ข่าว

ควันหลง "ฟีฟ่าเดย์" กับเกร็ดน่าสนใจก่อนลุยรัสเซีย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เกมอุ่นเครื่องตามปฏิทิน "ฟีฟ่าเดย์" เที่ยวล่าสุดถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย 

เพราะนอกจากมีเกมระดับยักษ์ชนยักษ์ให้ชมหลายคู่ และการกระชับมิตรหนนี้ยังเป็นการเตรียมตัวในช่วงท้ายๆ ก่อนที่ทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียจะเปิดฉากขึ้น ซึ่งจากกรอบของเวลาที่ค่อยๆ ย่นระยะใกล้เข้ามาทุกขณะ ทำให้การขับเคี่ยวและทดสอบทีมหนนี้จึงมีประเด็นให้พูดถึงมากมายชนิดที่พอจะกล่าวได้ว่าความเข้มข้นนั้นถึงขั้นระอุออกมานอกสนามแข่งเลยทีเดียว

อาร์เจนตินาแพ้ยับ

ตอนเล่นรอบคัดเลือกก็เผชิญวิกฤติคำถามเรื่องผลงานมามากพอแล้ว ล่าสุดกระทั่งเกมอุ่นเครื่องขุนพล “ฟ้าขาว” ไม่วายสร้างเรื่องงามหน้าให้แฟนบอลโจมตีอีกจนได้

ลูกทีมของฮอร์เก ซามเปาลี บุกไปโดน “กระทิงดุ” สเปน ปูพรมถล่มแบบหมดรูป 6-1 เมื่อวันอังคารที่ 27 มีนาคม  โดยความพ่ายแพ้ดังกล่าวเป็นการปราชัยท่วมท้นที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี เทียบเท่ากับสถิติการแพ้ที่ย่อยยับสูงสุดต่อ เชโกสโลวาเกีย ปี 1958 และเกมแพ้โบลิเวีย ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ปี 2009 ด้วยสกอร์เดียวกัน

“ความแตกต่างระหว่าง 2 ทีมไม่ได้มากมายเหมือนกับผลการแข่งขันที่ออกมา ไม่ใช่ความผิดของนักเตะ แต่เป็นสิ่งที่ผมจะขอรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด” ซามเปาลี ออกมาขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวในหายนะที่เกิดขึ้นในถิ่นว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน

การขาด ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์คนสำคัญที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นหลังหัวเข่าไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีสักเท่าไหร่ในการแพ้ย่อยยับเที่ยวนี้ เพราะปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก้ให้ทันก่อนทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะมาถึงก็คือ “พวกเขาต้องเล่นร่วมกันให้ได้ทั้งในยามที่มีและไม่มี เมสซี อยู่ในสนาม”

แฮตทริกแรกอิสโก

ฟรานซิสโก โรมัน อลาร์คอน ซัวเรซ หรือที่แฟนบอลคุ้นเคยกันดีในชื่อ “อิสโก” รัวสามประตูในชัยชนะท่วมท้นที่สเปนมีต่ออาร์เจนตินา 6-1 โดยเป็นแฮตทริกแรกในนามทีมชาตินับตั้งแต่ติดธงในปี 2013

แม้ฤดูกาลนี้สตาร์วัย 25 ปี จะมีผลงานไม่ค่อยดีกับเรอัล มาดริด ต้นสังกัด แต่กองกลางร่างเล็กเผยว่าสาเหตุที่ทำให้โชว์ฟอร์มเด็ดสะระตี่ในเกมอุ่นเครื่องกับทัพฟ้าขาว เป็นเพราะ ฆูเลน โลเปเตกี นายใหญ่ของทีมให้ความไว้วางใจเขาเสมอมาผิดกับในถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว ที่มักจะถูกมองข้ามทุกทีไป

เวลานี้ขุมกำลังกระทิงดุของโลเปเตกี ดูจะสดใสและครบเครื่องมากทีเดียวเมื่อส่วนผสมระหว่างแกนหลักตัวเก๋าอย่าง อันเดรส อิเนสตา, เซร์คิโอ รามอส, เคร์ราร์ด ปิเก รวมถึง ดาบิด ซิลบา กับพลังหนุ่มซึ่งนำมาโดย มาร์โก อเซนซิโอ, ติอาโก อัลกันตารา, ซาอูล ญิเกซ และอิสโก ดูจะทดแทนและเข้าขากันมากทีเดียว

สถิติของเอ็มบัปเป

หัวหอกดาวโรจน์ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สร้างสถิติให้ตัวเองอีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องที่ทัพตราไก่บุกสอยรัสเซียเจ้าภาพฟุตบอลโลกที่จะมาถึงในอีกไม่ถึง 3 เดือนนี้

ฝรั่งเศสบุกไปเอาชนะรัสเซีย 3-1 ที่สนามเครสตอฟสกี โดย คิเลียน เอ็มบัปเป ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดด้วยวัย 19 ปี 3 เดือน ที่ยิง 2 ประตูในนัดเดียวให้ทัพ “เลอ เบลอส์” นับตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลก

เอ็มบัปเป ทำสองประตูในนาที 40 และนาทีที่ 83 ส่วนอีกลูกมาจาก ปอล ป็อกบา ซึ่งซัดฟรีคิกสุดสวยในนาทีที่ 49 ส่วนรัสเซีย เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ได้ประตูปลอบใจจาก เฟดอร์ สโมลอฟ นาทีที่ 68

มือ 1 สิงโตคำราม

5 เกมก่อนหน้านี้อังกฤษสามารถเก็บคลีนชีตได้หมดก่อนมาพลาดท่าเสมอ อิตาลี 1-1 ในเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุด

ภายใต้การบัญชาของแกเรธ เซาธ์เกต ต้องยอมรับว่าพลพรรค “ทรีไลออนส์” ชุดนี้มีเกมรับที่เหนียวแน่นเหลือเกิน ขนาดที่ว่า เยอรมนี กับ บราซิล สองทีมที่เกมรุกจัดจ้านยังเจาะประตูพวกเขาไม่ได้ 

อย่างไรก็ตามภายใต้เกมรับอันแข็งแกร่งกลับมีคำถามสำคัญซ่อนอยู่ คือใครจะรับบทมือ 1 เมื่อทัวร์นาเมนท์รอบสุดท้าย

ก่อนเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดล่าสุดบรรดากูรูต่างมองว่า เซาธ์เกต จะใช้เป็นบททดสอบในการเลือกเบอร์ 1 หน้าปากประตู ซึ่งเกมแรกกับเนเธอร์แลนด์ จอร์แดน พิคฟอร์ด ได้โอกาสก่อนพร้อมผลงานชิ้นโบแดงเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ นัดถัดมา แจ็ค บัตแลนด์ ได้ลงทดสอบบ้างซึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดีก่อนมาเสียจุดโทษที่ต้องทำใจยอมรับ ส่วน โจ ฮาร์ท เจ้าของสัมปทานมือ 1 สามทัวร์นาเมนท์หลังสุดได้แค่นั่งดูเพื่อนเล่นบนม้านั่งสำรอง

ดังนั้นหากเอาเกมอุ่นเครื่องเที่ยวนี้เป็นตัววัดก็พอสรุปได้ว่าเบอร์ 1 สิงโตคำราม อาจเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง พิคฟอร์ด กับ บัตแลนด์ ซึ่งมีประสบการณ์ทัวร์นาเมนท์ใหญ่หนแรกของทั้งคู่เป็นเดิมพัน

แซมบ้าล้างอาย

แชมป์โลก 5 สมัยต้องรอเวลานานถึง 4 ปี กว่าที่จะได้ชำระแค้น “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ที่เคยฝากรอยแผลฝังใจให้พวกเขาในศึกฟุตบอลโลก 2014

เกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุด บราซิล บุกไปเฉือนชนะ เยอรมนี 1-0 จากประตูชัยของ กาเบรียล เฆซุส หัวหอกดาวรุ่งแมนเชสเตอร์ ซิตี ในนาทีที่ 37 ส่งผลให้ขุนพล “แซมบา” ล้างอาย “อินทรีเหล็ก” ได้สำเร็จหลังเคยแพ้แบบย่อยยับ 1-7 ในรอบรองชนะเลิศศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายที่พวกเขารับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ

บอยคอตบอลโลก

ประเด็นสุดท้ายอาจไม่เกี่ยวข้องกับผลการแข่งขันในสนาม แต่ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่กำลังจะมาถึงมากทีเดียว

ก่อนเกมอุ่นเครื่องสั่งลาโปรแกรมฟีฟ่าเดย์เที่ยวนี้เกิดข่าวที่น่าตกใจไม่น้อยเมื่อ ออสเตรเลีย 1 ใน 32 ตัวแทนเวิลด์คัพ 2018 อาจตัดสินใจถอนทีมเพื่อแสดงจุดยืนเคียงข้างอังกฤษ จากกรณีรัสเซีย เจ้าภาพฟุตบอลโลกตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของสายลับของพวกเขา

ต้นเหตุเกิดจาก วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานนาธิบดีหมีขาวถูกกล่าวหาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสังหาร เซอร์เก สกรีปัล อดีตสายลับชาวรัสเซียและลูกสาว ด้วยการใช้ก๊าซพิษทำลายระบบประสาท โดยเหตุเกิดที่อังกฤษ ทำให้สหรัฐและกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ไม่พอใจมากถึงกับมีการขับทูตรัสเซียออกนอกประเทศ

การบอยคอตฟุตบอลโลกบานปลายถึงขั้นที่ว่า เวลานี้มีถึง 6 ชาติที่อาจถอนตัวจากเวิลด์คัพฉบับรัสเซีย นำโดย โปแลนด์, ไอซ์แลนด์, เดนมาร์ก, สวีเดน, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ที่แสดงจุดยืนเคียงข้าง อังกฤษ

ขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่เกิน 77 วัน ฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่รัสเซียจะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งระยะเวลาประมาณ 2 เดือนเศษนับจากนี้ นอกจากความสำคัญในการเตรียมความพร้อมก่อนแข่งของทั้ง 32 ชาติแล้ว 

ประเด็นเคลียร์ความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจก็ดูจะสำคัญไม่แพ้กันกับบอลโลกหนแรกบนแผ่นดินยุโรปตะวันออก

เรียบเรียงโดย : พชร นาคจู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ