คอลัมนิสต์

เสื้อประชาธิปไตยตัวใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...  ธนรัตน์ ยงวานิชจิต [email protected]

 


          “เสื้อประชาธิปไตย” ที่เราสวมใส่มานับแต่ปฏิวัติปี 2475 นั้น ไม่พอเหมาะกับเราคนไทยเลย ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงพระราชดำริที่จะพระราชทานอำนาจอธิปไตยให้พสกนิกรอยู่แล้ว แต่นายทหารคนหนึ่งได้ทำการปฏิวัติช่วงชิงอำนาจไปเสียก่อน ด้วยฝันว่า เมื่อนำวัฒนธรรมฝรั่งอย่างระบอบการปกครอง/การแต่งกาย/อาหารของฝรั่งเมืองหนาวมาใช้ในเมืองร้อนอย่างไทยแล้ว เราปวงชนก็จะมี “ประชาธิปไตยอันศิวิไลซ์” เหมือนฝรั่งได้อย่างง่ายดาย

 

 

          87 ปีต่อมา “ประชาธิปไตยอันศิวิไลซ์” ดั่งฝัน ก็ยังหาปรากฏมีไม่ เรากลับพบแต่ความป่าเถื่อนน่าสลดใจยิ่ง ด้านสังคม เราหันหน้าเข้าทุบตีเข่นฆ่ากันทุกวันแทบทุกหย่อมหญ้า น้ำเมาขายดีอย่างกับ “เทน้ำเทท่า” ยาเสพติดเริ่มมองหาได้ง่ายไม่แพ้ยุง/แมลงวัน ด้านเศรษฐกิจ เรา “รวยกระจุก จนกระจาย” ยิ่งขึ้น ชีวิตเรามีค่าแค่ผักปลา ด้านการเมือง เราก็ยัง “น้ำเน่า” อยู่อย่างน่าสลดใจ

 

 

 

เสื้อประชาธิปไตยตัวใหม่

 


          กระนั้นก็ตาม เรายังโชคดีที่มีนักการเมืองดีๆ และผู้ห่วงใยชาติบ้านเมืองออกมากอบกู้วิกฤติการณ์ต่างๆ ได้ตลอดมา ครั้งล่าสุด เมื่อ 26 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ลุงตู่) ได้ตัดสินใจยึดอำนาจจาก “รัฐบาลผีหัวขาด” โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองดินปืนเลย เพื่อปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ราว 4 ปีต่อมา หลังจากที่ คสช.ได้ทำการเยียวยาไทยให้ฟื้นฟูจากความบอบช้ำเรื้อรังได้บ้างแล้ว ลุงตู่ก็ตัดสินใจส่งผ่านอำนาจปกครองคืนให้เราปวงชน เพื่อเปิดโอกาสให้นักการเมืองทั้งปวงได้พิสูจน์ “ธาตุแท้” ของตนต่อไป


          ถึงอย่างนั้น นักการเมืองหุ่นเชิดของผู้เสียผลประโยชน์ส่วนตัว ก็ยังออกมาโจมตี คสช.ว่า ปฏิรูปไม่สำเร็จ โดยที่ตัวเองก็ปฏิรูปตัวเองไม่สำเร็จหรือไม่ได้ปฏิรูปตัวเองด้วยซ้ำไป ทั้งที่ลุงตู่ก็ได้ประกาศเชิญชวนให้เราทุกคนทำการปฏิรูปตัวเองพร้อมกันไปกับ คสช. มาแต่แรกเริ่มแล้ว นอกจากนี้ ยังกล่าวหา คสช.ด้วยว่าได้จัดวางหมากการเมืองไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ แทนที่จะมองว่าเพื่อสอบวัด “ธาตุแท้” ของตนต่างหาก

 

 

 

 

เสื้อประชาธิปไตยตัวใหม่

 


          หลังเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ปรากฏมีนักการเมืองบางกลุ่มได้แสดงอาการร้อนวิชารัฐศาสตร์ต่างชาติ พร้อมที่จะฉีกรัฐธรรมนูญที่ใช้กันอยู่ ซึ่งก็ได้ผ่านประชามติมาเป็นอย่างดี และแสดงเจตนารมณ์ที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ดังเช่นที่ชนต่างชาติได้ล้มล้างของตัวเองไปนานแล้ว แถมยังดูหมิ่น “ยิ้มสยาม” ว่าเป็นยิ้มของ “คนจนปัญญา” ทั้งๆ ที่มีวิจัยมาตลอด 50 ปี สรุปได้ว่า “การยิ้ม” คือ “ยาวิเศษ” จริงๆ สมดังพระธรรมที่เตือนใจทุกคนไว้ว่า “จงทำดี งดทำชั่ว ทำใจให้ผ่องใส(เบิกบานใจ)” (เชิญเปิดอ่านสรุปรายงานวิจัยได้ที่ลิงค์นี้: https://saveourbones.com/study-proves-smiling-leads-to-happiness-and-healthier-bones/?ck_subscriber_id=154894726)


          ตกลงไทยต้องเป็น “เมืองขึ้นทางวัฒนธรรมชนชาติอื่น” เสียก่อน จึงจะ “ศิวิไลซ์” ได้งั้นหรือ ?


          “เสื้อประชาธิปไตย” ที่เราสวมใส่มาตลอด 87 ปีนั้น สร้างสรรค์โดยทุนสามานย์ส่วนหนึ่งและโดยทุนคุณธรรมอีกส่วนหนึ่ง รูปทรงเสื้อจึงเป็นไปตาม “ค่านิยม” ของ “นักการเมือง” ที่มาจากทุนสามานย์บ้าง ทุนคุณธรรมบ้าง อย่าลืมว่า ทุนส่วนตัวมิใช่ทุนประชาสงเคราะห์ และเงินทองก็มิได้งอกเงยตามใบไม้ใบหญ้า ดังนั้น เมื่อมี “การลงทุน” ตั้ง “พรรคการเมือง” เพื่อชิงเก้าอี้ใน “ขุมคลังอำนาจ” อย่างในรัฐสภา/รัฐบาล “การใช้อำนาจในมือถอนทุน” คือเงาที่เกาะติดตัวนักการเมืองทุนนิยมไปทุกแห่งหน แบบ “มดใฝ่หาน้ำตาล”

 

 

เสื้อประชาธิปไตยตัวใหม่

 


          อย่าลืมว่า “เสือมังสวิรัติ” นั้น หายากยิ่งกว่า “หนวดเต่า” เสียอีก


          “วัฒนธรรมลงทุนถอนทุน” หรือ “ธนาธิปไตย” นี้ มีสิทธิ์ก่อให้เกิดการโกงกินเงินแผ่นดินระดับพระมหากาฬได้อีก ดังกรณีรับเหมาก่อสร้างโฮปเวลล์ที่ทำร้ายเราอย่างสาหัสสากรรจ์อยู่ และกรณีนโยบายจำนำข้าวที่ทำให้ชาวนาสิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องฆ่าตัวตายไปอย่างน่าสลดใจ อีกทั้งมีสิทธิ์อำนวยให้ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างทุ่มเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระทั้งใน/นอกรัฐสภาระดับมาราธอน เพื่อปกป้องเกาะกินผลประโยชน์ตน ส่วนเราปวงชนเห็นจะต้องชิดซ้ายไปรอ “กินน้ำใต้ศอก” ที่นักการเมืองเหล่านี้จะจัดไว้ให้อย่างดีเช่นเคย


          ภายใต้สถานการณ์อันน่ารังเกียจยิ่งนี้ กลุ่มทุนคุณธรรมที่เป็นเพียงกลุ่มย่อย ย่อมรู้สึกอึดอัดใจและตื่นจากภวังค์มารับรู้ว่า การเมืองไทยยัง “น้ำเน่า” อยู่เช่นเดิมหรือนี่ ? แต่ก็อาจต้องปล่อยเลยตามเลยไปก่อน เพื่อหาทางออกที่จะทำให้ชื่อเสียงตนเสื่อมเสียน้อยที่สุด


          แม้ว่าเราโชคดีที่มีลุงตู่เป็นกัปตันรัฐนาวา 2562 ลำใหม่เอี่ยมที่สร้างด้วยเงินร่วมหมื่นล้านบาท แต่กัปตันลุงตู่มิใช่ผู้วิเศษมีไม้กายสิทธิ์ที่ “ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้” ยิ่งกว่านั้น ท่านกัปตันก็จะยังต้องบริหารจัดการกับนักการเมืองสามานย์ที่ขยัน “จับผิด” และ “ต่อสู้” กับฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ ด้วยมุ่งหมาย “ยกตนข่มท่าน” “หาเสียงล่วงหน้า” และ “นำการเมืองลงสู่ท้องถนน” เพื่อปูทางสู่ “วินาทีวิกฤติทางการเมือง” ที่ต้องจับตาดูกันต่อไป


          โดยที่ไทยรับความบอบช้ำทางการเมืองมานับแต่ปี 2475 ยกเว้นเพียงระหว่างสี่ปีภายใต้รัฐบาล คสช. จึงไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อเราปวงชนที่จะต้องเสี่ยงตกเเป็นเหยื่อของ “ธนาธิปไตย” ต่อไปอีกเรื่อยๆ ดังนั้น เมื่อพิจารณาเห็นสมควร รัฐนาวา 2562 น่าจะกลับลำหันมาพิจารณาเชิงนวัตกรรม ทำการพลิกคว่ำกระดานการเมืองน้ำเน่าอย่างสิ้นเชิง โดยเริ่มแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับการเมือง เพื่อเปิดทางให้รัฐนาวา 2562 เป็น “เจ้าภาพ” ทำการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรใหม่หมด แบบไม่มีพรรคการเมืองเป็นครั้งแรก และนำรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมนี้ออกรับการหยั่งเสียงประชามติ ซึ่งเราปวงชนน่าจะพร้อมใจกันออกเสียงเห็นด้วยอย่างถล่มทลาย เพื่อจะได้ไม่ต้องชิดซ้ายไปรอ “กินน้ำใต้ศอก” อีกต่อไป


          ผู้สมัครับเลือกตั้งที่ไม่สังกัดพรรคการเมือง พึงมาจากทั่วแผ่นดินไทย โดยไม่จำต้องร่ำรวยหรือมีปริญญาบัตร คนยากจนก็มีสติปัญญาล้ำเลิศได้ เพียงแต่ขาดทุนทรัพย์เล่าเรียนต่อเท่านั้น น่าเสียดายที่ผู้มีอำนาจอิทธิพลจำนวนมากยังหลงใหลอยู่กับการใช้ “ความร่ำรวย” เป็นบันทัดฐานสำคัญในการสรรหาคัดเลือก “ผู้นำ/หัวหน้า” 1 ใน 14 ประธานาธิบดีสหรัฐที่ใช้ชีวิตแบบ “ตีนถีบปากกัด” มาก่อน ได้แก่ อับราฮัม ลินคอล์น ผู้ได้รับการกล่าวขวัญกันมากที่สุด (https://www.cheatsheet.com/culture/presidents-who-came-from-poverty.html/)


          ข้อสำคัญ ผู้สมัครฯ จำต้องมีบุคลิกภาพที่บรรลุ “วัยวุฒิ” คือ มีอารมณ์ที่สามารถหยั่งรู้ใน “ความทุกข์ยาก” ของผู้อื่นเป็น แสดง “เมตตาจิตแท้จริง” ต่อผู้อื่นเป็น มีความคิดอ่านที่ใช้ “เหตุผล” เป็น สามารถมองเห็น “แก่นของความเป็นจริง” ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีทัศนคติความรู้ทักษะอันเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง มีวิจารณญาณเยี่ยงวิญญูชน มี “ภาวะผู้นำ” กับ “ภาวะผู้ตาม” ที่มีผลดี มี “วิญญาณจิต” ในการทำงานอย่างมี “ความเป็นหมู่คณะ” ไม่ยึดติดในตัวเอง/ปัจจัยอันไม่เที่ยงแท้ ปล่อยวางเป็น มี “วิญญาณจิตที่มุ่งปรับปรุงสมรรถภาพเสริมสร้างทางเศรษฐกิจส่วนรวม” ประสบความสำเร็จทางอาชีพและครอบครัว ตลอดจนไม่ติดสารเสพติด/การพนัน/คดีความ เพราะผู้สมัครฯ จะต้องสอบผ่านการเลือกตั้งจากเราปวงชนอีกโสดหนึ่ง เมื่อสอบผ่าน ก็จะยังต้องแสดงบทบาทเยี่ยงวีรชนทำการเสริมสร้างผลประโยชน์ให้แก่เราปวงชน มิใช่ให้พรรคการเมืองหนึ่งใดหรือตัวเองอีกต่อไป


          ตราบใดที่ “เสื้อประชาธิปไตย” ของเรายังเป็น “เสื้อของทุนนิยม โดยทุนนิยม และเพื่อทุนนิยม” เราย่อมได้รับแต่กลิ่นอายของ “ระบอบเผด็จการ” อันเป็น “วัฒนธรรมจำเพาะของทุนนิยม” โดยเฉพาะจาก “นักการเมืองทุนนิยม” ที่มุ่งใช้ “อำนาจเผด็จการ” ตาม “วัฒนธรรมทุนนิยม” ทำการโกงกินแผ่นดินและถอนทุนเพิ่มทุนให้แก่ตัวเองมากกว่ารับใช้ทำผลประโยชน์ให้แก่เราปวงชน


          ตรงกันข้าม เมื่อเราได้สวม “เสื้อประชาธิปไตย” ที่เป็น “เสื้อของปวงชน โดยปวงชน และเพื่อปวงชน” เราย่อมประจักษ์ในสีสันของ “ระบอบประชาธิปไตย” อันเป็น “วัฒนธรรมจำเพาะของประชาธิปไตย” โดยเฉพาะจาก “นักการเมืองอิสระ” ที่มุ่งใช้ “อำนาจประชาธิปไตย” ตาม “วัฒนธรรมประชาธิปไตย” ทำการบริหารงานแผ่นดินอย่างชอบธรรมและสัมพันธ์กับ “ทศพิธราชธรรม” ทั้งนี้ ส่งผลให้เราปวงชนและทุนนิยมทั่วแดนไทยได้รับผลประโยชน์พร้อมหน้ากันหมด


          ดร.อัลเบิรต์ ไอนสไตน์ ยอดอัจฉริยะวิชาฟิสิกส์ กล่าวไว้ว่า "เรามิอาจแก้ปัญหาหนึ่งใดด้วยแนวความคิดเดียวกับที่เราใช้ก่อปัญหานั้นขึ้นมา" พูดง่ายๆ เรามิอาจใช้น้ำเน่าแก้น้ำเน่า แต่เราต้องใช้น้ำดีแก้น้ำเน่า คือ เราต้องสวมใส่เสื้อประชาธิปไตยตัวใหม่เพื่อป้องกันแก้ไขความป่าเถื่อนทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง


          ท่านพุทธทาสภิกขุสั่งสอนไว้ว่า "ประชาธิปไตยมิได้หมายถึงปวงชนเป็นใหญ่ แต่หมายถึงผลประโยชน์ของปวงชนเป็นใหญ่"


          ถึงเวลาหรือยังที่เราปวงชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย จะประกาศอิสรภาพสวมใส่ “เสื้อประชาธิปไตยตัวใหม่” ที่เป็นของปวงชน โดยปวงชน เพื่อปวงชน และเริ่มเรียกร้องผลประโยชน์ของปวงชนอย่างจริงจังเสียที ?

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ