ข่าว

'แรงงานหญิงไทย' เปิดใจนาทีรอดชีวิต ยันหลังเหตุการณ์สงบขอกลับไปทำงานต่อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจ "แรงงานหญิงไทย" หนีตายใน "อิสราเอล" นายจ้างพาอพยพหนีลงใต้ติดจอร์แดนจนรอด ยืนยันจะกลับไปทำงานต่อหลังเหตุการณ์สงบลง เพราะได้รายได้ดี

16 ต.ค. 2566 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แรงงานไทยจำนวน 130 คน เดินทางกลับจากอิสราเอล เป็นชุดที่ 4 โดยเครื่องบิน A-340-500 ของ กองทัพอากาศ เที่ยวบิน RTAF218 ETA ลงจอดที่ บน.6 ดอนเมือง สำหรับคนไทยที่เดินทางมากับเที่ยวบินกองทัพอากาศ เที่ยวที่ 1 มีจำนวน 130 คน มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน มีอาการขาเจ็บ และแขนหัก ซึ่งได้รับการผ่าตัดมาแล้ว 1 คน ป่วยมีอาการหวัด จำนวน 5 คน นอกจากนี้ ยังมีเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ 1 คน เป็นลูกของข้าราชการสถานทูตไทย แรงงานผู้หญิง 2 คน เป็นผู้ชาย 127 คน  

 

โดยแรงงานทั้งหมด ขึ้นรถบัสโดยสาร จาก บน.6 มายังอาคารกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค (Quarantine Center) สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี โดยรถบัสโดยสาร เพื่อตรวจคัดกรองสุขภาพหลังเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยตามมาตรการ

 

 

แรงงานไทยที่เดินทางกลับชุดที่ 4 จำนวน 130 คน

 

 

น.ส.ประภัสสร ศรีสวัสดิ์ อายุ 34 ปี 1 ในแรงงานหญิงไทย ที่เดินทางกลับมาในเที่ยวบินนี้ เปิดเผยว่าตนไปทำงานด้านประเทศอิสราเอลในเมืองเนทีฟอาซาร่า โดยตนมีสัญญาจ้างงาน 5 ปี 3 เดือน แต่เพิ่งทำงานได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น ก็มาเจอเหตุการณ์ระทึกแบบนี้ 

 

 

แรงงานหญิงไทย เปิดใจ นาทีชีวิตหนีรอดตายจากกลุ่มฮามาส

 

 

โดยเหตุการณ์ที่เป็นนาทีชีวิต เริ่มตั้งแต่ช่วง 6 โมงเช้า มีระเบิดที่ผ่านเครื่องยิงสกัดมาลง 3 ลูก นายจ้างจึงประกาศให้หลบหนีเข้าโดม ตนกับเพื่อนแรงงานคนไทยทั้งหมด 7 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 2 คน ได้วิ่งหนีตายกันมาหลบอยู่ในโดมกับนายจ้าง ซึ่งในระหว่างที่หลบกันอยู่ในโดมนั้นก็มีเสียงระเบิดตามมาเป็น 100 ลูก เห็นกลุ่มควันเต็มเมืองไปหมด มีคนงานไทยซึ่งเป็นคนเหนือถูก สะเก็ดระเบิดเข้าที่หู จนหูขาดแต่ก็รอดปลอดภัยมาได้

 

 

 

แรงงานไทย เดินทางไป ที่สถาบันบำราญนราดูร

 

 

น.ส.ประภัสสร  ยังกล่าวอีกว่า ช่วงที่กลุ่มฮามาสบุกเข้ามานั้นตนไม่ได้กลัวถูกจับแต่กลัวถูกฆ่าตายมากกว่า เพราะได้ข่าวมาว่าทางฝ่ายนั้นใช้โดรนยินไล่ยิงผู้คนไปหมด บางรายก็ถูกยิงเพื่อชิงรถไป โชคดีที่ต่อมามีทหารอิสราเอลเข้ามาช่วยยิงสกัดไว้ จึงทำให้โดมไม่ถูกบุกโจมตี ก่อนที่นายจ้างจะพาอพยพหนีลงใต้ไปติดชายแดนของจอร์แดนจึงรอดตายกันมาได้ทั้งหมด

 

ซึ่งแม้จะรอดจากจุดนั้นมาได้ แต่ในช่วงที่ต้องหลบอยู่นั้นแม้จะโล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังเครียดจนนอนไม่หลับ หวาดระแวงกับเสียงที่ได้ยินต่าง ๆ ไปหมด ซึ่งตนก็พยายามส่งข่าวให้ทางครอบครัวทราบเป็นระยะ จนกระทั่งสัญญานเน็ตและไฟฟ้าถูกตัด ก็ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับทางครอบครัวได้ จนกระทั่งบินกลับมาถึงประเทศไทยแล้วทำให้ รู้สึโล่งใจมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว

 

และหลังจากผ่านการตรวจสุขภาพตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขแล้วจะเดินทางกลับบ้านที่จ.อุดรธานี  ทันที ซึ่งตนจะเดินทางกลับเองไม่มีครอบครัวมารับ และในอนาคตต่อไปตนยืนยันว่าถ้าเหตุการณ์สงบลงและทางการไทยทำเรื่องส่งกลับไปทำงานอีก ตนก็จะกลับไปทำงานต่อเพราะรายได้ดีสามารถจุนเจือช่วยเหลือครอบครัวได้มากกว่าที่จะทำงานในประเทศไทย 

 

ศุภชัย สินฑ์ประเสริฐ    นนทบุรี

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ