ข่าว

รวมมิตรแข้งดังผิดฟอร์มพรีเมียร์ลีก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลายคนได้เห็นดาวเตะที่โชว์ฟอร์มคุ้มค่าตัวแบบ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ทำให้เห็นกับลิเวอร์พูล หรือการได้เห็น แฮร์รี เคน รักษาฟอร์มสุดยอดดาวยิงกับสเปอร์สไว้ได้ต่อเนื่อง

แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังมีดาวเตะอีกหลายรายที่กำลังต้องเผชิญปัญหาผิดฟอร์มอย่างหนักทั้งที่ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้พวกเขาเหล่านั้นเคยมีผลงานในระดับที่ดีและใกล้เคียงกับตัวอย่างนักเตะ 2 รายที่กล่าวมา

อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ (อาร์เซนอล)

สร้างชื่อกระหึ่มเวทีลีกเอิง ฝรั่งเศส จนหลายคนยกให้เป็นหัวหอกที่น่าจับตามองมากที่สุดรายหนึ่งในเวทียุโรป กระทั่งทุกอย่างเริ่มไม่เหมือนเดิมเมื่อฉากหลังเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ลากาแซตต์ ฝากผลงาน 129 ประตู ให้โอลิมปิก ลียง สโมสรที่แจ้งเกิดขึ้นมาตั้งแต่เป็นเด็กปั้นของทีม และด้วยความเป็นดาวเตะฝรั่งเศสคนบ้านเดียวกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ดาวซัลโวลีกเอิง ฝรั่งเศส จึงตัดสินใจหอบข้าวของมาเผชิญโชคกับ อาร์เซนอล และใช้เวลาเพียงแค่นัดที่สองในลีกก็สามารถซัดประตูเปิดตัวกับทีมได้สำเร็จซึ่งเวลานั้นไม่มีใครจะคิดว่าดาวยิงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรปจะปืนฝืดและเล่นแบบขาดความมั่นใจได้ขนาดนี้

ปัจจุบัน ลากาแซตต์ ลงเล่นในลีกไปแล้ว 26 นัดพังตาข่ายให้ทีมไปได้แค่ 9 ประตูเท่านั้น แถมผลงานล่าสุดในเกมกับสเปอร์ส ยิ่งทำให้สาวกปืนโตหลายคนแทบเบือนหน้าหนี และที่น่าเจ็บใจกว่านั้นก็คือตอนที่ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง เจอกับช่วงเวลาผิดฟอร์ม ลากาแซตต์ กลับดันมาเจ็บยาวเสียอีก

อัลบาโร โมราตา (เชลซี)

จากฟอร์มถล่มประตูระดับพระกาฬเมื่อต้นฤดูกาล ตัดภาพกลับมาเวลานี้ดูเหมือนดาวยิงชาวสแปนิชจะกลายเป็นคนละคนไปแล้ว

โมราตา ถูกพูดถึงอย่างมากเมื่อจัดการซัดไปถึง 6 ประตู จาก 6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก ซึ่งหลายคนต่างออกมายกย่องสายตาเฉียบแหลมของอันโตนิโอ คอนเต ผู้จัดการทีม ที่ยอมทุ่มทุนไปดึงตัวศูนย์หน้ารายนี้มาจากเรอัล มาดริด แต่แล้วด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บหรือความมั่นใจที่หายไปก็ไม่อาจรู้ได้ ชั่วโมงนี้ดาวยิงวัย 25 ปียังไม่สามารถพังตาข่ายให้ทัพสิงห์บลูส์นาน 11 เกมติดต่อกันเข้าไปแล้ว แถมสถิติล่าสุดยังถูกเพิ่มมาแบบน่าเจ็บใจเมื่อได้โกาสตอนถูกเปลี่ยนตัวลงสนามไปในนาทีที่ 90 ของเกมที่แพ้ แมนฯซิตี 0-1

โดยประตูสุดท้ายที่ทำได้เกิดขึ้นในเกมที่เชลซี เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน 2-0 ซึ่งประตูเปิดหัวที่ทำได้ในเกมดังกล่าวต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมของปีที่แล้ว 

ปัจจุบัน เชลซี รั้งอันดับ 5 ของตารางคะแนน ซึ่งหาก โมราตา ยังไม่รีบกลับมาคืนฟอร์มในเร็ววันโอกาสคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นหน้าของสิงโตน้ำเงินครามก็แทบจะเลิกพูดกันได้เลย

ติมูเอ บากาโยโก (เชลซี)

เจ้าของค่าตัว 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,700 ล้านบาท) เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เคยถูกยกให้เป็นร่างทรงของ ยายา ตูเร สมัยฟอร์มกระฉูด

มิดฟิลด์ตัวตัดเกมชาวฝรั่งเศส ถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาทดแทนช่องโหว่ที่ เนมานยา มาติช กองกลางเซอร์เบียได้ทิ้งเอาไว้ แต่หลังจากเวลาผ่านไปสิ่งที่แฟนบอลสิงห์บลูส์ได้เห็นนอกจากจะไม่สามารถเทียบรัศมีกองกลางเลือดเซิร์บได้แล้ว อดีตดาวเตะโมนาโก ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่ามาตรฐานเลยด้วยซ้ำ

นับถึงเวลานี้กองกลางวัย 23 ปี ได้รับโอกาสลงสนามในพรีเมียร์ลีกไปแล้วทั้งหมด 24 นัด แบ่งเป็นตัวจริง 20 นัด และสำรองอีก 4 เกม ยิงไป 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ สร้างสรรค์โอกาสสำคัญให้ทีมไปแค่ครั้งเดียว เปิดบอลสำเร็จ 20% ผ่านบอลเฉลี่ยต่อแมทช์ 39 ครั้ง เข้าปะทะสำเร็จ 74% ตัวเลขเวลาดวลกับคู่แข่งสองต่อสองสามารถเอาชนะได้ 137 ครั้ง แต่ก็แพ้คู่ต่อสู้ไปถึง 125 ครั้ง เช่นกัน

การยืนตำแหน่งที่ผิดพลาด การรับส่งบอลที่มักทำเสียอยู่ร่ำไป แถมความยำแย่ยิ่งมาถูกตอกย้ำให้เห็นภาพชัดเจนเข้าไปอีกเมื่อใช้เวลาแค่ 30 นาที ก็โดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนามในเกมที่โดนวัตฟอร์ด ปูพรมถล่ม 4-1 เท่านั้นไม่พอภาพความทะเล่อทะล่ามักเข้ามาในหัวทุกครั้งเวลาได้เห็นผลงานของตัวตัดเกมรายนี้ โดยเฉพาะผลงานชิ้นโบแดงที่จับบอลพลาดจนล้มก้นจ้ำเบ้าของเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กับ แอตเลติโก มาดริด ยังเป็นภาพที่ติดตราตรึงใจสาวกสิงห์บลูส์จนหลายคนนึกสงสัยว่านีใช่ บากาโยโก คนเดียวกับที่เคยพาโมนาโก คว้าแชมป์ลีกเอิง เมื่อซีซั่นที่แล้วรึเปล่า

คริสติยอง เบนเตเก (คริสตัล พาเลซ)

ทุกคนยกให้เป็นศูนย์หน้าตัวอันตรายสมัยล่าตาข่ายภายใต้สีเสื้อ “สิงห์ผยอง” แอสตัน วิลลา โดยตลอด 3 ฤดูกาล ได้ฝากผลงาน 42 ประตูให้แฟนบอลได้จดจำ

แม้จะเคยไปล้มเหลวกับลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ ซึ่งได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเพียงแค่ฤดูกาลเดียว (ลง 42 นัด ยิงไป 10 ประตู) ทำให้การเลือกมาอยู่กับ คริสตัล พาเลซ น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับกองหน้าทีมชาติเบลเยียมรายนี้ที่หลายคนมองว่าบางทีการเล่นของเขาอาจจะเหมาะกับทีมเล็กๆ มากกว่า และอนาคตใหม่ภายใต้สีเสื้อดิอีเกิลส์ทำท่าจะไปได้สวยทีเดียวเมื่อ เบนเตเก จัดการซัดประตูเปิดตัวได้ตั้งแต่เกมลีกนัดที่สองจากนั้นเบ็ดเสร็จซีซั่นแรกทะลวงตาข่ายให้ทีมไปทั้งสิ้น 17 ประตู จาก 40 นัด ขึ้นแท่นเป้นดาวซัลดวสูงสุดของทีม

อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟอร์มตกหรือกลับมาคืนฟอร์มเดิมของตัวเอง ฤดูกาลนี้ เบนเตเก ลงสนามไป 22 นัด ยิงไปได้เพียง 2 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่เห็นแล้วน่าใจหายอย่างยิ่ง โดยประตูที่พาเลซทำได้ในลีกส่วนใหญ่มาจากกองกลางอย่าง วิลฟรีด ซาฮา (4 ประตู) กับ ลูกา มิลิโวเจวิช (7 ประตู)

มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด)

ได้รับการคาดหมายว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญระยะยาวให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอนาคต เคยมีชื่อติดเป็นหนึ่งในแข้งลุ้นรางวัลดาวรุ่งแห่งปี “ยูโรเปี้ยน โกลเดน บอย” ทำลายสถิติของ จอร์จ เบสต์ ตำนานนักเตะ “ปีศาจแดง” พร้อมขึ้นทำเนียบเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ทำประตูได้ในฟุตบอลยุโรป

แต่แล้วความคาดหวังทั้งหลายกำลังมลายหายวับไปในพริบตาเมื่อเวลานี้หัวหอกดาวรุ่งวัย 20 ปี ไม่ได้ร้อนแรงเหมือนเก่า

โอกาสลงเล่นที่น้อยลงส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะการมาของ อเลกซิส ซานเชซ ทั้งหมด แต่สาเหตุสำคัญมาจากทัศนคติของนักเตะเป็นหลัก โดยมีช่วงหนึ่งที่มักเล่นเพื่อตัวเองหรือพยายามโชว์ออฟมาเกินไป จนมาถึงตอนที่พลาดอย่างโจ่งแจ้งในเกมกับเลสเตอร์ ซึ่งมีโอกาสซัดประตูแบบเหน่งๆ ให้ทีมถึง 2 หน แต่พลาดไปแบบเหลือเชื่อทั้งหมด จนสุดท้ายทำได้แค่แบ่งแต้มไป 2-2

นับตั้งแต่จบเกมกับเลสเตอร์ โอกาสลงสนามของแรชฟอร์ด ก็เปลี่ยนไปมาก โดย 4 จาก 5 นัดหลังสุดได้ลงไปโชว์ฝีเท้าไม่เกิน 20 นาทีเท่านั้น

นักเตะทุกคนย่อมต้องเจอช่วงเวลาที่ฟอร์มตกมาก่อน ซาลาห์ ก่อนจะเปรี้ยงปร้างก็เคยโดนเมินจากเชลซี กว่าที่ เคน จะมายิงสลุตแบบทุกวันนี้ก็เคยปืนฝืดมาแล้ว

ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของเวลาที่จะพิสูจน์ว่าดาวเตะคนนั้นแค่ฟอร์มตกหรือเป็นแค่ของปลอมกันแน่

บทความโดย : พชร นาคจู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ