5แข้งตัวเต็งซิว"บัลลงดอร์2018"

     ประกอบไปด้วย เซร์คิโอ อเกวโร (แมนฯซิตี), อลิสซอน เบคเกอร์ (ลิเวอร์พูล), แกเร็ธ เบล (เรอัล มาดริด), คาริม เบนเซมา (เรอัล มาดริด), เอดินสัน คาวานี (เปแอสเช), ติโบต์ กูร์กตัวส์ (เรอัล มาดริด), คริสเตียโน โรนัลโด (ยูเวนตุส), เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯซิตี), โรแบร์โต ฟีร์มีโน (ลิเวอร์พูล), ดีเอโก โกดิน (แอตฯมาดริด), อองตวน กรีซมันน์ (แอตฯมาดริด), เอแดน อาซาร์ (เชลซี), อิสโก (เรอัล มาดริด), แฮร์รี เคน (สเปอร์ส), เอ็นโกโล ก็องเต (เชลซี), มาริโอ มานด์ซูคิช (ยูเวนตุส), ซาดิโอ มาเน (ลิเวอร์พูล), มาร์เซโล (เรอัล มาดริด), คิลิยัน เอมบัปเป (เปแอสเช), ลิโอเนล เมสซี (บาร์เซโลนา), ลูกา โมดริช (เรอัล มาดริด), เนย์มาร์ (เปแอสเช), แยน โอบลัค (แอตฯ มาดริด), ปอล ปอกบา (แมนฯ ยูไนเต็ด), อิวาน ราคิติช (บาร์เซโลนา), โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล), เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด), หลุยส์ ซัวเรซ (บาร์เซโลนา) และราฟาแอล วาราน (เรอัล มาดริด)

     โดยในปีนี้ทีมที่มีนักเตะติดโผมาลุ้นรางวัลมากที่สุด คือ เรอัล มาดริด ด้วยจำนวนถึง 8 ราย จากผลงานคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ส่วน ลาลีกา สเปน คือลีกที่มีจำนวนผู้มีชื่อเข้ามากที่สุด ด้วยจำนวน 14 คน ตามด้วย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (11), ลีกเอิง ฝรั่งเศส (3) และเซเรีย อา อิตาลี (2)

     แม้จะมีนักเตะติดโผมาอย่างมากมาย แต่เชื่อว่ามีแข้งไม่กี่คนที่มีลุ้นคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ไปครอง ซึ่งล่าสุด “สปอร์ตคีดา” สื่อดังจากอินเดีย ได้จัดอันดับ 5 นักเตะตัวเต็งที่มีลุ้นรางวัลของนิตยสาร “ฟรองซ์ ฟุตบอล” สื่อลูกหนังชื่อดังจากฝรั่งเศสนี้ไปครอง

ราฟาแอล วาราน
    สำหรับแข้งวัย 25 ปีรายนี้ เป็นหนึ่งในนักตะเพียงไม่กี่คนในโลกที่สามารถคว้าได้ทั้งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และแชมป์โลกได้ในปีเดียวกัน ซึ่งเจ้าตัวก็มีส่วนสำคัญกับการพาทั้ง เรอัล มาดริด และทีมชาติฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จดังกล่าว
     โดยกับ “ราชันชุดชาว” เขาถือเป็นหัวใจในเกมรับร่วมกับ เซร์คิโอ รามอส นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อปี 2011 ขณะที่กับทัพ “ตราไก่” เจ้าตัวถือเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมเสียไปเพียง 6 ประตูตลอดทัวร์นาเมนต์ที่ รัสเซีย
      เป็นเหตุให้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในระดับซูเปอร์สตาร์เหมือนกับพวก คริสเตียโน โรนัลโด หรือ ลิโอเนล เมสซี แต่ด้วยผลงานตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหากดาวเตะรายนี้จะกลายเป็นนักเตะในตำแหน่งปราการหลังคนแรกที่มีสิทธิ์คว้ารางวัลบัลลงดอร์ต่อจาก ฟาบิโอ คันนาวาโร อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอิตาลี

คิลิยัน เอมบัปเป
    ถ้าจะพูดถึงนักเตะดาวรุ่งที่มีฝีเท้าเทียบชั้นระดับโลก และกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย คงจะหนีไม่พ้นแนวรุกจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รายนี้ จนกลายเป็นแข้งที่มีค่าตัวแพงเป็นอันดับ 2 ของวงการลูกหนังด้วยค่าตัวถึง 180 ล้านยูโร (ราว 6.68 พันล้านบาท)
    ก่อนที่ศึกฟุตบอลโลก 2018 จะเริ่มต้นขึ้น เอมบัปเป ถูกมองว่าเป็นเพียงแข้งดาวโรจน์ที่ยังมีฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมอ และยังไม่เข้าข่ายแข้งซูเปอร์สตาร์แต่อย่างใด แม้จะทำไปถึง 13 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ในลีกให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อซีซั่นที่แล้ว
     ถึงกระนั้นในเวิลด์ คัพ ที่รัสเซีย เจ้าตัวได้ระเบิดฟอร์มให้แฟนบอลทั่วโลกได้ประจักษ์ ทั้งความเร็วในการเลี้ยงบอล, จังหวะจ่ายอันชาญฉลาด รวมถึงการจบสกอร์ที่เฉียบคม ส่งผลให้เขาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพาทีมชาติฝรั่งเศส คว้าแชมป์โลก สมัยที่ 2 ด้วยการยิงไป 4 ประตูจาก 7 นัด ซึ่งด้วยฝีเท้าขนาดนี้ทำให้จะมองข้ามแข้งวัย 19 ปีสำหรับการเบียดขึ้นไปซิวรางวัลอันทรงเกียรติดังกล่าวแบบมองข้ามไม่ได้

ลิโอเนล เมสซี
    คงจะเป็นเรื่องแปลกหากไม่มีชื่อของดาวเตะที่ได้รับสมญานามว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวผู้นี้ เหตุเจ้าตัวประสบความสำเร็จมากมายกับ บาร์เซโลนา ต้นสังกัด พร้อมการันตีคุณภาพด้วยการซิวรางวัลดังกล่าวมาแล้วถึง 5 สมัย (2009, 2010, 2011, 2012, 2015) ซึ่งมากที่สุดร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด
    ในซีซั่นที่แล้วแข้งวัย 31 ปี ทำประตูในลาลีกา ไปถึง 34 ประตูกับ 12 แอสซิสต์ พร้อมช่วยทีมซิวแชมป์ลีกสมัยที่ 9 ของตนเองกับสโมสร และคว้ารางวัลดาวซัลโวประจำลีกเป็นครั้งที่ 5 ในอาชีพการค้าแข้งอีกด้วย ส่วนในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมสซี กดไป 6 ประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
    ส่วนในฤดูกาลนี้จอมทัพทีมชาติอาร์เจนตินา ยังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่อง หลังทำไปแล้ว 6 ประตูในลีก และทำให้ บาร์ซา อยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงในขณะนี้
     ถึงแม้ว่าผลงานกับทีม “ฟ้าขาว” ในฟุตบอลโลก 2018 จะไม่น่าจดจำ แต่ด้วยผลงานโดยรวมส่งผลให้เขาคือหนึ่งในตัวเต็งที่มีลุ้นคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 2018 และเป็นสมัยที่ 6 ของตัวเองมาครองได้อย่างแน่นอน

คริสเตียโน โรนัลโด
    ปฏิเสธไม่ได้ว่า โรนัลโด ฝากผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมไว้กับ เรอัล มาดริด เมื่อซีซั่นที่แล้ว ด้วยการทำไปถึง 15 ประตูในศึกยูซีแอล และช่วยให้ "ราชันชุดขาว" ซิวแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จนทำให้เขาได้รับฉายาว่า “ยูฟ่า คริสเตียโน ลีก"
    ขณะที่ใน เวิลด์ คัพ 218 ที่รัสเซีย แม้ โปรตุเกส ทีมชาติของเขาจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน หลังถูก อุรุกวัย เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ “ซีอาร์ เซเว่น” ในฐานะกัปตันทีมระเบิดฟอร์มกดไป 4 ประตูจาก 4 นัด ครองตำแหน่งรองดาวซัลโวร่วม
    ทว่าในซีซั่นนี้แข้งวัย 33 ปี ยังงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ไม่เต็มที่นักกับ ยูเวนตุส ต้นสังกัดใหม่ หลังทำไปเพียง 4 ประตูจากการลงสนาม 8 นัด แต่ก็เริ่มปรับตัวกับลีกอิตาเลียนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
     ส่งผลให้คงไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่ โรนัลโด จะผงาดคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาครองเป็นสมัยที่ 6 ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่มีการก่อตั้งมา

ลูกา โมดริช
    เรียกได้ว่าเป็นทองของเขาจริงๆสำหรับกองกลางวัย 33 ปีผู้นี้หลังทำผลงานได้อย่างสุดยอดทั้งในระดับสโมสร ที่เขาคือแข้งคนสำคัญของ ซีเนดีน ซีดาน ที่พา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งๆที่ไม่ได้ทำประตูเยอะแต่อย่างใด แต่เกิดจากการชาญฉลาดในการออกบอล รวมถึงการคุมพื้นที่ในแดนกลางได้แบบอยู่หมัด
    ส่วนในระดับทีมชาติ โมดริช คือมิดฟิลด์ที่เป็นหัวใจของทีม “ตราหมากรุก” ในการพา “โครแอต” คว้าตำแหน่งรองแชมป์ของศึกฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก หลังพ่าย ฝรั่งเศส ไปแบบน่าเสียดาย 2-4 ในรอบชิงชนะเลิศ
จากผลงานอันโดดเด่น ซึ่งเรียกได้ว่าดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของ โมดริช ทำให้เจ้าตัวเดินสายกวาดรางวัลไปแล้วมากมาย ทั้ง รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2018, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า
     จนมาถึงรางวัลนี้ เจ้าตัวก็กลายเป็นเต็งหนึ่งที่มีสิทธิ์ซิวไปครอง จากการคาดการณ์ของบริษัทรับพนันถูกกฏหมายของต่างประเทศด้วยอัตรา 2/5 (แทง 5 จ่าย 2)
    นอกจากนั้นหาก โมดริช คว้ารางวัล บัลลงดอร์ ในปีนี้ไปครองได้ เขาจะเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 10 ปีที่สอดแทรก ลิโอเนล เมสซี กับคริสเตียโน โรนัลโด ในการเข้ามารับรางวัลนี้

     และทั้งหมดนี้คือ 5 ตัวเต็งที่มีสิทธิ์ลุ้นคว้ารางวัล บัลลงดอร์ 2018 ไปครอง ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องมาดูกันว่าแข้งคนใคจะผงาดซิวรางวัลอันทรงเกียรติของวงการลูกหนังนี้ในงานประกาศรางวัล ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 3 ธ.ค.นี้