ข่าว

"ซาร์ดาร์ อัซมูน"เมสซีแห่งอิหร่านกับการพิสูจน์ตัวเองในบอลโลก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หากจะพูดถึงนักฟุตบอลที่มีอิทธิพลกับวงการลูกหนังโลกมากที่สุดในปัจจุบัน หลายคนคงต้องตอบชื่อของ ลิโอเนล เมสซี แนวรุกซูเปอร์สตาร์ของทีม บาร์เซโลนา

     โดยเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่เป็นแข้งระดับเยาวชนของทีม “เจ้าบุญทุ่ม” ก่อนจะได้รับโอกาสให้ขึ้นมาอยู่ทีมชุดใหญ่ของบาร์ซา แลัช่วยให้ต้นสังกัดกวาดแชมป์มาครองอย่างมากมาย รวมไปถึงรางวัลส่วนตัวที่ดาวเตะวัย 31 ปีรายนี้ หยิบมาเชยชมแล้วแทบทั้งหมด
ส่งผลให้ เมสซี กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นหลังมากมายทั่วโลก ที่อยากจะก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดแข้งเหมือนกับเขา และมีการกำเนิด “นิว เมสซี” ซึ่งเป็นฉายาที่จะให้กับนักเตะที่มีพรสวรรค์ และมีสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกับเจ้าตัวขึ้นทั่วโลก เช่น “เมสซีอิยิปต์” นั่นก็คือ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ปีกตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล รวมไปถึง “เมสซียูเออี” อย่าง โอมาร์ อับดุลราห์มาน จอมทัพของทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เป็นต้น

     เช่นเดียวกับล่าสุดที่ได้มีการถือกำเนิด “เมสซีอิหร่าน” ที่มีนามว่า ซาร์ดาร์ อัซมูน ซึ่งเคยมีข่าวกับทีมดังทั้ง ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และบาร์เซโลนา พร้อมได้รับการคาดการณ์ว่าจะฉายแววในฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้เพื่อย้ายไปค้าแข้งกับทีมใหญ่ระดับโลกในอนาคตอันใกล้
 

นักวอลเลย์บอลสู่ศิลปินลูกหนัง

     สำหรับเด็กหนุ่มจากเมืองกอนแบดผู้นี้ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังตั้งแต่อายุ 9 ขวบกับทีมในเมืองบ้านเกิด แต่ในขณะเดียวเขาก็เล่นวอลเลย์บอลไปด้วย ซึ่งเจ้าตัวกลับทำผลงานในวงการลูกยางได้ดีกว่า และได้รับการเรียกตัวให้ติดทัพวอลเลย์บอลชายทีมชาติชุดยู-15 ด้วย แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวกลับเปลี่ยนใจ และหันเข้าสู่การเล่นฟุตบอลเช่นเดิม

     โดยจากนั้น อัซมูน ที่มีอายุ 15 ปี ได้ย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของ เซปาฮาน แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสให้ขึ้นไปอยู่กับทีมชุดใหญ่แม้จะทำผลงานได้ดี เช่นเดียวกับในซีซั่นที่ 2 ซึ่งเขาก็ยังต้องวาดลวดลายในชุดเยาวชน ถึงกระนั้นแมวมองของทีม ลูบิน คาซาน ทีมดังแห่งลีกรัสเซีย ได้มาเห็นฟอร์มของเขา และจัดการเซ็นสัญญาไปร่วมทัพทันทีในขณะที่เจ้าตัวมีอายุเพียง 17 ปี พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะอิหร่านที่อายุน้อยที่สุดซึ่งได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีมต่างประเทศ

ผจญภัยในรัสเซีย

     หลังจากย้ายมาอยู่กับ รูบิน คาซาน ในปี 2003 เคอร์ บาน เบอร์เดรฟ เฮดโค้ชของทีมก็ให้โอกาสหัวหอกดาวโรจน์รายนี้ในทีมสำรอง ซึ่งส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะอิหร่านคนแรกที่ได้ลงเล่นในลีกแดนหมีขาว ด้วยการลงสนามไป 8 นัด พร้อมทำไป 2 ประตู แต่สุดท้าย อัซมูน ก็ยังไม่ได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
     จนกระทั่งในฤดูกาล 2013-2014 เขาก็ได้รับโอกาสให้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในเกมยูโรปา ลีก กับทีม จาโกดินา และในเดือน ส.ค.ปีเดียวกัน อัซมูน ก็พังสกอร์แรกให้กับทีมได้ในเกมถล่ม โมลด์ จากนอร์เวย์ 3-0 หลังจากนั้นเขาก็พังสกอร์ได้อย่างต่อเนื่องจนได้ขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่แบบถาวร
     ด้วยฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นในฟุตบอลยุโรปถ้วยเล็ก ส่งผลให้มีรายงานว่าแข้งจากอิหร่านรายนี้ ได้รับความสนใจจาก อาร์เซนอล ที่พร้อมจะยื่นข้อเสนอจำนวน 2 ล้านยูโร (ราว 74.5 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัวดาวเตะผู้นี้ไปอยู่ในถิ่น เอมิเรสต์ สเตเดียม เช่นเดียวกับบิ๊กทีมของยุโรปหลายๆสโมสร ทั้ง เอซี มิลาน, ยูเวนตุส, ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และบาร์เซโลนา ที่ส่งแมวมองมาชมฟอร์มแข้งรายนี้เป็นระยะ
     และในซีซั่น 2014-2015 รูบิน คาซาน ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ว่าพวกเขาได้บอกปัดข้อเสนอของ อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และเซนิต เซนส์ ปีเตอร์สเบิร์ก ที่อยากเซ็นสัญญากับแข้งรายนี้ แต่กลับส่งไปอยู่กับ เอฟซี รอสตอฟ แบบยืมตัวแทน และที่สโมสรแห่งนี้ถือเป็นการแจ้งเกิดของ อัซมูน อย่างแท้จริง เพราะในฤดูกาลต่อมาเขายิงไป 7 ประตู และมีชื่อเป็น 1 ใน 5 ของนักเตะยอดเยี่ยมประจำลีกรัสเซีย ร่วมกับซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ เช่น ฮัลค์ และมุสซา ดุมเบีย เป็นต้น
     ขณะที่ในฤดูกาล 2016-2017 กองหน้าทีมชาติอิหร่านรายนี้ ก็ยังขยายสัญญายืมตัวกับ รอสตอฟ ต่อไป และทำสถิติเป็นนักเตะ อิหร่าน คนแรกต่อจาก อาลี คาริมี ที่ทำประตูในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้ ในเกมที่ทีมพ่ายต่อ แอตเลติโก มาดริด 1-2 จนตกเป็นข่าวกับบรรดาทีมใหญ่ของยุโรปอีกครั้ง ด้วยผลงานลงสนาม 27 นัด ยิงไป 7 ประตูในซีซั่นนั้น
     โดยปัจจุบันแข้งวัย 23 ปีกกลับไปอยู่กับ รูบิน คาซาน ต้นสังกัดเดิม โดยลงสนามไปแล้ว 24 นัดทำไป 4 ประตู

“เมสซี”แห่งอิหร่าน

    ตั้งแต่ที่ อัซมูน ย้ายมาค้าแข้งในลีกแดนหมีขาว เขาก็ได้รับการจับตามองอย่างมากจากทั้งสื่อของอิหร่าน และสื่ออังกฤษโดยมีการตั้งฉายาให้กับเจ้าตัวว่าเป็น “เมสซีแห่งอิหร่าน”
    สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะตำแหน่งการเล่นของเจ้าตัวคือกองหน้า ที่สามารถเล่นได้ทั้งตัวเป้า และตัวต่ำรวมถึงสไตล์การเล่นที่มีความเร็วในการเลี้ยงบอล, มีทักษะฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการทำประตูที่เฉียบคมทั้งจากเท้า และลูกลางอากาศคล้ายคลึงกับ เมสซี ตัวจริงเป็นอย่างมาก
ถึงกระนั้นเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า แท้จริงแล้วนักเตะที่เข้าชอบ และถือเป็นต้นแบบในอาชีพมาโดยตลอด คือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกจอมเก๋าของ แอลเอ กาแลคซี และไม่คิดว่าตนเองมีสไตล์การเล่นคล้ายกับ เมสซี แต่อย่างใด

พิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลโลก
     จากการเป็นนักเตะเพียงไม่กี่คนของทีมชาติอิหร่านในปัจจุบัน ทำให้ อัซมูน กลายเป็นแข้งความหวังของทีม “นักรบเปร์เซีย” ในศึกเวิลด์ คัพ 2018 ครั้งนี้
    ดาวยิงจาก รูบิน คาซาน ติดทีมชาติมาตั้งแต่ปีชุดยู-17 เมื่อปี 2009 และไล่เรียงมาเป็นชุด ยู-19,ยู-21 และชุดใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้วเขายังเป็นเจ้าของสถิติจำนวนยิงต่อเกมมากที่สุดของชาติด้วยการยิง 23 ประตูจาก 31 นัด จนถูกนำไปเปรียบเทียบกับ อาลี ดาอี หัวหอกระดับตำนานที่ยิงไป 152 ประตูจาก 287 นัด
    โดย อิหร่าน จะอยู่ร่วมสายบีกับ โปรตุเกส, สเปน และโมร็อคโค ซึ่งหากมองตามเนื้อผ้าแล้ว “กระทิงดุ” และ“ฝอยทอง” น่าจะเป็นทีมที่ลอยลำเข้ารอบได้แบบไม่ยากเย็น แต่หาก อัซมูน สร้างเซอร์ไพรซ์ด้วยการพาทีมลิ่วรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ เขาต้องได้รับการจับตามองกับทีมใหญ่อีกครั้งอย่างแน่นอน
     อย่างไรก็ตามสื่ออังกฤษ ได้วิเคราะห์ว่าแข้งวัย 23 ปีรายนี้ยังไม่เหมาะที่จะย้ายไปอยู่กับบิ๊กทีมเลย เพราะยังอ่อนประสบการณ์ และอาจกดดันตัวเอง จึงเชื่อว่าเขาจะเหมาะกับทีมเล็กในพรีเมียร์ลีก อย่าง วูลฟ์แฮมป์ตัน น้องใหม่ประจำลีกในปีหน้าที่มีข่าวพัวพันกับเจ้าตัว รวมไปถึง กลาสโกว์ เซลติก ทีมแชมป์ของสก็อตติช พรีเมียร์ลีก เป็นต้น

     สุดท้ายนี้ต้องมาดูกันว่าแข้งวัย 23 ปีรายนี้จะพิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ได้มากน้อยเพียงใด และในอนาคตข้างหน้าเขาจะได้ย้ายไปค้าแข้งกับบิ๊กทีมในยุโรปตามที่คาดหวังไว้ได้หรือไม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ