ข่าว

3ปัญหาที่“เวสต์แฮม”ควรแก้เพื่อเลี่ยงตกชั้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงจะไม่มีเกมใดได้รับความสนใจมากกว่า “ศึกแดงเดือด” ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1

    ถึงกระนั้นมีอีก 1 เกมที่น่าสนใจแม้สกอร์ในเกมจะดูขาดลอยเมื่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดรัง ลอนดอน สเตเดียม พ่ายต่อ เบิร์นลีย์ ไปแบบยับเยิน 0-3 เนื่องจากระหว่างเกมมีแฟนๆของทีม “ขุนค้อน” ลงมาในสนามเพื่อก่อความวุ่นวายเป็นระยะ เริ่มจาก แอชลีย์ บาร์นส์ ยิงประตูให้ เบิร์นลีย์ ขึ้นนำ มีแฟนบอลสองคนบุกลงไปหาถึงที่เพื่อด่าทอนักเตะจน มาร์ค โนเบิล กองกลางของทีม ต้องจับแฟนทุ่มลงกับพื้นสนามไปหนึ่งคน

    ต่อมาสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเมื่อคริส วูด ส่งให้ทีมเยือนออกนำ 2-0 แฟนบอลวิ่งลงมาคว้าธงมุมสนามไปโบกที่วงกลมกลางสนาม เดือดร้อนผู้เล่นเจ้าถิ่นต้องไปพาตัวออก และ วูด คนเดิมยิงเพิ่มให้ เบิร์นลีย์ นำ 3-0 แฟน เวสต์แฮม อีกคนก็ปรี่ลงมาหา โจ ฮาร์ท นายทวารทีมชาติอังกฤษทันที ก่อนจะโดนคว้าตัวไว้จน เจมส์ คอลลินส์ กองหลัง ก็เกือบจะมีเรื่องกับแฟนบอลด้วย สุดท้ายบรรยากาศในสนามเดือดสุดขีด ทำให้ เดวิด ซัลลิแวน เจ้าของสโมสร ต้องออกจากสนามไปตั้งแต่นาทีที่ 85 และทาง เบิร์นลีย์ ต้องให้แฟน ๆรุ่นเยาว์ของเจ้าถิ่นลงมานั่งในม้านั่งสำรองของตัวเองเพื่อไม่ให้โดนลูกหลง

    เหตุการณ์วุ่นวายดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ “เดอะ แฮมเมอร์ส” ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังอย่างมากในช่วงหลัง ด้วยการแพ้มาแล้ว 3 เกมติดกัน และชนะได้เพียง 3 จาก 10 เกมล่าสุด พร้อมมีคะแนนนำห่างโซนตกชั้นเพียง 3 แต้มเท่านั้น

      ด้วยฟอร์มอันย่ำแย่ดังกล่าวทำให้สื่อต่างประเทศได้รวบรวม 3 ปัญหาที่ เวสต์แฮม ต้องเร่งแก้ไขหากหวังจะอยู่รอดในฟุตบอลของลีกสูงสุดแดนผู้ดีต่อไป     

แท็คติกของ“มอยส์”ยังไม่ได้ผล
    นับตั้งแต่ที่ “ขุนค้อน” ไปดึงตัว เดวิด มอยส์ เข้ามาแทนที่ สลาเวน บิลิช กุนซือชาวโครแอตที่พาทีมออกสตาร์ทซีซั่นได้น่าผิดหวังด้วยการหล่นไปอยู่ในโซนตกชั้น มี 9 แต้ม จาก 11 นัด รั้งอันดับ 18 ของตารางเมื่อเดือน พ.ย. ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของทีมจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    เทรนเนอร์วัย 54 ปี ปรับทีมขนานใหญ่เริ่มจากแผนการเล่นซึ่งสมัย บิลิช เวสต์แฮม เป็นทีมที่เน้นเกมรุกจนทำให้เกมรับมีปัญหา ก็เปลี่ยนมาเป็นการเล่นเกมรับอย่างมั่นคง และเน้นจังหวะสวนกลับที่แม่นยำตามสไตล์ที่เขาถนัดนับตั้งแต่ทำทีม เอฟเวอร์ตัน รวมถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
    ผลปรากฏว่าแผนการเล่นดังกล่าวก็ยังไม่ได้ผล หลังไม่ชนะใครเลยใน 5 เกมแรกที่เจ้าตัวเข้ามาคุมทัพ จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนของซีซั่นเมื่อพวกเขาสามารถเอาชนะ เชลซี ได้ 1-0 และทำสถิติไม่แพ้ใครได้ถึง 7 เกมติดต่อกัน ก่อนเข้าสู่ภาวะวิกฤติของทีมอีกครั้งด้วยการแพ้ 5 จาก 7 เกมหลังสุด
    สาเหตุสำคัญที่ทำให้แท็คติกของ มอยส์ ยังใช้ไม่ได้ผลเนื่องจากเป็นแผนการเล่นที่มี “หน้าเดียว” และถูกจับทางได้ง่าย โดยเชื่อว่ากุนซือของอีก 19 ทีมของพรีเมียร์ลีก รู้ว่า “ขุนค้อน” จะเล่นแนวนี้ และหาทางปรับเกมมาก่อนล่วงหน้า
    อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดอ่อนของ มอยส์ คือการแก้เกม ซึ่งเขามักจะไม่ค่อยมีแผนสองมาใช้แก้ไขเมื่อทีมตกเป็นรอง และยังเล่นแบบเดิมๆแม้จะถูกออกนำไปก็ตาม จนส่งผลให้ทีมต้องพบกับผลการแข่งขันที่เลวร้าย จนมีข่าวว่าบอร์ดบริหารของทีมจะไม่ต่อสัญญากับ มอยส์ หลังจบฤดูกาลนี้ไม่ว่าเจ้าตัวจะพาทีมอยู่รอดในศึกพรีเมียร์ลีกหรือไม่

แนวรับอันหละหลวม
    ปัญหาในเกมรับถือเป็นจุดอ่อนสำคัญของทีมระดับท้ายตาราง และหนีตกชั้นของพรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกับ เวสต์แฮม ที่ต้องเจอกับเรื่องดังกล่าวมาอย่างยาวนาน โดยนับตั้งแต่ต้นซีซั่นที่ผ่านมาพวกเขาพยายามปรับแผนทั้งการเล่นกองหลัง 4 คน กองหลัง 5 คน และล่าสุดคือการเล่นกองหลัง 3 คน
    อย่างไรก็ตามด้วยความไม่เข้าใจกันของเซ็นเตอร์แบ็ก ที่มักจะถูกสลับหน้ามาประกบคู่กัน ทั้ง เจมส์ คอลลินส์, อันเจโล่ อ็อกบอนนา และโชเซ่ ฟอนเต จนเกิดความสับสน รวมถึงทั้งแบ็คซ้าย-ขวา ที่อ่อนประสบการณ์ และเน้นเล่นแต่เกมบุกเกินไปจนทำให้เกมรุกฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่ขับเคลื่อนบอลอย่างสบาย และทะลวงตาข่ายได้ไม่ยาก
    เป็นเหตุให้ทีม “ขุนค้อน” เป็นทีมที่ทำสถิติเสียประตูมากที่สุดในลีกด้วยจำนวน 57 ลูก และห่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี ซึ่งเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกถึง 47 ประตู นอกจากนั้นพวกเขายังเก็บคลีนชีตได้ในซีซั่นนี้เพียง 7 จาก 30 นัด ซึ่งอยู่ในอันดับ 16 ในลีกจนเป็นปัญหาที่ต้องหาทางแก้ไขโดยด่วน

เกมรุกที่ไม่เฉียบคม
    นับตั้งแต่ที่ ดมิทรี ปาเยต์ ปีกตัวเก่งทีมชาติฝรั่งเศสย้ายออกจากทีมไปอยู่กับ โอลิมปิก มาร์กเซย เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว เกมรุกของ เวสต์แฮม ก็มีปัญหามาอย่างต่อเนื่อง
    โดยถึงแม้ “ขุนค้อน” จะทุ่มซื้อนักเตะในเกมรุกมาหลายราย ทั้ง ฮาเวียร์ "ชิชาริโต" เอร์นานเดซ กองหน้าทีมชาติเม็กซิโก และมาร์โก อาร์เนาโตวิช กองหน้าทีมชาติออสเตรีย แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่มีใครสามารถแทนที่ของ ปาเยต์ ได้เลย
    ในซีซั่นนี้ เวสต์แฮม ทำประตูได้เพียง 36 ลูก พร้อมมีสถิติเฉลี่ยด้วยการทำได้ 1.2 ประตูต่อเกม โดยผู้ที่ทำประตูเยอะที่สุดในทีมคือ อาร์เนาโตวิช ด้วยจำนวน 7 ลูก ซึ่งหากดูจากสถิติการทำประตูก็ถือว่าไม่ได้ย่ำแย่นัก เนื่องจากอยู่ในอันดับ 9 ของทีมที่ยิงเยอะที่สุดของลีก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือความแม่นยำในการทำประตู เนื่องจากพวกเขายิงเข้ากรอบเพียงแค่ 37% จากโอกาส 285 ครั้งในลีก ซึ่งย่ำแย่พอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ทีมอันดับสุดท้ายในลีก
    สำหรับสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก มอยส์ มักจะให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ขึ้นไปเป็นกองหน้าตัวเป้า ทั้งๆที่ตำแหน่งจริงของเจ้าตัวคือกองหน้ากึ่งปีก และดร็อป ชิชาร์ริโต ซึ่งเป็นหัวหอกธรรมชาติเป็นตัวสำรองเท่านั้น ขณะที่ผู้เล่นคนอื่นๆก็มีสถิติการททำประตูที่ต่ำจนส่งผลต่อการผลิตสกอร์ของทีมอย่างเห็นได้ชัด

    ทั้ง 3 ปัญหาดังกล่าวข้างต้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เวสต์แฮม และเหมือนระเบิดเวลาที่พวกเขาต้องแก้ไขโดยด่วนในช่วง 8 เกมสุดท้าย ไม่เช่นนั้น “ขุนค้อน” อาจต้องกลายเป็น 1 ใน 3 ทีมที่กระเด็นลงไปเล่นในลีก แชมเปียนชิพ ซีซั่นหน้า

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ