11 แข้งแห่งปีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2017-18

 โดย 11 นักเตะในระบบ 4-3-3 มีผู้เล่นจากทีมแชมป์อย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ติดโผมากที่สุด 5 ราย ส่วนดาวเตะที่ผลงานจับต้องได้ทั้ง ดาบิด เด เคอา จอมหนึบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แฮร์รี เคน มือเพชฌฆาตของสเปอร์ส และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกดาวซัลโว 30 ประตูของลิเวอร์พูล ก็ไม่พลาดจะเข้ามาติดทำเนียบทีมยอดเยี่ยมแห่งปีนี้เช่นกัน

ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เคอา (แมนฯ ยูไนเต็ด)

ถือว่าไม่พลิกโผแต่อย่างใดสำหรับตำแหน่งนี้ที่ตลอดทั้งฤดูกาลไม่มีนายทวารคนไหนจะฝีมือเหนียวแน่นหนึบไปกว่ามือ 1 ของแมนฯ ยูไนเต็ดรายนี้อีกแล้ว

ตลอด 34 นัดที่ลงเฝ้าเสาให้ “ปีศาจแดง” เด เคอา คือผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีตไปมากที่สุด 16 นัด แถมมีเปอร์เซ็นต์การเซฟสูงถึง 80% ติดอยู่ในลำดับ 3 ของผู้รักษาประตูในบรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่มีเปอร์เซ็นต์การป้องกันประตูสูงที่สุด

เท่านั้นไม่พอนายด่านชาวสเปนวัย 27 ปี ยังนับเป็นผู้รักษาประตูที่ยืนระยะได้ดีที่สุดบนเกาะอังกฤษจากสถิติติดทีมยอดเยี่ยม 5 จากทั้งหมด 7 ซีซั่นที่เฝ้าเสาบนลีกสูงสุดของอังกฤษ แถม 4 ครั้งหลังสุดยังเกิดขึ้นในช่วง 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา

แบ็กขวา : ไคล์ วอล์คเกอร์ (แมนฯ ซิตี)

ฟูลแบ็กวัย 27 ปี โชว์ฟอร์มรักษาชื่อเสียงแบ็กค่าตัวแพงสุดในโลก 57 ล้านปอนด์ไว้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีในปีแรกที่เปลี่ยนสีเสื้อมาอยู่กับทีมแชมป์แมนเชสเตอร์ ซิตี

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไคล์ วอล์คเกอร์ คือคนที่เข้ามาแก้ปัญหาริมเส้นภายใต้ปรัชญาทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้ตรงจุดที่สุดและมีส่วนสำคัญต่อการเดินหน้าสร้างผลงานร้อนแรงจนฉุดไม่อยู่ นอกจากนี้ถ้าไม่นับบรรดาแนวรุกอย่าง ลีรอย ซาเน, ราฮีม สเตอร์ลิง หรือ เควิน เดอ บรอยน์ อดีตดาวเตะทอตแนม ฮอตสเปอร์ คือนักเตะที่ทำแอสต์ซิสต์มากสุด 6 ครั้ง ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดตั้งแต่พะเนียงแข้งบนลีกสูงสุดของอังกฤษมาเลยทีเดียว

เซ็นเตอร์แบ็ก : แยน แฟร์ทองเกน (สเปอร์ส)

จากสถิติคลีนชีตทั้งหมดที่ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ต้นสังกัดทำได้ในลีกฤดูกาลนี้มีเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นที่ปราการหลังสัญชาติเบลเยียมไม่ได้อยู่ประจำการในแนวรับ

ตัวเลขในการบัญชาการเกมรับของแฟร์ทองเกน ทั้งจำนวนเข้าสกัด (63 ครั้ง), ดักทางบอล (58 ครั้ง), เคลียร์บอล (148 ครั้ง) และการเอาชนะลูกกลางอากาศ (109 ครั้ง) ดาวเตะที่อยู่รับใช้ “ไก่เดือยทอง” มานานกว่า 6 ฤดูกาล ติดชาร์ตในอันดับ 1 ทั้งหมด

เซ็นเตอร์แบ็ก : นิโคลัส โอตาเมนดี (แมนฯ ซิตี)

ตลอด 3 ซีซั่นนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม “เรือใบสีฟ้า” เมื่อปี 2015 ไม่มีฤดูกาลไหนที่น่าจดจำสำหรับปราการหลังอาร์เจนไตน์เท่าซีซั่นนี้อีกแล้ว

โอตาเมนดี ก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจในแนวรับแบบเลี่ยงไม่ได้หลัง แวงซองต์ กอมปานี กับ จอห์น สโตนส์ ต้องเผชิญปัญหาบาดเจ็บเล่นงานจนไม่อาจช่วยทีมเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยกองหลังอาร์เจนไตน์ยังเป็นดาวเตะที่ครองสถิติสำคัญทั้งผ่านบอลมากสุด 2,902 ครั้ง มากที่สุดในบรรดานักเตะทุกคนของพรีเมียร์ลีก และจากจำนวนทั้งหมดเป็นการผ่านบอลสำเร็จถึง 2,665 ครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่เข้าสกัดบอลมากที่สุดในทีม 116 ครั้ง

แบ็กซ้าย : มาร์กอส อลอนโซ (เชลซี)

หนึ่งเดียวของค่ายสิงห์บลูส์ที่ถูกจัดเข้ามาอยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปี โดยฤดูกาลนี้ฟูลแบ็กชาวสแปนิชพลาดลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกไปแค่ 2 นัดเท่านั้น นอกจากนี้ 6 ประตูที่ยิงในลีกซีซั่นนี้ยังเป็นตัวเลขที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับผู้เล่นแนวรับด้วยกันที่ผลิตสกอร์ได้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

กองกลาง : ดาบิด ซิลบา (แมนฯ ซิตี)

วัย 32 ปี มิดฟิลด์ร่างเล็กยังถือว่ามีพิษสงและสร้างประโยชน์ให้แมนฯ ซิตี ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสตาร์ดวงใหม่ที่พุ่งขึ้นมาในถิ่นอิติฮัดแต่อย่างใด

ผลงาน 8 ประตู กับอีก 11 แอสซิสต์ สูงสุดเป็นลำดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก (อันดับ 2 ลีรอย ซาเน 12 ครั้ง และอันดับ 1 เควิน เดอ บรอยน์ 15 ครั้ง) จากจำนวน 27 นัดที่ลงเล่น ถือเป็นอีกกลไกสำคัญที่พาเรือใบสีฟ้าเข้าป้ายแชมป์ลีก และที่ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนผ่านบอลสำเร็จ 89% ของซิลบา ยังส่งให้เป็นดาวเตะที่ผ่านบอลสมบูรณ์แบบมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อเทียบกับผู้เล่นแนวรุกด้วยกัน

กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯ ซิตี)

ตำแหน่งจอมทัพแห่งปีจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอดีตแข้งถูกเมินจากรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ รายนี้ไปอย่างแน่นอน

ตัวเลขพังตาข่าย 11 ประตู ดูธรรมดาไปเลย เมื่อกางสถิติการสร้างสรรค์เกมต่างๆ ที่ดาวเตะเบลเยียมได้สร้างไว้ ทั้งจำนวนผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูมากกว่านักเตะทุกคนในพรีเมียร์ลีก15 ครั้ง พ่วงด้วยตัวเลขการสร้างสรรค์เกมรุกในอันดับ 1 อีก 3 สถิติ (ออกบอลมากสุด 33 ครั้ง, เปิดบอลมากสุด 219 ครั้ง และสร้างสรรค์โอกาสมากที่สุด 102 ครั้ง) แถมยังเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถทำแอสซิสต์ได้มากกว่า 15 ลูกติดต่อกันนับรวมทุกรายการ

กองกลาง : คริสเตียน อีริคเซน (สเปอร์ส)

ศูนย์หน้าเพื่อนร่วมทีมอย่าง แฮร์รี เคน จะไม่มีทางสลุตตาข่ายได้มากมายเท่าปัจจุบันหากขาดจอมสร้างโอกาสชาวเดนมาร์กรายนี้

ตัวเลขจาก “ออปตา สปอร์ต” บริษัทเก็บรวบรวมสถิติชื่อดังของอังกฤษ ระบุว่า อีริคเซน สร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้ดาวยิงทีมชาติอังกฤษในฤดูกาลนี้ไปถึง 35 ครั้ง และจำนวนดังกล่าวถือเป็นการสร้างสรรค์โอกาสมากที่สุดที่นักเตะคนหนึ่งสามารถทำได้ในฤดูกาลนี้

กองหน้า : เซร์คิโอ อเกวโร (แมนฯ ซิตี)

ถึงจะหายหน้าหายตาจากทีมไปในระยะหลัง แต่เจ้าของตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรก็ยังพกตัวเลขพังตาข่ายที่ไม่ธรรมดาจนได้รับเลือกให้เข้ามาติดโผเที่ยวนี้

ปัญหาอาการบาดเจ็บประกอบกับแนวทางทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำให้ซีซั่นนี้ อเกวโร ไม่ได้ลงล่าตาข่ายเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนเก่า แต่ด้วยสัญชาตญาณเพชฌฆาตที่มีในตัวทำให้ฤดูกาลนี้ยังคงผลิตสกอร์ให้ทีมไป 21 ลูก และครองตำแหน่งดาวซัลโวของทีมอยู่ในเวลานี้ และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือนี่เป็นครั้งแรกที่ดาวยิงฟ้าขาว ติดทีมยอดเยี่ยมพีเอฟเอนับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งยังลีกสูงสุดของอังกฤษเมื่อปี 2011

กองหน้า : แฮร์รี เคน (สเปอร์ส)

นอกจาก เธียร์รี อองรี กับ อลัน เชียเรอร์ ก็มีเพียงดาวยิงจากค่ายไก่เดือยทองรายนี้เท่านั้นที่ถูกบันทึกว่าเป็นผู้เล่นที่สามารถผลิตตาข่าย 25 ลูกขึ้นไป มากกว่า 3 ฤดูกาล

เจ้าของตำแหน่งรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 26 ประตู นอกจากลุ้นแย่งตำแหน่งดาวยิงสูงสุดในลีกแล้ว เวลานี้ เคน ยังมีสิทธิ์บันทึกชื่อเป็นนักเตะคนแรกตั้งแต่หมดยุคของอองรี ที่สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวได้ 3 สมัยติดต่อกัน

กองหน้า : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

เป็นนักเตะคนแรกในรอบ 10 ปีของพรีเมียร์ลีก ที่ทะลวงตาข่ายนับรวมทุกรายการแตะหลัก 40 ประตูขึ้นไป นับจากครั้งสุดท้ายที่ คริสเตียโน โรนัลโด ทำไว้กับแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2007-2008

“ออปตา สปอร์ต” ระบุว่า ตัวเลข 30 ประตูที่ทำให้ครองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ และอีก 11 แอสซิสต์ที่ผ่านบอลให้เพื่อนยิงประตู คิดเป็น 15 แต้ม จากทั้งหมด 70 คะแนนที่ลิเวอร์พูล เก็บไปทั้งหมด ขณะเดียวกันแนวรุกเลือดฟาโรห์มีส่วนร่วมถึง 51% จาก 75 ประตูที่หงส์แดงซัดไปในลีกซีซั่นนี้อีกด้วย (ซาลาห์ ไม่ได้ลงเล่นในลีก 2 นัด จากจำนวน 78 ประตูทั้งหมดที่ทีมทำได้)

รางวัลทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ เริ่มจัดกันครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 1973-1974 ปีเตอร์ ชิลตัน ตำนานผู้รักษาประตูของอังกฤษเป็นนักเตะที่ติดทีมแห่งปีมากที่สุด 10 ครั้ง ขณะที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตดาวเตะลิเวอร์พูล ติดมากที่สุด 8 ครั้ง ตั้งแต่ลีกสูงสุดเปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ลีก

ส่วนในยุคปัจจุบันมีเพียง ดาบิด เด เคอา (แมนฯ ยูไนเต็ด) กับ เอแดน อาซาร์ (เชลซี) 2 คนเท่านั้นที่ถูกโหวตให้ติดชาร์ตมากที่สุด 5 ครั้ง และ 4 ครั้งตามลำดับ

 

เรียบเรียงโดย : พชร นาคจู