คอลัมนิสต์

ชัดเจน วัดที่ผลงาน ไม่เน้นพูด การเมือง สไตล์ "ฟิล์ม รัฐภูมิ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชัดเจน วัดที่ผลงาน ไม่เน้นพูด การเมือง สไตล์ "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ :  สัมภาาณ์พิเศษ  โดย... ขนิษฐา เทพจร   ทีมข่าวเฉพาะกิจออนไลน์


 
          เป็นอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ ที่ตัดสินใจมาเอาดีงานด้านการเมือง สำหรับ “ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องและนักแสดง วัย 33 ปี​ ที่เปิดตัวในภาพนักการเมืองน้องใหม่สังกัด “พรรคพลังท้องถิ่นไท” ที่มี “ชัชวาลย์ คงอุดม” อดีต ส.ว.กทม. เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง

          หากพูดถึงความเป็น “ชัช เตาปูน” คงไม่ต้องเล่ารายละเอียดมาก เพราะเป็นที่รู้กันในสังคมวงกว้าง แต่เมื่อเอ่ยชื่อ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ดารา นักร้อง นักแสดง หลายคนแปลกใจไม่น้อยว่า ทำไมถึงมาเล่นการเมือง วงการที่ทำให้คนดีๆ หลายคน “เปลืองตัว”


          แนวคิดและเจตนาทางการเมือง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เปิดใจไว้อย่างน่าสนใจว่า “ผมเห็นความอยุติธรรมในสังคมไทย และสังคมไทยที่ผมเจอและสัมผัสมา เต็มไปด้วยปัญหาทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง ผมจึงใช้ส่วนนั้นเป็นแรงขับและแรงผลักดันให้ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ผ่านการขับเคลื่อนงานการเมืองที่เป็นส่วนสำคัญของปัจจัยของการบริหารประเทศ และ กลไกการออกกฎหมายในชั้นนิติบัญญัติแห่งชาติ” 


          “ฟิล์ม” ขยายความต่อไปด้วยว่า การคิดและสนใจงานการเมืองนั้นใช้เวลาพิจารณาพอสมควร ก่อนหน้านี้มีหลายพรรคการเมือง ซึ่งรวมถึง “พรรคการเมืองใหญ่มีชื่อเสียง” ชวนไปร่วมงานทางการเมือง แต่เมื่อลองพูดคุยแล้ว เห็นว่าพรรคที่ส่งเทียบเชิญ “มีขั้ว-มีฝ่ายชัดเจน” และแนวทางไม่ตรงใจ จึงไม่เอ่ยปากรับคำร่วมงาน

 

 

ชัดเจน วัดที่ผลงาน ไม่เน้นพูด การเมือง สไตล์ "ฟิล์ม รัฐภูมิ"

 

 


          แต่สำหรับ “พรรคพลังท้องถิ่นไท” ชายคนนี้บอกว่า เป็นพรรคที่ได้นั่งคุยกันถึงแนวคิดและการร่วมงานการเมือง ผ่านการชักชวนของ “รุ่นพี่นักแสดง” ที่รู้จักกัน และมีโอกาสทำความรู้จักกับ “ชัช เตาปูน” เมื่อศึกษาประวัติจนทำให้เรียก ​ “พ่อชัช” ได้ และปลื้มกับสิ่งที่เขาทำมาก่อนหน้านั้น




          “ตอนที่ผมคุยพรรคนี้เขาไม่ได้บอกว่าเป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะพรรคพลังท้องถิ่นไท คือ ความเป็นพรรคการเมืองที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ คิดและนำเสนอนโยบายจริงๆ และเมื่อได้รู้จักกับพ่อชัช ได้เห็นสิ่งที่เขาทำ ทั้งใช้เงินส่วนตัวสร้างถนนให้แ่ท้องถิ่นที่ทุรกันดาร สร้างบ้านให้แก่ผู้ยากไร้ เปลี่ยนชุมชนแออัดให้เป็นบ้าน ทำให้ผมปลื้ม และคิดว่าคนรุ่นใหม่อย่างผมเหมาะกับที่จะเริ่มต้นงานการเมืองกับพรรคเล็กๆ ที่มีแนวคิดและการทำงานเพื่อคนที่ด้อยโอกาสให้อยู่ดีกินดี โดยไม่เอาผลประโยชน์ของตนเองเป็นตัวตั้ง”


          แต่สถานการณ์การเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่นักการเมืองต่างเล่นเกมการเมือง เพื่อชิงอำนาจและความได้เปรียบในการเข้าถึงอำนาจบริหารที่สูงสุด จะเหมาะแล้วหรือ ที่ “น้องใหม่การเมือง” จะเดินลงสู่สนามการเมืองยามนี้


          “รัฐภูมิ” บอกว่า รู้และทราบดีถึงสถานการณ์การเมืองช่วงนี้ แต่หากกลัว ไม่กล้าลงสู่สนามการเมือง คงไม่มีคนรุ่นใหม่ที่ไหนจะกล้าเป็นส่วนหนึ่งสร้างและทำให้การเมืองในประเทศเปลี่ยนแปลง


          “ผมเบื่อกับการเมืองที่มีแต่เรื่องแย่งชิงอำนาจ จากข่าวที่ตามมีแต่คนอ้างสิทธิ์ ว่าบ้านเมืองเป็นของคนฝั่งนั้นหรือฝ่ายนี้ จนบางครั้งกลายเป็นชนวนสร้างวิกฤติให้แก่ประเทศ ดังนั้นเมื่อตอนนี้โอกาสเปิด และรัฐบาลบอกว่า ต้องการเปิดพื้นที่และโอกาสให้คนรุ่นใหม่ คนหน้าใหม่มาทำงานการเมือง ผมจึงขอเป็นคนที่มีจิตอาสาเข้ามาทำงานการเมือง โดยไม่คาดหวังว่าจะมีตำแหน่ง หรือจะชนะเลือกตั้งหรือไม่ เพราะผมขอแค่พื้นที่ที่ให้โอกาส ผลักดันแนวทางการแก้ปัญหาให้แก่สังคม”


          แล้วปัญหาอะไรที่ “นักการเมืองมือใหม่” คิดจะแก้ไข หากได้รับโอกาสนั้น “รัฐภูมิ” บอกว่า ปัญหาตอนนี้เยอะมาก โดยเฉพาะปัญหาทางด้านสังคม ความยากจนและเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมและเข้าไม่ถึงโอกาส ตัวอย่างคือนโยบายของรัฐบาลที่ให้สวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ ผ่านเบี้ยคนชรา โดยฟิล์มบอกว่า “คุณย่า” ของเขาที่เพิ่งจากไป ได้รับสวัสดิการ แต่ตั้งแต่วันที่ได้รับจนถึงวันที่เสียชีวิต สวัสดิการที่ได้ยังเป็นแค่หลักร้อยบาทเท่านั้น


          สำหรับสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้นำไปสู่การแก้ปัญหา “นักการเมืองหน้าใหม่ไฟแรง” บอกว่า จะใช้องค์ความรู้ที่ได้จากการทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 15 ปี และความถนัดทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในฐานะเป็นประธานบริษัท เพย์ ออล กรุ๊ป ช่วยสร้างสรรค์ และต่อยอดการพัฒนา


          “ตัวอย่างเช่น สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป ที่ชุมชนจะเลียนแบบการผลิตสินค้าจากชุมชนที่ผลิตได้มีชื่อเสียงและขายได้ โดยขาดการต่อยอด หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แม้การเลียนแบบสิ่งที่ดีจะเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาของโอท็อปจริงๆ คือ การสร้างสิ่งที่มีอยู่ กดราคาของต้นแบบ ทำให้สิ่งที่ดูว่า ดี ผลลัพธ์กลับตรงข้าม”


          “ผมถนัดทางด้านการใช้นวัตกรรมสมัยใหม่ และมีกลุ่มคนทำงานเรื่องนี้ จึงเตรียมจะเสนอนโยบายและแนวทางการใช้นวัตกรรมที่สร้างสรรค์ แต่รายละเอียดที่ชัดเจนต้องรอให้พรรคพลังท้องถิ่นไทเปิดเวทีเพื่อพูดคุยและเสนอนโยบายก่อน”


          ​กับความชัดเจนอีกประเด็นหนึ่ง คือ การลงสมัครรับเลือกตั้ง “รัฐภูมิ” เปิดใจว่า อยากลงสมัคร ส.ส.​แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และหากเลือกได้ อยากลงพื้นที่ กรุงเทพฯ เพราะตลอดชีวิตที่เป็นดารา นักแสดง และในฐานะนักอาสาพัฒนานั้น ตนลงพื้นที่มามาก จึงคิดว่า การลงเลือกตั้งแบบเขต จะทำให้ได้แสดงศักยภาพของตัวเองได้เต็มที่ แต่ความต้องการนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ ต้องรอวันที่ “ผู้ใหญ่” ในพรรคพลังท้องถิ่นไท หารือและวางตัวผู้สมัครอีกครั้ง


          ความตั้งใจของ “ฟิล์ม” ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ อาจเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อพลิกแฟ้มการเมืองพบว่า​​ นักแสดง นักร้อง คนมีชื่อเสียงระดับประเทศ ที่ลงสนามแข่งขัน ผลลัพธ์กลับติดลบ และสวนกับความตั้งใจแรกที่เข้ามา หากไม่ใช้ปัจจัยของความเป็นพรรคใหญ่ มาเกื้อหนุน

 

          เช่น “สุนารี ราชสีมา” ที่เคยลงสมัคร ส.ส.นครราชสีมา, “สดใส รุ่งโพธิ์ทอง” เคยลงสมัคร ส.ส.ปทุมธานี, “มนต์สิทธิ์​ คำสร้อย” เคยลงสมัคร ส.ส.มุกดาหาร หรือ “น้ากล้วย เชิญยิ้ม” นักแสดงตลกที่เคยลง ส.ส.อุตรดิตถ์ คำตอบที่สังคมให้มาคือ คะแนนเเละชื่อเสียงของคนบันเทิงนั้น บางครั้งไม่สามารถใช้ได้ บนเกมแข่งขันทางการเมือง


          ยกเว้นกับ ดารา ที่เลือกพรรคใหญ่เช่น เพื่อไทย ที่วันนี้มีชื่อขึ้นทำเนียบ ส.ส. เช่น “แซม" ยุรนันท์ ภมรมนตรี, ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ, ดนุพร ปุณณกันต์, พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์​ ตรงนี้คือบันไดที่มีความเเตกต่างบนความเหมือน เพราะบางคนสมหวัง บางคนผิดหวัง เเม้จะมาจากอาชีพเดียวกัน เเต่เมื่อลงสนามการเมือง คำตอบกลับออกมาเเตกต่างกัน...


          เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ฟิล์ม” มองว่า ความเป็นดารา มีผลกับการสร้างแต้มต่อทางการเมืองน้อยมาก หากไร้ 3 สิ่ง คือ 1.ดี 2.โดนใจ 3.ทำได้จริง ซึ่งหมายถึง ตัวนโยบาย ที่นำเสนอต่อประชาชน


          “ผมไม่คิดว่าความเป็นดารานักแสดงของผมจะเป็นแต้มต่อ หรือช่วยโปรโมทให้พรรคการเมืองเท่านั้น หากคิดแบบนั้น ผมคงไปอยู่กับพรรคใหญ่ๆ แล้ว​ แต่ผมยืนยันว่าผมเข้ามาเป็นจิตอาสาทำงานการเมือง ไม่คิดเป็นแค่เครื่องมือโปรโมทแน่นอน”


          อย่างไรก็ตามการเข้าสู่วงการการเมือง​ ของ “นักร้องขวัญใจวัยรุ่น” คนนี้ยอมรับความจริงข้อหนึ่งว่า มักจะมีกระแสด้านลบ และการขุดคุ้ย รวมถึงนำเรื่องอดีตมาโจมตีอยู่เสมอ แต่เชื่อว่าจะรับมือได้ พร้อมยืนยันสไตล์การเล่นเกมการเมืองแบบเฉพาะตัวว่า “ชัดเจน วัดที่ผลงาน และไม่เน้นพูดเยอะ”


          ขณะที่ข่าวคราวด้านลบหลากวาระนั้น ผู้ชายคนนี้ยืนยันว่า เคลียร์หมดแล้ว และสิ่งที่ทำมาตลอดชีวิต ทั้งวงการนักแสดงและธุรกิจ ยืนยันได้ว่า กล้ารับผิดชอบทุกเรื่อง และไม่เคยมีเรื่องไหนที่ปฏิเสธความรับผิดชอบ
​  

          “ต่อจากนี้ไปผมพร้อมจะสวมอีกบทบาท เป็น "จิตอาสาการเมือง" และลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อเป็นตัวเลือกให้ประชาชน และพร้อมทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ที่สังกัดพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนแนวทางที่เป็นจุดเปลี่ยนประเทศ”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ