ข่าว

เส้นทางสู่"รองเท้าทองคำ" เกียรติยศยอดดาวยิงยุโรป 2017-2018

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เวลานี้การขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งแชมป์ของบรรดา 5 ลีกชั้นนำยุโรปอาจไม่เหลือลุ้นอะไรมากนัก

แต่หากนับเฉพาะผลงานรายบุคคลโดยเฉพาะการขับเคี่ยวตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของยุโรป หรือ “รางวัลรองเท้าทองคำ" นั้น ถือว่ายังคงความเข้มข้นมากทีเดียวซึ่งบางทีอาจต้องลุ้นกันถึงเกมสุดท้ายของฤดูกาลถึงจะทราบว่าดาวยิงรายใดจะขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ของมือสังหารยุโรป

 

อันดับ 5 โจนาส (เบนฟิกา)

33 ประตู 49.5 แต้ม

โจนาส กอนคัลเวส เป็นที่รู้จักของแฟนบอลสมัยที่ค้าแข้งให้บาเลนเซีย แต่การค้าแข้งในแดนกระทิงดุไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจนโยกมาอยู่กับเหยี่ยวลิสบอน เมื่อปี 2014 และเป็นที่นี่เองที่ทำให้สามารถระเบิดฟอร์มถล่มประตูได้ต่อเนื่องจนนำโด่งเป็นดาวซัลโวลีกฝอยทองจากการกดไป 33 ประตู

ถึงกระนั้นโอกาสที่จะแซงหน้าขึ้นไปถึงตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของยุโรปคงไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยค่าสัมประสิทธิ์การคิดคะแนนของลีกโปรตุเกสที่เป็นรอง 5 ลีกชั้นนำยุโรป ทำให้ดูแล้วตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในลีกเท่านั้นที่ดาวยิงรายนี้จะมาได้ไกลที่สุด

 

อันดับ 4 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี (บาเยิร์น มิวนิค)

26 ประตู 52 แต้ม

2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้หัวกหอกสัญชาติโปแลนด์ยิงแตะหลัก 30 ประตูในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี และถูกยกให้เป็นดาวยิงต่างแดนที่มีสถิติพังตาข่ายสูงสุดในทีมเสือใต้

ย้อนกลับไปในเกมนัดที่ 26 ของฤดูกาล เลวานดอฟสกี กดแฮตทริกใส่คู่ปรับตลอดกาลอย่างฮัมบูร์ก เอสวี 6-0 โดยนอกจากเป็นการฉลองที่ซัดครบ 100 ประตูบนเวทีบุนเดสลีกาให้บาเยิร์น มิวนิค แล้ว สามประตูในเกมนั้นยังทำให้ยอดรวมในการพังตาข่ายนับรวมทุกรายการที่กระทุ้งให้ยอดทีมแห่งแคว้นบาวาเรียถูกระบุไว้ที่ 142 ประตู จาก 182 เกม ทำลายสถิติเดิมของ โจวานี เอลแบร์ ตำนานบราซิเลียน ที่เคยทำไว้ 139 ประตู จาก 265 เกม ก่อนที่ยอดรวมจะถูกบวกเพิ่มเป็น 145 ประตู หลังจากดาวยิงเลือดโปลเหมาแฮตทริกหนที่ 2 ในซีซั่นนี้ ในนัดถล่ม โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ อดีตต้นสังกัด 6-0 ในเกมลีกที่ดาวยิงวัย 29 ปี ลงรับใช้ทีมนัดล่าสุด 

อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับการยอมรับว่าเป็นดาวยิงที่ผลิตตาข่ายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ "เลวานดอฟสกี" ก็ยังไม่เคยก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของยุโรปแม้แต่สมัยเดียว

 

อันดับ 3 ชิโร อิมโมบิเล (ลาซิโอ)

27 ประตู 57 แต้ม

ในระดับชาติ “อิมโมบิเล” อาจไม่ใช่ดาวยิงที่ผลิตสกอร์ได้มากนัก แต่ในสีเสื้อสโมสรต้องยอมรับว่าหัวหอกรายนี้มีสถิติที่ไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว

2 ฤดูกาลหลังสุด อิมโมบิเล ยิงแตะหลัก 20 ประตูขึ้นให้ลาซิโอ โดยซีซั่นแรกรัวไป 23 ประตู จนคว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของทีม ขณะที่ 27 ประตูในฤดูกาลนี้ ที่ยิงให้ “อินทรีฟ้าขาว” จนนำโด่งเป็นดาวซัลโวของลีกยังถือเป็นตัวเลขพังตาข่ายที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ค้าแข้งบนลีกสูงสุดแดนรองเท้าบู๊ทมาเลยทีเดียว และตัวเลขพังตาข่ายดังกล่าวยังช่วยส่งให้ ลาซิโอ ต้นสังกัดเป็นทีมที่มีเกมรุกอันตรายที่สุดในลีกจากสถิติที่ระบุว่ายอดทีมแห่งกรุงโรมยิงคู่แข่งได้มากสุด 75 ประตู จาก 31 นัดที่ผ่านมา

 

อันดับ 2 โมฮาเหม็ด ซาลาห์

29 ประตู 58 แต้ม

ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดของดาวเตะอียิปต์ โดยนอกจากเดินหน้าทุบทุกสถิติบนเกาะอังกฤษแล้ว เวลานี้ปีกวัย 25 ปี กำลังมีลุ้นตำแหน่ง “โกลเดนบู๊ท” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ออกมาค้าแข้งยังแผ่นดินยุโรปเมื่อปี 2012

เวลานี้ ซาลาห์ นำโด่งเป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จากการซัดไปทั้งหมด 29 ประตู จาก 31 นัด ทิ้งห่าง แฮร์รี เคน หัวหอกคู่แข่งทอตแนม ฮอตสเปอร์ อันดับ 2 อยู่ 4 ลูก โดยจากจำนวนทั้งหมดปีกร่างเล็กสามารถเหมาคนเดียว 4 ลูก ไป 1 เกม ในชัยชนะที่มีต่อวัตฟอร์ด 5-0 แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นการบันทึกชื่อตัวเองว่าเป็นนักเตะแดนฟาโรห์รายแรกที่มากระทุ้งแฮตทริกบนลีกสูงสุดเมืองผู้ดี และมีอีก 5 เกมที่เหมาคนเดียว 2 ประตู

หากมองถึงตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกที่เหลือโอกาสให้ "ซาลาห์" บวกสกอร์เพิ่มอีก 5 นัด ก็นับว่ามีโอกาสไม่น้อยที่ขึ้นแท่นเป็นดาวยิงสูงสุดได้ไม่ยาก แต่ถ้าว่ากันถึงตำแหน่งรองเท้าทองคำ อาจถือเป็นงานหนักทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ต้องมาขับเคี่ยวกับคู่แข่งที่ถูกยกให้เป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลก

 

อันดับ 1 ลิโอเนล เมสซี (บาร์เซโลนา)

29 ประตู 58 แต้ม

อัจฉริยะลูกหนังวัย 30 ปี หอบรางวัลรองเท้าทองคำไปแล้ว 4 สมัย (2010, 2012, 2013 และ 2017) และตอนนี้กำลังอยู่บนเส้นทางลุ้นตำแหน่งดังกล่าวเป็นสมัยที่ 5 ของตัวเอง

4 สมัยก่อนหน้านี้ของ"เมสซี"เกิดขึ้นในฤดูกาล 2009-10 (34 ลูก), 2011–12 (50 ลูก), 2012–13 (46 ลูก), 2016–17 (37 ลูก) โดยซีซั่น 2011-12 ที่รัวตาข่ายในลีกไป 50 ประตู ยังถือเป็นสถิติตัวเลขสูงสุดของดาวยิงที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวยุโรปแถมสตาร์อาร์เจนไตน์ยังเป็นดาวเตะคนแรกที่คว้าตำแหน่ง “โกลเดนบู๊ท” ได้ถึง 3 สมัย

โดยเกมล่าสุดที่กดแฮตทริกที่ 40 ของตัวเองใส่เลกาเนส ในชัยชนะ 3-1 ของศึกลาลีกา สเปน เมื่อวันเสาร์ที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้เวลานี้ดาวยิงบาร์เซโลนา รั้งตำแหน่งดาวซัลโวยุโรปในอันดับ 1 ร่วมกับโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ของลิเวอร์พูล จากการซัดรวมในลีกเท่ากันที่ 29 ประตู

จากจำนวนพังตาข่ายทั้งหมดในซีซั่นนี้แบ่งเป็นการเหมาคนเดียว 4 ลูกไป 1 นัด (เกมถล่ม เออิบาร์ 6-1) แฮตทริก 3 ครั้ง (ชนะ เออิบาร์ 6-1, ชนะ เอสปันญอล 5-0 และชนะ เลกาเนส 3-1) และกดแมทช์ละ 2 ลูกอีก 5 นัดด้วยกัน ขณะที่ลีกสูงสุดกระทิงดุยังเหลือโปรแกรมอีก 7 นัด ก็ต้องมาดูว่า เมสซี จะเหมาซัดให้ทีมในลีกได้กี่ประตูและมากพอที่จะทำให้ครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดยุโรปเป็นสมัยที่ 5 ได้หรือเปล่า

รางวัล"รองเท้าทองคำ"มีพิธีมอบอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อฤดูกาล 1967-68 โดย "ยูเซบิโอ" ตำนานดาวยิงโปรตุเกส คือ ดาวยิงที่คว้าตำแหน่งดังกล่าวไปครองจากการพังตาข่ายไปทั้งสิ้น 42 ประตู

ขณะที่ คริสเตียโน โรนัลโด กับ ลิโอเนล เมสซี เป็น 2 สตาร์ดังที่กวาดรางวัลนี้ไปสูงสุด 4 สมัย 

ส่วนในปีนี้กับช่วงโค้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ก่อนจะปิดฤดูกาลคงต้องมาลุ้นกันว่าดาวยิงค่ายไหนจะสลุตคาข่ายจนขึ้นแท่นรางวัลเกียรติยศที่มีอายุมานานกว่า 51 ปี ไปครองได้สำเร็จ

เรียบเรียงโดย : พชร นาคจู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ