ข่าว

ย้อนรอยซีซั่นสุดพังของ“เรอัล มาดริด”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย ธนรัชต์ คูสมบัติ

ผลงานในขณะนี้ของ “เรอัล มาดริด” ยอดทีมของศึก ลาลีกา สเปน เรียกว่ากู่ไม่กลับแล้วก็ว่าได้ โดยเกมลีกล่าสุดทำได้แค่เพียงบุกไปเสมอกับเลบันเต 2-2 ทำให้อันดับในลาลีกาตอนนี้อยู่ที่ 4 แข่ง 21 นัดมี 39 คะแนน แทบจะหมดสิทธิ์รักษาแชมป์ลีกสูงสุดของสเปนเพราะตามหลังจ่าฝูงบาร์เซโลน่าถึง 19 คะแนน ที่สำคัญหากฟอร์มยังย่ำแย่แบบนี้มีโอกาสที่หลุดพื้นที่ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ฟุตบอลถ้วยอย่างโกปา เดล เรย์ก็ตกรอบไปเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงศึกชิงถ้วย “บิ๊กเอียร์” ที่สามารถเข้าไปสู่รอบน็อคเอาต์ได้ไสำเร็จ แต่ก็ต้องเจอศึกหนักกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทำให้เส้นทางในการป้องกันแชมป์รายการนี้ถือว่าสาหัสไม่น้อย

ซีซั่นนี้จึงอาจจะเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่ทีมราชันชุดขาวมีผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในลีก ซึ่งเคยเกิดสถานการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

ฤดูกาล 2001-02 อันดับที่ 3

ในซีซั่นนี้หลายคนมองว่าเป็นฤดูกาลที่มีแต่สิ่งดีๆกับเรอัล มาดริด ตั้งแต่การซื้อตัวซีเนดีน ซีดานจากยูเวนตุสเป็นสถิติโลกมาประสานงานกับหลุยส์ ฟิโก (ที่เพิ่งซื้อมาจากบาร์เซโลนาในฤดูกาลก่อนหน้าด้วยค่าตัวสถิติโลกเช่นกัน) และซีดาน ยังเป็นผู้ยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะเลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ปี 2002 ไปครองอีกด้วย

จากเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและการเป็นแชมป์ยุโรป ทำให้หลายคนมองข้ามผลงานในลีกของทีมราชันชุดขาวไป เพราะในฤดูกาลดังกล่าวจบเพียงอันดับที่สามของตาราง มีคะแนนน้อยกว่าแชมป์อย่างบาเลนเซียถึง 9 คะแนน และแพ้ไปถึง 10 นัดด้วยกัน

ฤดูกาล 2003-04 อันดับที่ 4

หลังจากสามารถคว้าแชมป์ลาลีกาได้ในฤดูกาล 2002-03 ในฤดูกาลถัดมามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการปลด “บิเซนเต เดล บอสเก” ออกจากตำแหน่งกุนซือ และแต่งตั้ง “คาร์ลอส เคยรอซ” เทรนเนอร์ชาวโปรตุเกสอดีตมือขวาของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ามาทำหน้าที่แทน

ซึ่งการปลด เดล บอสเก นั้นมีข่าวลือว่า ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรมีปัญหาส่วนตัวกับกุนซือรายนี้ แต่เปเรซก็ยังเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพผู้เล่นที่ทีมมีอยู่ ทั้งซีเนดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก และโรนัลโด รวมไปถึงซูเปอร์สตาร์รายใหม่ที่เพิ่งดึงเข้ามาร่วมทีมอย่าง เดวิด เบ็คแฮม น่าจะทำให้ทีมดีพอที่จะประสบความสำเร็จได้ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกุนซือก็ตาม

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เปเรซคาด เมื่อเรอัล มาดริด แพ้ถึง 10 เกมในลีก จบแค่อันดับ 4 ของตารางเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า เคยรอช ถูกปลดออกจากตำแหน่งเซ่นผลงานอันย่ำแย่นี้

ฤดูกาล 1999-2000 อันดับที่ 5

ช่วงแรกของฤดูกาล จอห์น โตแช็ค กุนซือชาวเวลส์ มีปัญหาในการคุมทีมอย่างหนักเนื่องจากผลงานของทีมนั้นย่ำแย่สุดกู่จนกระทั่งถูกปลดออกไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยคนที่เข้ามาทำหน้าที่แทนคือ บิเซนเต เดล บอสเก ซึ่งเปรียบเสมือนพระเอกขี่ม้าขาวในถิ่นซานติเอโก เบร์นาเบว อย่างแท้จริง โดยสามารถพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ

แต่ดูเหมือน เดล บอสเก จะมาช้าไปหน่อย เพราะผลงานของ โตแช็ค ที่ทำไว้ช่วงครึ่งซีซั่นแรก ทำให้เรอัล มาดริดจบเพียงอันดับ 5 ของฤดูกาล แพ้ไปถึง 14 เกม เสียไปถึง 48 ประตู (คิดเป็นประตูได้เสียเพียงแค่บวก 10 เท่านั้น)

ฤดูกาล 1997-98 อันดับที่ 4

ในฤดูกาลก่อนหน้า(1996-97) เรอัล มาดริดภายใต้การนำทัพของฟาบิโอ คาเปลโล กุนซืออิตาเลียน พาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา มาครองได้ แต่สไตล์การทำทีมไม่ถูกใจแฟนบอลและทีมผู้บริหาร ทำให้ฤดูกาล 1997-98 เปลี่ยนเป็น จุปป์ ไฮย์เกส กุนซือชาวเยอรมนีแทน

อย่างไรก็ตามแม้ว่า ไฮย์เกส จะพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะรักษาเก้าอี้กุนซือไว้ได้ นั่นก็เพราะว่าทีมเก็บได้เพียง 63 คะแนน จบอันดับที่สี่ของ ลา ลีกา

 

ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา การได้แค่อันดับที่ 5 ในฤดูกาล 1999-2000 ถือเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับเรอัล มาดริด แต่ยังมีข้อสังเกตที่น่าสนใจประการหนึ่งคือ จากกรณีตัวอย่างที่ยกมาทั้งหมดส่วนใหญ่ในซีซั่นที่ทีมราชันชุดขาวทำผลงานได้ไม่ค่อยดีในลีก มักจะสามารถประสบความสำเร็จในถ้วยใหญ่ของยุโรป

ในเมื่อฤดูกาลนี้แชมป์ลีกและบอลถ้วยในประเทศหมดลุ้นไปแล้ว เชื่อว่าแฟนมาดริดหลายคนอาจจะหวังที่จะเห็นทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เป็นปีที่สามติดต่อกันก็ได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ