คอลัมนิสต์

บิ๊กตู่จะกลัวคำขู่ของ "สามมิตร" ไหม?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง  โดย... ลมใต้ปีก

 

 

          การเขย่าโผ ครม.ก่อนบินลัดฟ้าไปประชุมผู้นำประเทศ G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกิดอาการช็อกขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นโผที่ไม่เหมือนกับที่เสนอไป

 


          กลุ่มที่เป็นเดือดเป็นร้อนมากต่อการเขย่าโผครั้งนี้คือ สามมิตร ของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมศักดิ์ เทพสุทิน สะเทือนตรงที่ต้องเฉือนโควตารัฐมนตรีของอนุชา นาคาศัย ที่คาดหวังว่าจะได้เป็น รมช.คลัง แต่ต้องวืด ออกมานั่งข้างสนามก่อน


          ในขณะที่โควตาสำคัญของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่จะให้น้องชาย อัครา พรหมเผ่า มาเป็นรัฐมนตรีแทน หรือโควตาของภาคตะวันออกของสุชาติ ชมกลิ่น ถูกยึดคืนเพื่อจัดสรรรัฐมนตรีให้ลงตัว แต่ทั้งสองกลุ่มอยู่ในสภาวะ “กลืนเลือด” เพราะจุดมุ่งหมายหลักคือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่ออกมาข่มขู่ “ถอนยวง” จากการร่วมรัฐบาล แต่ที่เป็นเดือดมากกว่ากลุ่มอื่นนั่นคือมีการเปลี่ยนข้อเสนอที่จะให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั่ง รมว.พลังงาน เป็นไปนั่ง รมว.อุตสาหกรรม แทน ทำให้เกิดความไม่พอใจของกลุ่มสามมิตร ถึงขนาดปล่อยข่าว “ขู่คว่ำรัฐบาล” ลุงตู่ เพราะผิดข้อตกลง


          ต้องถาม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าใครไปตกลงจะให้นั่ง รมว.พลังงาน ตั้งแต่ต้น เท่าที่ทราบ “ไม่มี” ปรากฏเพียงข่าวตลอดระยะเวลาเดือนเศษว่าตำแหน่งรมว.พลังงาน นั้น แย่งชิงกันระหว่าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จน “น่ารำคาญ” ที่สุดนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจสูงสุดในการจัดครม. เลือก “ตาอยู่” สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ที่เดิมถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม มาเสียบแทน เพื่อแก้ปัญหา “แย่งกันดีนัก” และไม่แย่งกันธรรมดา ถึงขนาดบางคนให้มือล็อบบี้นาม “ส.ท.” ไปเรียกรับผลประโยชน์จากนักธุรกิจพลังงาน ราวกับว่าแย่งไปอยู่กระทรวงนี้เพื่อไปแสวงหาผลประโยชน์อย่างไรอย่างนั้น

 

 

          คนเป็นผู้นำ หน่วยข่าวเป็นหูเป็นตาเต็มบ้านเต็มเมืองอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ มีหรือจะไม่รู้ข่าว “การออกตัว” ของคนเหล่านี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีการ “ทบทวน” โผครม. เพราะท้ายสุดผู้รับผิดชอบสูงสุดต่อรายชื่อครม.ทั้งหมด หนีไม่พ้นคนชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ดังนั้นจะไม่ให้มีส่วนในการตัดสินใจเลยหรือว่า ครม.ควรมีหน้าตาแบบใดที่จะเป็นที่ยอมรับของสังคม หรือต้องยอมถูก “บีบ” จากส.ส.ในพรรคเพื่อความอยู่รอดในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เท่านั้น


          ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับคำขู่ของนักการเมืองเหล่านี้ และทบทวนแก้ไขโผครม. เพื่อเอาใจนักการเมือง จนออกมา “ยี้” ทั้งเมืองก็ไม่ควรจะเป็น “ผู้นำ” อีกต่อไป ตรงกันข้ามเมื่อนายกรัฐมนตรีเลือกใช้ความ “กล้าหาญ” จัดครม.ที่เป็นที่ยอมรับของประชาชน แม้เสียงส.ส.ปริ่มน้ำ แต่จะมีเสียงของคนในสังคมอุ้มชูให้รัฐบาลสามารถบริหารประเทศต่อไปได้ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับบรรดาเสียง “คำราม” ของ “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ในสภาก็ตาม


          เป็นเรื่องปกติของการตั้งครม.และปรับครม. ที่จะมีคนสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีมีน้อยกว่าความต้องการของนักการเมือง หากบริหารเพียงแค่ความพอใจของนักการเมืองเหล่านี้ ขยายจำนวน ครม.เพิ่มจาก 36 คน เป็น 100 คนก็ไม่พอเพราะจะมีคนแย่งเป็นเกินจำนวนอยู่ดี เมื่อพรรคการเมืองเลือกคนที่คิดว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมมาแล้ว ส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีในฐานะ “อัครเสนาบดี” หรือหัวหน้าคณะ ก็ควรให้สิทธิและยอมรับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่จะเลือกบุคคลใดเป็นรัฐมนตรีและบริหารกระทรวงใด ไม่ใช่ไม่พอใจก็มาขู่กันราวกับว่าการไปเป็นรัฐมนตรีคือ “แหล่งทำกิน” ที่ขาดไม่ได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ