ข่าว

รวมพลคนหายพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2017-18

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การนับถอยหลังตำแหน่งแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี หรือการเดินหน้าทุบทุกสถิติของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวเตะฟอร์มร้อนลิเวอร์พูล

นี่คือไฮไลท์ที่ทุกคนกำลังพูดถึงเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2017-2018

อย่างไรก็ตาม​สิ่งที่หลายคนอาจไม่ได้เฉลียวใจหรือเพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ก็คือ ขณะที่ลีกสูงสุดของอังกฤษใกล้จะรูดม่านปิดฉากลงในเวลาเดียวกันกลับมีนักเตะบางส่วนที่เกือบจะขึ้นทะเบียนเป็นแข้งสาปสูญไปแล้ว แถมบางคนแม้กระทั่งโอกาสลงไปสัมผัสเกมบนพื้นหญ้าสักวินาทีเดียวยังดูไม่มีทีท่าว่าจะเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ

นาธาเนียล ไคลน์ (ลิเวอร์พูล)

ฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษ ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นพร้อมกับ อดัม ลัลลานา กองกลางเพื่อนร่วมทีม แต่ที่ต่างกันคือ ลัลลานา สลัดอาการเดี้ยงและกลับมาช่วยทีมได้แล้ว แถมโผล่ไปมีชื่อติดธงทีมชาติอังกฤษในเกมอุ่นเครื่องกับอิตาลีอีกด้วย

ขณะที่ฟูลแบ็กเจ้าของสถิติลงรับใช้ลิเวอร์พูล มากที่สุดใน 2 ฤดูกาลหลัง กลับยังไม่มีโอกาสลงไปสัมผัสเกมให้ทีมแม้แต่นาทีเดียว ทำให้ เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องใช้บริการ โจ โกเมซ กับ เทรนท์ อเลกซานเดอร์ อาร์โนลด์ ในตำแหน่งแบ็กขวาแทน แถมดาวรุ่งทั้งคู่เริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ จากโอกาสที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอซึ่งก็ต้องขอบคุณอาการเจ็บของไคลน์ ที่มีส่วนให้รุ่นน้องได้พัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองขึ้นมา

สิ่งที่น่าเสียดายกว่านั้นคือโอกาสลุ้นติดธงสิงโตคำรามไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่อาจเรียกได้ว่าริบหรี่ทีเดียว แม้ล่าสุดจะสามารถเรียกความฟิตและกลับมามีชื่อติดทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูล ได้แล้ว ในเกมล่าสุดที่หงส์แดงบุกไปเฉือน คริสตัล พาเลซ 2-1 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม

ดาวี คลาสเซน-รามิโร ฟูเนส โมริ (เอฟเวอร์ตัน)

พอจะยกให้เป็น 2 ดาวเตะจอมอาภัพแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ได้เลย โดยรายแรกกลายสภาพจากจอมทัพคนสำคัญมาเป็นมิดฟิลด์ที่โดนดองลืม ส่วนรายถัดมาเจ็บหนเดียวทำหายไปจากทีมชุดใหญ่ 1 ปีเต็ม

หากไม่นับเกมล่าสุดที่เอฟเวอร์ตัน เปิดรังทุบ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน 2-0 เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ครั้งสุดท้ายที่ คลาสเซน ได้ลงรับใช้ต้นสังกัดในทีมชุดใหญ่ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อนในเกมยูโรปาลีก กับ อโปลลอน ลิมาสโซล แถมพอได้กลับมาวาดลวดลายในเกมกับทีม “นกนางนวล” ก็ดันเป็นโอกาสสั้นๆ แค่ 6 นาที

พรีเมียร์ลีก ผ่านมาจนจะจบฤดูกาลอยู่รอมร่อ คลาสเซน เพิ่งได้ลงบู๊ในลีกไปเพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น ซึ่งดูจากระยะเวลาที่เหลือหากไม่ถอดใจกลับถิ่นกังหันลมเสียก่อน อดีตจอมทัพอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คงต้องไปเรียกความมั่นใจกลับมาในฤดูกาลหน้าเสียแล้ว

ส่วนเคสกองหลังอาร์เจนไตน์ที่ตอนย้ายมาใหม่ๆ ถูกมองว่าจะก้าวขึ้นเป็นกำลังหลักได้ไม่ยาก โดยลงสนามแตะหลัก 20 นัดขึ้น ใน 2 ซีซั่นที่ผ่านมา แต่พอเจอปัญหาเจ็บหนักที่หัวเข่าซึ่งแม้จะหายดีจนถูกเรียกไปติดธงฟ้าขาว ในเกมอุ่นเครื่องเที่ยวล่าสุด แต่ในสายตา แซม อัลลาไดซ์ นายใหญ่แห่งถิ่นกูดิสัน ปาร์ค กลับไม่คิดเช่นนั้น เมื่อยังไม่ให้นักเตะลงไปสัมผัสเกมเลยแม้แต่นาทีเดียวในทีมชุดใหญ่ซีซั่นนี้

รอสส์ บาร์คลีย์ (เชลซี)

หลายคนลืมไปแล้วว่าเมื่อตลาดนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมา เชลซีได้ซื้อตัวมิดฟิลด์ตัวใหม่มาเสริมทัพในแดนกลางของพวกเขาด้วย

ค่าตัว 15 ล้านปอนด์ ที่จ่ายให้เอฟวเอร์ตัน ถูกมองว่าคุ้มค่าไม่น้อยสำหรับทีมของอันโตนิโอ คอนเต ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียนในตอนนั้น ซึ่งได้เจียดเม็ดเงินของเสี่ยหมีเพื่อแลกกับกองกลางอนาคตไกลของอังกฤษ วัยเพียง 24 ปี ที่เคยได้รับการจับตาว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของอังกฤษ

อย่างไรก็ตามไม่แน่ใจว่าเป็นโชคร้ายของ “สิงโตน้ำเงินคราม” หรือโชคดีของเอฟเวอร์ตัน เพราะเมื่อสลัดคราบมาอยู่กับเศรษฐีแห่งกรุงลอนดอน บาร์คลีย์ เพิ่งมีโอกาสโชว์ฝีเท้าให้ต้นสังกัดใหม่ไปเพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าที่ติดตัวมากับทีมเก่ากลับมากำเริบจนแข้งป้ายแดงต้องเสียเวลาไปกับการพักรักษาตัวเสียส่วนใหญ่ โดยเกมล่าสุดที่ได้เห็นมิดฟิลด์รายนี้อยู่ในสนามต้องย้อนกลับไปนัดที่ “สิงห์บลูส์” พ่ายบอร์นมัธ แบบย่อยยับ 0-3 เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

บาร์คลีย์ เคยออกมายอมรับว่าปัญหาความฟิตคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลงานของเขาไม่เหมือนเดิม โดยความคืบหน้าล่าสุดนักเตะกำลังอยู่ระหว่างเรียกความฟิตกับทีมยู 23 และยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมามีชื่อในทีมชุดใหญ่อีกเมื่อไหร่

เบนฌาแม็ง เมนดี (แมนฯ ซิตี)

การเข้าปะทะกับ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ปีกคริสตัล พาเลซ เมื่อช่วงต้นฤดูกาล ได้เปลี่ยนเส้นทางอันสดใสของฟูลแบ็กค่าตัวสถิติโลกชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

แบ็กซ้ายเจ้าของค่าตัว 52 ล้านปอนด์ ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ 30 นาทีแรกในเกมที่ต้นสังกัด “เรือใบสีฟ้า” ปูพรมถล่ม “ดิ อีเกิลส์” 5-0 ที่อิติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งนับแต่นั้นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็ค่อยๆ เดินหน้าเก็บชัยมาเรื่อยๆ กระทั่งจ่อขึ้นแท่นเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ส่วนฟูลแบ็กอนาคตไกลกลับมัวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า

แม้ข่าวดีล่าสุดจะยืนยันว่าอดีตฟูลแบ็กโมนาโกกลับมาลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้วเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่นายใหญ่อย่าง กวาร์ดิโอลา ก็ไม่กล้าคอนเฟิร์มว่านักเตะจะพร้อมลงช่วยทีมได้ตอนไหน

ซานติ กาซอร์ลา (อาร์เซนอล)

ใกล้จะเจริญรอยตามอดีต อาบู ดิยาบี เพื่อนร่วมทีมเข้าไปทุกขณะ สำหรับมิดฟิลด์ร่างเล็กชาวสเปนที่นับถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะ 2 ปีเต็มที่สาวกเดอะกันเนอร์สไม่ได้เห็นเขาโชว์เพลงแข้งในสนาม

ตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายในเกมดวลกับลูโดโกเรตส์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อเดือนตุลาคมปี 2016 อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส ก็ไม่เคยมีโอกาสได้เรียกใช้บริการห้องเครื่องที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2012 รายนี้อีกเลย

ระหว่างที่ร้างสนาม กาซอร์ลา เผชิญกับการเข้ารับการผ่าตัดถึง 8 ครั้ง สูญเสียเนื้อจากการผ่าตัดไป 8 ซม. และร้ายแรงถึงขนาดต้องตัดเนื้อที่แขนมาปิดแทนเลยทีเดียว ซ้ำร้ายกว่านั้นแผลผ่าตัดเจ้ากรรมดันติดเชื้อจนเกือบถึงขั้นต้องตัดทิ้ง แต่ในโชคร้ายยังมีโชคดีผสมอยู่บ้างเมื่อสามารถฝ่าฟันอุปสรรคจนกลับมาเดินได้และกำลังเรียกความฟิตเพื่อกลับมาลงสนาม แต่คำถามสำคัญคือเมื่อไหร่? เท่านั้น

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหลืออีกแค่ 6-7 นัดจะจบฤดูกาล ซึ่งแฟนบอลส่วนใหญ่คงรอลุ้นว่า ซาลาห์ หรือแมนฯ ซิตี จะเริ่มทุบสถิติหรือฉลองกันตั้งแต่นัดไหน อย่างไรก็ตามหากลองไปถามกลุ่มนักเตะที่ยกตัวอย่างมา บางทีคำตอบของพวกเขาอาจไม่ต้องการอะไรมากนอกจากโอกาสลงไปสัมผัสเกมแค่นาทีเดียวก็เพียงพอแล้ว

เรียบเรียงโดย : พชร นาคจู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ