คอลัมนิสต์

รอยทางคดีดัง อย่าให้ต้องไปต่ออีก 10 ปี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ข่าวเนชั่นสุดสัปดาห์ 20-21 ก.ค.52 หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก

 

******************

 

ช่วงค่ำของวันที่ 27 ธันวาคม 2553 หรือเกือบ 10 ปีก่อน ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ชนรถตู้โดยสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต–อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่บรรทุกผู้โดยสาร 14 คน วิ่งไปบนทางยกระดับอุตราภิมุข

 

เหตุเกิดขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ขาเข้า ช่วงหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 9 คน รวมทั้งคนขับรถตู้ และมีผู้บาดเจ็บ 6 ราย ผู้ขับรถฮอนด้า คือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขณะนั้น อายุ 16 ปี 6 เดือน

 

 

จากกรณีดังกล่าวในทางคดีมีการต่อสู้กันทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง ซึ่งทั้งสองคดีก็ถึงที่สุดแล้ว โดยจบที่ศาลฎีกาทั้งคู่ แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องยังไม่จบ วันนี้มาย้อนรอยดูลำดับคดีความที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจบจนอีกครั้ง 

 

 

คดีอาญา

 

31 สิงหาคม 2555  ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินว่าจำเลยขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทรัพย์สินเสียหาย คำให้การในชั้นการพิจารณาเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี สั่งคุมประพฤติจำเลยโดยให้มารายงานตัวทุก 3 เดือน พร้อมให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่ ที่สุดจำเลยได้อุทธรณ์ต่อ

 

22 เมษายน 2557 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโทษจำคุก 2 ปี แต่ให้แก้ระยะเวลาการรอลงอาญาเป็น 4 ปี และให้คุมประพฤติเป็นเวลา 3 ปี ส่วนโทษอื่นให้คงตามศาลชั้นต้น แต่จำเลยก็ยังคงยื่นต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาต่อไป

 

ปี 2558 ศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกา คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงถือเป็นที่สุด

 

 

 

คดีแพ่ง

 

26 พฤศจิกายน 2558 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ ได้แก่ แพรวา บิดามารดาของแพรวา และเจ้าของรถที่แพรวานำมาขับ ชดใช้เงินแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวม 26,881,925 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ คือ 27 ธันวาคม 2553 แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์

 

19 เมษายน 2560 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งลดเงินชดเชยค่าเสียหายให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเหลือ 19 ล้านบาทเศษ โดยระบุว่าคนขับรถตู้ใช้ความเร็วสูง มีส่วนกระทำผิด แม้ไม่ได้ก่อผลโดยตรง แต่ยังคงมีการยื่นฎีกาต่อ

 

8 พฤษภาคม 2562 ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น ตามที่โจทก์ได้ยื่นฎีกาขอให้ศาลมีคำพิพากษาแก้ ให้คงค่าสินไหมทดแทนตามศาลชั้นต้น คือให้จำเลยทั้งสี่จ่ายเงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยต้องชดใช้รวมเป็นทั้งสิ้น 24,756,925 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ

 

และให้แพรวากับบิดามารดา จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจทก์ที่ 1-5, 9-19, 21-22, 25-28 โดยกำหนดเป็นค่าทนายความสำนวนละ 5,000 บาทด้วย

 

ที่สุดวันนี้ ขณะที่อยู่ระหว่างส่งคำบังคับให้แก่จำเลยทั้ง 4 เพื่อให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำบังคับ หากไม่ชำระภายในระยะเวลาที่กำหนดจะเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี กล่าวคือ การสืบทรัพย์สินของจำเลยเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินนำออกมาขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชดใช้แก่โจทก์ต่อไป

 

โดยตามกฎหมายระบุว่า โจทก์สามารถร้องขอต่อศาลให้มีการบังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ส่วนจะไปถึงขนาดนั้นหรือไม่ คนไทยต้องรอดู เพราะข่าวระบุว่าเรื่องที่ขอให้ทางกระทรวงยุติธรรมสำรองจ่ายเงินผู้เสียหายไปก่อนนั้น ตามระเบียบกองทุนยุติธรรมคงทำไม่ได้ ก็ต้องติดตามต่อไป

 

 

คดีใจ

 

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย แต่ด้วยเหตุที่ว่า แม้เวลาผ่านมาจนเลยกำหนดชดเชยเงินแก่ผู้เสียหาย แต่ทางจำเลยยังไม่ได้มีการจ่ายเงินให้แก่ฝ่ายผู้เสียหายแต่อย่างใด ที่หนักหนาคือว่ากันว่าไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยเลยสักคำ

 

ข่าวคราวจึงกลับมาร้อนแรงในกระแสสังคมอีกครั้ง จากการที่ วรัญญู เกตุชู อดีตนักศึกษาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เหยื่อผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ลุกขึ้นมาแฉผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

 

ระบุในท่วงทำนองว่า ตลอด 9 ปีกว่าที่ผ่านมาได้เจอแพรวาแค่ครั้งเดียว ส่วนค่าเสียหายนั้นทางฝ่ายจำเลยขอต่อรองมาตลอด แถมบอกว่าถ้าไม่ยอมก็ให้ไปฟ้องล้มละลายหรือยึดทรัพย์เอา จนถึงล่าสุดหลังศาลตัดสินแล้วก็ยังคงเงียบ

 

นอกจากนี้ยังอ้างแทนผู้เสียหายทุกคนว่า เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเลยตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ผู้เสียหายทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมด แต่เป็นเรื่องความใส่ใจต่างหากที่เราไม่รู้สึกเลย

 

ทั้งนี้ ต่อมาเมื่อญาติผู้เสียหายรวมตัวกันมาออกรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” และมีการเปิดเผยถึงพฤติกรรมต่างๆ ของครอบครัวแพรวา ก็ส่งผลให้คดี “แพรวา 9 ศพ” กลับมาดังในโลกโซเชียลอีกครั้งหนึ่ง

 

และนั่นยังหมายความว่าชาวเน็ตได้ขุดเรื่องราวของเธอขึ้นมานำเสนออีกรอบอย่างที่เห็น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ