร เพราะไม่มีใครอยากเข้ามาในอาคารจอดรถ

     กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่จะอธิบายให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างแนวคิดสามแนวคิดที่แตกต่างกัน ซึ่งผมจะแบ่งเป็นกว้างๆ สามกลุ่ม นั่นคือ ทุนนิยมเสรี สังคมนิยม และสังคมนิยมประชาธิปไตย

     แนวคิดทุนนิยมเสรี ให้นึกภาพห้างร้านหรือธุรกิจที่หรูหรา ซึ่งเน้นการทำกำไรอย่างเต็มที่และตั้งราคาไว้สูง ใครมีเงินจ่ายก็มีโอกาสได้รับบริการดีมีระดับ ใครไม่มีเงินก็ไม่มีสิทธิ

     แนวคิดสังคมนิยม ให้นึกภาพรถไฟกับรถเมล์ฟรี เป็นสวัสดิการพื้นฐานที่รัฐจัดให้ใช้ฟรีทุกคน ไม่มีการแบ่งลำดับชั้น แต่แออัดยัดเยียดและไม่ต้องหวังคำว่าจิตบริการ ถ้าใครไม่ชอบใจก็ต้องหาทางออกอื่นเอาเอง

     ถ้าสนามบินขอนแก่นเลือกแนวคิดทุนนิยมเสรีเพื่อจัดการกับปัญหาที่จอดรถ ก็จะใช้วิธีการเก็บค่าจอดรถให้สูงๆ สูงมากที่สุดเท่าที่คนจะยอมจ่าย ผลก็คือคนที่มีเงินจ่ายก็จะได้จอดรถสบายๆ ไปพร้อมๆ กับที่สนามบินได้เงินเพิ่ม และสนามบินก็ยังอาจจะเก็บค่าใช้สถานที่จากรถบริการสาธารณะด้วย โดยจะเก็บเยอะที่สุดที่รถเหล่านี้จะจ่ายได้เช่นกัน ถ้าได้กำไรเยอะๆ ก็อาจจะเอาไปลงทุนสร้างอาคารจอดรถเพิ่มเพื่อจะได้หากำไรได้มากขึ้นอีก คนที่ไม่มีเงินจ่ายอาจจะไม่มีที่จอด และรถสาธารณะอาจจะต้องไปขึ้นราคากับผู้โดยสารอีกที แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของสนามบิน เพราะสนามบินสามารถแก้ปัญหาที่จอดรถเต็มได้แล้ว ผลที่เกิดขึ้นคือ ผู้ที่พร้อมจ่ายจะได้รับความสะดวกสบาย ตลาดได้ทำงาน เงินหมุนเวียนสูงขึ้น แต่มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างคนที่สามารถจ่ายได้และคนที่ไม่สามารถจ่ายได้

     ถ้าสนามบินขอนแก่นเลือกแนวคิดสังคมนิยมเพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้ ก็อาจจะมองว่าเรื่องที่จอดรถไม่พอนี่ไม่ใช่ปัญหาของสนามบินเลย ปัญหามันมาจากผู้ใช้บริการต่างหาก เพราะว่าขนาดให้จอดฟรีแล้วก็ยังไม่พอใจ ในเมื่อที่จอดมีให้ใช้แค่นี้ก็ย่อมต้องหาทางแบ่งๆกันไป ถ้าไม่พอใจก็เป็นตัวผู้ใช้บริการเองที่ควรหาคนมาส่งหรือนั่งรถสาธารณะมายังสนามบินเพื่อจะได้ไม่ต้องจอดรถ หรือไม่อย่างนั้นก็อาจมาล่วงหน้านานๆ เพื่อจะได้มีเวลาหาที่จอด แนวคิดแบบนี้นั้นแก้ปัญหาโดยการไม่คิดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปัญหา ผลที่เกิดขึ้นก็คือไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น แต่ทุกคนได้รับความลำบากอย่างถ้วนทั่วกัน คือคนที่พร้อมจะจ่ายก็ไม่สามารถใช้เงินซื้อความสะดวกสบาย และคนที่ไม่พร้อมจะจ่ายก็ไม่ได้ประโยชน์มากขึ้นสักเท่าไหร่

     แต่ถ้าสนามบินขอนแก่นมีแนวคิดแบบสังคมนิยมประชาธิปไตยแล้วจะเป็นอย่างไร?

     อย่างที่บอกข้างต้นว่า สังคมนิยมประชาธิปไตยใช้ทุนนิยมเป็นตัวผลักดัน และในขณะเดียวกันก็จะมีรัฐสวัสดิการเป็นพื้นฐานให้กับทุกคน ดังนั้นสิ่งที่สนามบินจะทำคือ ปรับค่าจอดรถแบบเดียวกับแนวคิดทุนนิยม พยายามหากำไรจากส่วนนี้ให้มากที่สุด สิ่งนี้จะให้ความสะดวกสบายแก่คนที่พร้อมจะจ่ายเงิน ทำให้มีเงินหมุนเวียนมากขึ้น แล้วสนามบินก็จะนำกำไรส่วนนี้ไปเป็นเงินอุดหนุนให้มีรถโดยสารสนามบิน (ซึ่งอาจจะฟรีหรือเก็บค่าบริการในราคาถูก) เพื่อให้บริการกับผู้ที่ไม่พร้อมจะจ่ายเงินค่าที่จอดรถ ผลคือผู้พร้อมจะจ่ายได้รับความสะดวกสบาย และผู้ที่ไม่พร้อมจะจ่ายก็ได้รับเงินอุดหนุนทำให้มีความสะดวกมากขึ้น เป็นการกระจายความมั่งคั่งจากผู้มีรายได้สูงกลับมาสร้างเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้ต่ำ

     จะเห็นว่าระบบทุนนิยมนั้น ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมมากขึ้น และระบบสังคมนิยมก็บีบบังคับคนให้ต้องมาพบความลำบากในระดับเดียวกันอย่างไม่เต็มใจ แต่สังคมนิยมประชาธิปไตยนั้นเล็งเห็นถึงประโยชน์และผลเสียของทั้งสองวิธี และหาทางออกให้ระบบทุนนิยมได้ทำงานเพื่อให้ผู้ที่มีกำลังทรัพย์ได้รับความสะดวกสบาย และในขณะเดียวกันก็ให้ระบบสังคมนิยมทำงานเพื่อให้ผู้ที่ไม่มีกำลังทรัพย์ก็ยังได้รับสวัสดิการพื้นฐาน ผลที่เกิดขึ้นความเหลื่อมล้ำจะลดลงควบคู่กันไปกับกลไกตลาดที่ผลักดันให้เศรษฐกิจก้าวหน้า

     นี่เป็นแนวคิดที่จะสร้างสมดุลระหว่างสองระบบขึ้นในสังคม และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่สำคัญว่าทำไมประเทศอย่างเยอรมนีและสวีเดนจึงสามารถมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งไปพร้อมๆ กับรัฐสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพได้ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงตัวอย่างง่ายๆ และย่อมไม่สามาถสะท้อนแนวคิดของสังคมนิยมประชาธิปไตยได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็น่าจะสามารถสร้างภาพให้เห็นได้คร่าวๆว่าการพบกันครึ่งทางระหว่างแนวคิดทุนนิยมกับสังคมนิยมนั้นมีประโยชน์อย่างไร

     สังคมไทยควรใคร่ครวญและพิจารณาให้การสนับสนุนแนวคิดนี้ เพราะมันจะสามารถพัฒนาประเทศไปพร้อมๆ กับลดความเหลื่อมล้ำ และจะช่วยผลักดันให้ทั้งประเทศเดินหน้าไปพร้อมๆ กันได้

(หมายเหตุ: สนามบินขอนแก่นเริ่มเก็บค่าจอดรถตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 ด้วยอัตรา 15 บาทต่อชั่วโมง หรือสูงสุด 180 บาทต่อวัน โดยไม่คิดค่าบริการในช่วง 15 นาทีแรก และมีจุดให้เรียกรถแท็กซี่ แต่ไม่มีรถโดยสารสนามบิน ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนคือยังมีรถใช้บริการอาคารจอดเยอะพอสมควร แต่ไม่แน่นเหมือนก่อน และสามารถหาที่จอดได้ทุกครั้ง)