ข่าว

ส่องความพร้อมก่อนศึกโมโตจีพี2018

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือที่แฟนๆรู้จักกันในนาม “โมโตจีพี” ในฤดูกาล 2018 ที่เตรียมระเบิดคันเร่งกันในวันที่ 18 มี.ค.นี้

    สำหรับกระแสของ โมโตจีพี ในปีนี้นั้นดูจะคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในบ้านเรา เนื่องจากจะได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 1 สนาม และเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะได้จัดการแข่งขันระดับโลกดังกล่าวด้วย จึงไม่น่าแปลกใจหากความนิยมของกีฬามอเตอร์สปอร์ตชนิดนี้จะพุ่งทะยานขึ้นมา
     โดยในฤดูกาล 2018 นี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น ทั้งการเปลี่ยนแปลงจำนวนสนาม กฏการแข่งขัน รวมถึงเหล่าบรรดานักขับทั้งตัวเต็ง และหน้าใหม่ที่ต่างขับเคี่ยวเพื่อหวังคว้าที่ 1 ในโพเดียมในปีนี้ให้ได้

การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ
    ในปีนี้ทาง สหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ และดอร์นา สปอร์ต ผู้จัดการแข่งขันได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาบางอย่าง เริ่มจากการจะลดจำนวนรอบของการแข่งขันลง 7 สนาม ได้แก่ ยูเอส กรังด์ปรีซ์ ,สแปนิช กรังด์ปรีซ์, เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์, กาตาลัน กรังด์ปรีซ์ ,เช็ก กรังด์ปรีซ์, ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์ และ บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ โดย สแปนิช กรังด์ปรีซ์ จะลดลง 2 รอบ และบาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ ลด 3 รอบ ส่วนอีก 5 สนาม จะลดลงแค่เพียงรอบเดียว สเปน มี 4 สนามที่ใช้แข่ง โมโต จีพี แต่ละรอบไป 3 สนาม เพื่อความปลอดภัยของนักแข่ง
     เช่นเดียวกับจำนวนสนามแข่งขันที่มีเพิ่มมาจาก 18 เป็น 19 สนาม โดยสนามที่เพิ่มขึ้นมา คือ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018” ที่สนาม ช้าง   อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทย ซึ่งเป็นสนามที่ 15 ของปีนี้
     และเมื่อช่วงเดือนที่แล้วได้มีการทดสอบความพร้อมของสนามที่ประเทศไทยในรายการทดสอบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน โมโตจีพี ก่อนเปิดซีซั่นจริง หรือที่รู้จักกันในนาม “วินเทอร์ เทสต์” ซึ่งนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวถึงภาพรวมตลอดทั้ง 3 วันที่ผ่านมาว่าได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างดี "เราเพิ่งได้มีการประชุมกับฝ่ายจัดการแข่งขันทั้งสหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ และดอร์นาสปอร์ต ทุกฝ่ายมีความแฮปปี้เพราะไม่คิดว่าสนามที่เมืองไทยจะมีแทร็กที่สมบูรณ์ขนาดนี้”

การผลัดใบของนักบิดแต่ละทีม

     เป็นธรรมดาที่ในแต่ละปีทีมต่างๆก็จะมีการเปลี่ยนแปลงนักขับคนใหม่เพื่อทำให้ผลงานดีขึ้น โดยซีซั่นนี้นักบิดจาก โมโต 2 ได้รับการโปรโมทให้ขึ้นมาขับในระดับ โมโต จีพี กันหลายราย เริ่มจาก ฟรังโก้ โมบิเดลลี จอมซิ่งชาวอิตาเลียน และแชมป์โมโต 2 เมื่อปีที่แล้ว ก็ได้รับโอกาสจากทีม อีจี 0,0 มาร์ค วีดีเอส ให้ขึ้นมาแข่งขันในทัวร์นาเมนต์นี้เป็นครั้งแรก หลังทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ เช่นเดียวกับ โธมัส ลูติ ก็ได้รับโอกาสกับทีมดังกล่าวเช่นกัน รวมไปถึง ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดชาวญี่ปุ่น และอดีตแชมป์โลกโมโต 2 เมื่อปี 2016 ก็ได้เลื่อนขึ้นมาขับกับทีม แอลซีอาร์ ฮอนด้า เป็นครั้งแรก
     ขณะที่อีกคนนึงที่น่าสนใจ คือ ฮาฟิซห์ ซยาห์ริน นักบิดจากมาเลเซีย และทีม ยามาฮ่า เทค3 ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบิดคนแรกจากอาเซียนที่ได้ลงแข่งขันในศึกโมโต จีพี โดยมาแทนที่ของ โยนาส โฟลเกอร์ นักบิดเยอรมันที่พักรักษาอาการป่วยด้วยโรคทางพันธุกรรม
สำหรับ ซยาห์ริน ลงแข่งในโมโต 2 มา 4 ปีติดต่อกัน โดยปี 2017 จบอันดับ 10 แต่จากการติดตามฟอร์มอย่างใกล้ชิดทำให้ เทค3 ตัดสินใจเรียก    จอมซิ่งวัย 23ปี มาร่วมทดสอบสนามในรายการ ไทยแลนด์ วินเทอร์เทสต์ ที่บุรีรัมย์ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจด้วยการอยู่อันดับ 22 จากทั้งหมด 24 คน และได้รับการเซ็นสัญญาเข้าทีมในที่สุด
      ส่วนอีก 2 คน คือ เอสตีฟ ราบัต ที่ไม่ต่อสัญญากับ อีจี 0,0 มาร์ค วีดี และย้ายไปอยู่กับ เอพริลเลีย เรซซิง ทีม เกรซซินี ร่วมกับ สก็อตต์ เรดดิง ที่ตีจากทีม พลาแม็ค เรซซิง มาอยู่กับอีกค่าย

เต็งแชมป์ในปีนี้
    ในการคว้าแชมป์ไปครองมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น 4 คนจาก 2 ทีมระดับโลก นั่นก็คือ มาร์ค มาร์เกวซ และ ดานี่ เปโดรซา จากทีมเรปโซล ฮอนด้า กับ วาเลนติโน่ รอสซี และมาเวริค บีญาเลส จากทีม โมบิสตาร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี
     เริ่มที่ มาร์เกวซ ที่มีดีกรีเป็นแชมป์โลกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยเขาเป็นนักแข่งที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก เนื่องจากสามารถคว้าแชมป์โลกไปได้แล้วถึง 4 ครั้ง (2013, 2014, 2016, 2017) ด้วยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น ซึ่งในปีนี้แม้ช่วงทดสอบรถผลงานของเจ้าตัวจะไม่โดดเด่นมาก แต่เชื่อว่าในการแข่งขันจริงเจ้าของเบอร์ 93 จะใส่เต็มสปีดเพื่อไปสู่เป้าหมายคือแชมป์โลกสมัยที่ 5 ให้จงได้
    ส่วนเพื่อนร่วมทีมอย่าง ดานี่ เปโดรซา นักบิดจอมเก๋าผู้ยังไม่เคยคว้าแชมป์โลกมาครอง แม้จะลงสังเวียนมาแล้วถึง 11 ซีซั่น โดยในปีนี้เขาหมายมั่นปั้นมืออย่างมากที่จะบิดรถคู่ใจอย่าง จีพี18 ชิงธงตราหมากรุกมาครอง โดยเขาเน้นตั้งแต่การทดสอบสนามเนื่องจากคือคนที่ทำเวลาดีสุดในการแข่งขัน วินเทอร์เทสต์ ที่ไทย ซึ่งด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้ปีนี้อาจจะเป็นปีทองของเจ้าตัวก็เป็นได้
     ขณะที่อีก 1 นักบิดซึ่งมีแฟนๆทั่วโลกมากที่สุดในวงการ นั่นก็คือ “เดอะ ด็อกเตอร์” วาเลนติโน่ รอสซี นักบิดชาวอิตาเลียน และเจ้าของแชมป์โลก 7 สมัย (2001, 2002, 2003, 2004, 2005, 2008, 2009 ) ซึ่งถึงแม้ผลงานในช่วงหลังของเขาจะตกลงไปด้วยอายุที่มากขึ้น แต่นักขับวัย 39 ปีผู้นี้ยังมุ่งมั่นเสมอในทุกๆสนาม และเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ทำให้ในศึกโมโต จีพี 2018 จะมองข้ามเจ้าของเบอร์ 50 ไปไม่ได้อย่างแน่นอน
     มาเวริค บีญาเลส คืออีกคนที่น่าจับตามอง โดยเจ้าของฉายา “ท็อป กัน” คือ 1 ในนักบิดที่มีอายุน้อยที่สุดด้วยวัย 23 ปี โดยเมื่อปีที่แล้ว เจ้าตัวต้องแบกรับความกดดันหลังเป็นซีซั่นแรกที่ลงแข่ง และต้องเข้ามาแทนที่ของ ฆอร์เก้ ลอเรนโซ อดีตแชมป์โลกคนดังที่ย้ายไปอยู่กับ ดูคาติ ซึ่งเขาก็แสดงให้เห็นถึงพลังหนุ่มด้วยการคว้าอันดับ 3 มาครอง และในปีนี้ด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้นเชื่อว่า บีญาเลส จะขึ้นมาลุ้นแชมป์กับบรรดานักขับชื่อดังได้อย่างสนุก
     สุดท้ายแล้วต้องมาดูกันว่าหลังการแข่งขันสนามสุดท้ายที่ บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ ในเดือน พ.ย.นักบิดคนไหนจะคว้าอันดับหนึ่งในโพเดียมสูงสุดไปครอง รวมถึงจะมีสิ่งที่น่าสนใจใดๆบ้างในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกฤดูกาลนี้

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ