ข่าว

"กษม ชนะวงศ์" 12 ปีของนักเดินทางเพื่อศักดิ์ศรีขอนแก่น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผลงานของ "เดอะทีเร็กซ์" ขอนแก่น เอฟซี ประจำฤดูกาล 2018 ทีมในไทยลีก 2 คือการเลื่อนชั้นขึ้นมายังลีกรองเป็นปีแรกขณะที่ฤดูกาล 2017 เล่นอยู่ในไทยลีก 3

และจบผลงานในฐานะแชมป์ไทยลีก 3 กลุ่มตอนบน จนได้สิทธิ์เลื่อนชั้นซึ่งหากมองในแง่ของประวัติศาสตร์ในการก่อตั้งสโมสรขอนแก่น เอฟซี  นี่คือการเข้าสู่ปีที่ 12

เส้นทางฟุตบอลอาชีพตลอด 12 ปี ของขอนแก่น เอฟซี คือการผ่านจุดที่สูงสุดคือได้เลื่อนชั้นเล่นไปไทยพรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2011 กระทั่งตกชั้นลงไปอยู่ลีกภูมิภาค และปัจจุบันทำผลงานเพื่อเลื่อนชั้นไปยังลีกสูงสุด สำหรับขอนแก่น เอฟซี มีสัญญาณที่บ่งบอกนับจากฤดูกาล 2016 “เดอะทีเร็กซ์” ในขณะนั้นเป็นการคุมทัพของ “ทามะซัง” มาซายูกิ มิอูระ เฮดโค้ชชาวญี่ปุน ที่ถูกส่งตัวมาจาก คอนซาโดเล ซับโปโร สโมสรฟุตบอลที่เป็นพันธมิตรจากญี่ปุ่น

ผลงานที่ทำไว้ของ “ทามะซัง” คือการส่งต่อขอนแก่น เอฟซี ให้มาเล่นไทยลีก 3 และจากไทยลีก 3 เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นยังไทยลีก 2 ก็เป็นการคุมทัพของ “โค้ชจุ่น “อนุรักษ์ ศรีเกิด บุคลากรที่มาจากการสนับสนุนของบางกอกกล๊าส เอฟซี หรือบีจี พันธมิตรอีกด้านของ ขอนแก่น เอฟซี

“ถ้าดูจากเส้นทางในการทำผลงานแล้วในช่วง 2 ปีให้หลัง คือฤดูกาล 2016 และ 2017 คือรอยต่อของความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ทั้งจากพันธมิตรที่ช่วยเหลือเรามาโดยตลอดอย่างคอนซาโดเล ซับโปโร ที่ส่งทั้งโค้ชทามะซัง มาวางระบบให้ทีม หรือแม้แต่การส่งตัวผู้เล่นชาวญี่ปุ่นเข้ามาช่วยทีม นี่คือน้ำใจที่ขอนแก่นได้รับในขณะที่ฤดูกาล 2017 เราได้พันธมิตรอย่างกลุ่มบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เข้ามาเป็นหุ้นส่วน นี่คือปัจจัยเชิงบวกที่ส่งผลต่อทิศทางของทีมมาจนถึงปัจจุบัน” ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ ให้สัมภาษณ์ “คม ชัด ลึก" 

 

แรงหนุนจากพันธมิตรสู่การสร้างโอกาส

หากวิเคราะห์จากความเปลี่ยนแปลงที่ส่งสัญญาณในเชิงบวกทั้งฤดูกาล 2016 และ 2017 จะเห็นได้ถึง ”น้ำใจ” จากพันธมิตรที่มีให้ขอนแก่น ทั้งที่มาจาก คอนซาโดเล ซัปโปโร จนมาถึงการสนับสนุนของกลุ่ม บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทั้ง สันติ ภิรมย์ภักดี และ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มล้วนเป็นตัวเร่งให้ขอนแก่น เอฟซี ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และที่ต้องบันทึกเอาไว้ก็คือความร่วมมือจากเดิมที่เป็นผู้สนับสนุนของกลุ่มสิงห์ สู่การเป็นหุ้นส่วน หรือเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุน

“พันธมิตรที่เข้ามาสนับสนุนสโมสรขอนแก่น เอฟซี เราได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายทั้งธุรกิจในท้องถิ่นต่อเนื่องไปจนถึงระดับชาติซึ่งในท้องถิ่นเรามีโรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น, ขอนแก่น ช.ทวี, พิมานกรุ๊ป ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบุญรอด จากโรงงานในเขต อ.ท่าพระจ.ขอนแก่น, กลุ่มตลาดประตูน้ำได้โนวอเตอร์พาร์ค, โตโยต้าแก่นนนคร ขณะที่พันธมิตรระดับชาติ เช่น วาโก้ CWX สหพัฒนพิบูล จำกัด ผลิตภัณฑ์กีฬาแกรนด์สปอร์ต กระทั่งมาถึงกลุ่มบริษัทบุญรอดบริเวอรี่ จำกัด นี่คือน้ำใจที่เราได้รับที่ต่างเชื่อมั่นในขอนแก่น เอฟซี"

 

ดิ้นรนทุกทางเพื่อให้สโมสรเดินหน้า

ผศ.ดร.กษม กล่าวว่า หากย้อนไปในอดีตการสร้างทีมขอนแก่น เอฟซี เชื่อว่าไม่ต่างไปจากสโมสรอื่นๆ ที่ประธานสโมสรต้องรับบทหนักในการบริหารจัดการ โดยช่วงหนึ่งที่ทำทีมก็ต้องใช้วิธีแลกเช็ค หรือหมุนเงินจากสถาบันการศึกษามาใช้ทำทีมเพราะต้องการให้ทุกคนในทีมมีรายได้ เพราะทราบดีว่าทุกคนมีภาระจนมาถึงปัจจุบันนี้ที่ทุกอย่างลงตัว

“หากมองจากการตอบรับสิ่งที่ผมมั่นใจก็คือ หากถึงวันหนึ่งผมต้องวางมือไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามผู้ที่เข้ามารับงานต่อจะสานภารกิจและนำพาองค์กรให้ก้าวไปได้ 12 ปีในการทำทีมฟุตบอลของผม ไม่ต่างจากนักเดินทางที่ต้องใช้ระยะเวลา ต้องเดินไปให้ถึงปลายทาง แน่นอนว่าระหว่างทางอาจจะล้มบ้าง บาดเจ็บบ้าง ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม แต่ผมพยายามผ่านไปให้ ได้เรียนรู้และเข้าใจว่าถ้าไม่เกิดปัญหาเราก็จะไม่เกิดปัญญา นี่คือสิ่งที่ผมได้รับการปลูกฝังมาจากคุณพ่อ (นพ.กระแส ชนะวงศ์) การทำทีมฟุตบอลของผมไม่ได้มองไปที่ผลการแพ้ชนะ แต่ผมมองไปถึงการได้เรียนรู้ถึงปรัชญาการสร้างวิธีคิด ทำอย่างไรให้ชนะใจทั้งทีม ชนะใจคนดู หรือกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามรวมไปถึงชนะใจกรรมการ นี่คือสิ่งที่ผมให้ความสำคัญ การทำทีมขอนแก่น เอฟซี ด้านหนึ่งที่ผมภาคภูมิใจคือ การทำให้สโมสรแห่งนี้เป็นศักดิ์ศรีของขอนแก่น เป็นความภูมิใจที่ได้ทำให้ทีมเล็กเป็นกระบอกเสียงถึงความมุ่งมั่นของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการนำฟุตบอลมารับใช้สังคมสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น”

 

งานปลุกปั้นทีมฟุตบอลคือการเสียสละ

ประธานสโมสรขอนแก่น เอฟซี กล่าวด้วยว่า ตลอด 12 ปี ของการทำทีม เดินทางมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 จังหวัด ทั้งในฟุตบอลโปรวินเชียลลีก มาจนถึงลีกภูมิภาค ไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 ดังนั้นอยากให้กำลังใจผู้บริหารสโมสรทุกทีม เพราะงานด้านนี้สำหรับทีมฟุตบอลขนาดเล็กแล้ว คืองานที่ต้องเสียสละ และเป็นภาระที่ต้องแบกรับอย่างแท้จริง

“ความฝันสำหรับนักเดินทางอย่างผม คือการพาทีม พากองเชียร์ ไปสัมผัสรรยากาศของเกมฟุตบอลไม่ว่าจะเป็นที่สนามช้างอารีน่า ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, เอสซีจี สเตเดี้ยม ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หรือแม้แต่ลีโอ สเตเดี้ยม ของบางกอกกล๊าส เอฟซี ขณะเดียวกันก็อยากให้สนามของเราที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น มีโอกาสต้อนรับทีมฟุตบอลชั้นนำในไทยลีก เพราะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า เราประสบความสำเร็จในการเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก อยากให้แฟนบอลและคนขอนแก่นเกิดความภาคภูมิใจว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำงานหนักก็เพราะต้องการให้ฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชื่อเสียง สร้างการยอมรับเพราะนี่คือบ้านของเรา” ผศ.ดร.กษม กล่าว

เป็นภาพด้านหนึ่งในความทรงจำตลอด 12 ปี ของ ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ ในทีมฟุตบอลที่ชื่อขอนแก่น เอฟซี

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ