"ชาเควม กริฟฟิน"หนึ่งมือ-หนึ่งความฝันสู่เส้นทางเอ็นเอฟแอล

     ผลปรากฏว่า คลีฟแลนด์ บราวน์ส ที่ได้สิทธิ์ดราฟต์อันดับ 1 จากการเป็นอันดับสุดท้ายของซีซั่นที่แล้ว จัดการคว้าตัว เบเกอร์ เมย์ฟิลด์ ควอเตอร์แบ็กดาวโรจน์ ซึ่งเป็นผลผลิตจากมหาวิทยาลัย โอคลาโฮมา เข้าสู่ทีม

    สำหรับการดราฟต์ตัวผู้เล่นของศึกคนชนคนของแดนมะกันนั้น คือระบบการดึงตัวผู้เล่นดาวรุ่งเข้าสู่ทีมจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีฟอร์มการเล่นโดเด่นเข้าสู่ทีมแบบฟรีๆ โดยลำดับการดราฟต์นั้นจะให้สิทธิ์ทีมที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดของซีซั่นที่ผ่านมาก่อน และไล่เรียงอันดับไปจนถึงทีมแชมป์ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในเรื่องของตัวผู้เล่นของทั้ง 32 ทีม

     อย่างไรก็ตามในการดราฟต์ของปีนี้มีเรื่องซึ่งเป็นประเด็นให้พูดถึงกันทั้งวงการกีฬาของสหรัฐ รวมถึงทั่วโลก นั่นก็คือการที่ ซีแอตเทิล ซีฮอว์กส์ เลือก ชาเควม กริฟฟิน ไลน์แบ็กเกอร์คนเก่งจากมหาวิทยาลัย เซ็นทรัล ฟลอริดา มาเสริมทัพ แต่มันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดหากเจ้าตัวไม่ได้มีมือขวาเพียงมือเดียว

     โดยการเลือกตัวในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ ซีฮอว์กส์ จะสร้างกระแสในโลกโซเชียล หรือเป็นเพราะเรื่องบังเอิญแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะฝีมือ,ความฝัน และหัวจิตหัวใจของผู้เล่นวัย 22 ปีรายนี้คนนี้ล้วนๆที่ส่งเขาขึ้นมาอยู่ในจุดนี้ได้

ความฝันที่หลุดลอย?

     ชาเควม เกิดมาพร้อมกับ ชาควิลล์ พี่ชายฝาแฝด เมื่อปี 1995 อย่างไรก็ตามด้วยโชคชะตา หรือความโชคร้ายทำให้เจ้าตัวต้องป่วยเป็นโรค “แอมโนติค แบนด์ ซินโดรม” ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของน้ำคร่ำ และส่งผลให้มือซ้ายของเขาไม่เจริญเติบโต ก่อนจะถูกตัดมือซ้ายทิ้งตั้งแต่อายุได้ 4 ขวบ
     อย่างไรก็ตามแม้จะเสียมือซ้ายไป แต่เลือดของนักกีฬาของเจ้าตัวก็ยังอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เพราะเขาก็ยังมุ่งเอาดีทางด้านกีฬาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยเริ่มจากกีฬาซึ่งไม่ต้องใช้มือซ้าย ทั้งเบสบอล และกรีฑา ก่อนจะพัฒนามาเล่นอเมริกันฟุตบอลแบบเต็มตัวเคียงข้างกับ ชาควิลล์ พี่ชายของเขา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อย่างแซ่ซ้องรอบๆตัวว่าไม่ควรจะเลือกเส้นทางนี้
      แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเสียงวิจารณ์เหล่านั้น และมุ่งมั่นฝึกซ้มอย่างหนักทั้งการยกน้ำหนักด้วยค่ามาตรฐานของ เอ็นเอฟแอล ที่ 225 ปอนด์ได้ด้วยมือเดียว โดยมีแค่แขนเดียวประคอง รวมไปถึงการฝึกวิ่งระยะสั้นอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น

ฉายแววยอดนักกีฬา

     ถึงกระนั้นด้วยพรสวรรค์ด้านกีฬาก็ทำให้เขาได้รับทุนการศึกษาจากทางมหาวิทยาลัย เซ็นทรัล ฟลอริดา ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะสุดยอดผู้เล่นมากมายให้เข้าศึกษาฟรี ขณะที่ ชาควิลล์ เลือกไปอยู่กับมหาวิทยาลัย ไมอามี ทำให้เขาต้องเผชิญกับการเล่นโดยไม่มีพี่ชายฝาแฝดเป็นครั้งแรกภายใต้การฝึกปรือของโค้ช จอร์จ โอเลียรี ในตำแหน่งไลน์แบ็กเกอร์   
      โดยในซีซั่นแรกที่เขาลงเล่นให้กับมหาวิทยาลัย เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการแย่งลูกได้ถึง 17 ครั้ง และแทคเคิล 30 ครั้ง พร้อมคว้ารางวัลคว้ารางวัลผู้เล่นทีมรับแห่งปี 2016 ของ อเมริกัน แอธเลติก คอนเฟอเรนซ์
      ขณะที่ในซีซั่นที่ 2 ชาเควม ยังรักษามาตรฐานได้ดี และพิสูจน์ว่าการที่เจ้าตัวมีแขนขวาเพียงแขนเดียวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเล่นอเมริกันฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย เพราะเขามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมกุมสถิติ 13-0 ในซีซั่น 2017 จนมีผลงานทั้งหมดกับทีม "ยูซีเอฟ ไนท์" ที่ 92 แทคเคิล, 11.5 แซ็ค, 1 อินเตอร์เซ็ปต์ และ 2 ฟอร์ซ ฟัมเบิล

บันไดสู่เอ็นเอฟแอล

    หลังจากฉายแววได้โดดเด่นจนได้รับการพูดถึงไปทั่วลีกมหาวิทยาลัย ซึ่งหากเป็นผู้เล่นที่มีร่างกายครบ 32 เจ้าตัวจะต้องถูกเลือกเป็นดราฟต์อันดับต้นๆอย่างแน่นอน ถึงกระนั้นด้วยอุปสรรคทางด้านร่างกายทำให้เขาเกือบไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมงาน “สเกาท์ติง คอมไบน์”ซึ่งเป็นงานที่นักกีฬาระดับมหาวิทยาลัยจะเข้ามาทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายเพื่อให้แมวมองจากทีมต่างๆของศึก เอ็นเอฟแอล ชม
     และ ชาเควม ก็ได้เรียกเสียงฮือฮาในการทดสอบทั้งการยกน้ำหนัก 225 ปอนด์ รวม 20 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติที่ดีกว่าผู้เล่นตำแหน่ง ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน อีก 10 คน รวมไปถึงการวิ่งในระยะ 40 หลา ที่เขาใช้เวลาเพียง 4.38 วินาที โดยเป็นรองแค่ผู้เล่นในตำแหน่งปีกนอก 2 รายเท่านั้น ซึ่ง     หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้นเหล่าบรรดาผู้เล่น และเฮดโค้ชใน เอ็นเอฟแอล ต่างออกมาชื่นชมถึงความสามารถของไลน์แบ็กเกอร์มือเดียวรายนี้อย่างคับคั่ง

ผู้เล่นมือเดียวคนแรกในเอ็นเอฟแอล

     เข้าสู่ช่วงดราฟต์ประจำปีของศึกคนชนคน เมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ชาเควม ถูกสื่อคาดหมายว่าเจ้าตัวจะได้รับการดราฟต์ตัวอย่างแน่นอนในรอบนี้ เนื่องจากผลงานที่ยอดเยี่ยมในช่วง คอมไบน์ 2018 ที่ผ่านมา
     และเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ก็มีชื่อของ ชาเควม ที่ถูก ซีแอตเทิล ซีฮอว์กส์ ดราฟต์ตัวไปร่วมทีมเป็นคนที่ 141 ของลีก และกลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของ เอ็นเอฟแอล ที่มีมือข้างเดียว
      โดยหลังประกาศชื่อ ชาเควม ถึงกับร่ำไห้พร้อมกล่าวถึงความรู้สึกว่า "ตอนได้ยินชื่อนั้น ผมแทบหยุดหายใจ ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ผมพยายามคิดคำพูดต่างๆ นานา แต่ก็พูดไม่ออก ผมยินดีรอคอยโอกาสต่อไป นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ซึ่งผมจะพยายามพิสูจน์ตัวเองต่อทุกๆคน"
     นอกจากจะทำตามความฝันสำเร็จแล้ว เขายังจะได้เล่นร่วมทีมกับ ชาควิลล์ พี่ชายที่ถูก ซีฮอว์กส์ ดราฟต์ไปร่วมทีมตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่า พีท คาร์โรลล์ เฮดโค้ชของทีม วางแผนใช้งาน ชาเควม ยืนในตำแหน่งไลน์แบ็กเกอร์ แทนที่ เค.เจ. ไรท์ เนื่องจากมีจุดเด่นด้านความเร็ว และความแข็งแกร่ง

      ต้องมาดูกันว่าเส้นทางของนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพของ ชาเควม กริฟฟิน จะเป็นเช่นไร แต่สิ่งที่เจ้าตัวได้พิสูจน์ให้เพื่อนนักกีฬาด้วยกัน รวมถึงผู้คนทั่วโลกได้เห็นแล้ว นั่นก็คือ ความพยายามคือหนทางแห่งความสำเร็จแม้จะมีอุปสรรคมาขวางกั้นมากมายเพียงใดก็ตาม