แรงงานอุดรฯใน 'อิสราเอล' วิดีโอคอลเล่านาทีชีวิตสู้กลุ่มฮามาสจนเจ็บสาหัส

13 ต.ค.2566 สถานการณ์การสู้รบในอิสราเอลยังคงมีการโจมตีกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานภาคการเกษตรได้รับผลกระทบ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย เช่นเดียวกับนายวิทวัส กุลวงศ์ หรือ แจ็ค อายุ 34 ปี ชาว อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ถูกกลุ่มฮามาส ใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่บริเวณลำคอ แต่ยังโชคดีที่ นายวิทวัส ยังมีชีวิตรอดมาได้  ในขณะที่มีรายงานว่า แรงงานไทยจาก จ.อุดรธานี เสียชีวิตไปแล้ว 7 ราย 

 

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายวิทวัส ซึ่งอยู่ใน ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี  พบกับน.ส.วาสนา ภรรยาและลูกสาววัย 5 ขวบ ของนายวิทวัส พร้อมด้วยญาติและเพื่อนบ้านต่างพากันให้กำลังใจกับครอบครัวของนายวิทวัส

 

 

 

 

โดยนายวิทวัส  ได้วิดีโอคอลมาพูดคุยกับครอบครัว พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในวันเกิดเหตุขณะกำลังเดินอยู่ในฟาร์มไก่งวง  เพื่อตรวจดูว่ามีไก่ตายหรือไม่ ก็มีการยิงเข้ามา และมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาในฟาร์ม จึงเข้าไปหลบซ่อนตัวนาน 2-3 ชม. เมื่อกองกำลังออกไปแล้ว จึงได้ออกมาจากที่ซ่อน และกลับเข้ามาในฟาร์ม

 

 

 

 

ปรากฎว่ามีกองกำลังบุกเข้ามาในฟาร์มอีก และมาพบตนกลุ่มกองกำลังจึงได้ใช้มีดพยายามจะปาดคอตน ขัดขืน และสู้กันอยู่ประมาณ 1 ชม. กระทั่งถูกแทงคอ แทงหลัง และแทงหน้าผาก เลือดไหลออกมาก จนตนหมดสติ เขาคงคิดว่าตนตายแล้ว จึงหยิบเอาโทรศัพท์ตนไปด้วย

 

จากนั้นอีกประมาณ 1 ชม.ตนฟื้นขึ้นมา จึงเดินกลับไปที่แคมป์คนงาน เพื่อนคนงาน นายจ้างแจ้งทหารอิสราเอลนำตัวส่งโรงพยาบาลเข้ารับการรักษาตัวอยู่เป็นเวลา 3 วัน จึงได้ออกจาก รพ.และได้ติดต่อกลับมาบ้านหาภรรยาและลูก ซึ่งถือว่าตนโชคดีที่รอดชีวิต นายวิทวัส ยังบอกอีกว่า เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้ไม่อยากอยู่แล้ว อยากจะกลับบ้าน และไม่ขอกลับมาทำงานที่อิสราเอลอีก 

 

 

 

 

ด้าน น.ส.วาสนา ภรรยา นายวิทวัส ยังได้เล่าอีกว่า ตนแต่งงานกับนายวิทวัส มีลูกด้วยกัน 1 คน นายวิทวัส สามีเดินทางไปทำงานเกษตร ที่อิสราเอล สัญญา 5 ปี 3 เดือน  ได้เงินเดือนๆ ละ 4 - 5 หมื่นบาท ทำงานมาได้ 4 ปีแล้ว โดยไม่มีการกลับมาพัก

 

สำหรับเงินใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานนั้น เป็นการกู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบจำนวน 1 แสนบาท ทางสำนักงานจัดหางานเป็นคนส่งไปถูกต้องตามกฎหมาย โดย 2 ปีแรกทำงานในสวนมะเขือเทศ  ส่วน 2 ปีหลังทำงานในฟาร์มไก่งวง จะส่งเงินกลับมาให้ตนซื้อรถปิกอัพ 1 คัน และซื้ออุปกรณ์เตรียมสร้างบ้านไว้แล้ว

 

 

 

 

ก่อนเกิดเหตุเป็น วันเสาร์ที่ 7 ต.ค.2566  ซึ่งจะเป็นวันหยุดของสามี แต่สามีจะขับรถไถออกจากแคมป์ที่พัก ไปที่ฟาร์มไก่งวง เพื่อเก็บไก่ที่ตายออกมา ขณะเดินอยู่ในฟาร์มไก่ และไลฟ์สดในเฟซบุ็กให้ตนดูด้วย ก็เห็นว่าทางฝั่งปาเลสไตน์ก็มีการยิงข้ามมา ซึ่งสามีก็บอกว่ามีการยิงกันแล้ว แต่ครั้งนี้ยิงหนักมาก แถมมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาในฟาร์มด้วย ก่อนที่สามีตนจะไปหลบซ่อนตัว 2-3 ชม.และห้ามตนโทรไปหา เพราะเกรงว่ากลุ่มฮามาสจะได้ยิน ตนก็ไม่โทร แต่พอได้ดูคลิปยิงแรงงานไทยตายในแคมป์ ก็ยิ่งห่วงสามีมากขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนก็พยายามทักแชทกับเพื่อนร่วมงานสามี เย็นวันเดียวกันก็ทักแชทเพื่อนร่วมงานได้ เพื่อนบอกว่าสามีตนอยู่ในห้อง บาดเจ็บเล็กน้อย นายจ้างติดต่อทหารอิสราเอลมารับไปส่งโรงพยาบาลแล้ว

 

 

 

 

 

หลังทราบว่าสามีได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลแล้ว ตนก็รู้สึกดีใจ แต่ไม่สามารถติดต่อกับสามีได้ ก็ได้แชทสอบถามอาการกับเพื่อนคนงาน ส่วนตนและครอบครัวก็ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกที่เพื่อให้สามีปลอดภัย สามีออกจากที่โรงพยาบาลวันที่ 11 ต.ค. ลูกชายนายจ้างได้ให้ใช้โทรศัพท์วีดีโอคอลมาหาตน และได้พูดคุยกัน ก็รู้สึกดีใจ แต่พอเพื่อสามีส่งภาพตอนสามีโดนแทงได้รับบาดเจ็บมาให้ดู ตนถึงกับร้องไห้ มันน่ากลัวมาก สามีรอดชีวิตมาได้อย่างไร สามีกลับมาบ้านแล้ว ก็จะไม่ให้กลับไปอีก 

 

 

 

 

นางคำศรี พิมพ์สุวรรณ 66 ปี แม่ยายของนายวิทวัส  เล่าว่า ได้กู้หนี้สินส่งลูกเขยไปทำงานประเทศอิสราเอล เพราะตนยกที่ดินให้ลูกสาว ซึ่งลูกเขยอยากสร้างบ้าน จึงเดินทางไปทำงานหาเงินสร้างบ้าน ลูกเขยส่งเงินมาก็ทยอยซื้ออุปกรณ์สร้างบ้านเก็บสะสมไว้ แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เห็นภาพโดนแทงเลือดเต็มตัว ตนรู้สึกสงสารลูกเขยมาก กลับมาแล้วก็จะไม่ให้ไปอีก ทำมาหากินอยู่เมืองไทยบ้านเราดีกว่า

 

 

 

 

สำหรับนายวิทวัส หรือ แจ็ค เคยเป็นทหารเกณฑ์ (รอ.) ผ่านการฝึกทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เมื่อเกิดเหตุร้ายจึงสามารถป้องกันตัวเอง ต่อสู้กับกลุ่มฮามาสได้แต่ก็ยังถูกอาวุธมีดแทงที่คอจนเลือดไหลออกมาทำให้หมดสติไป 
 

 

 

 

 

ยุทธพงษ์ ดลสิริฤทธิกุล  จ.อุดรธานี