3ปัญหาฉุด"เสือใต้"ตกจากบัลลังก์ในขณะนี้

      โดยเฉพาะในช่วง 6 ปีหลังสุดที่ “เสือใต้” เก็บแชมป์ลีกได้ทั้งหมด ขณะที่ในเวทียุโรป บาเยิร์น ก็โชว์ศักยภาพของทีมด้วยการหยิบถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้ถึง 5 สมัย

       ทำให้ในฤดูกาลนี้ทีมดังแห่งถิ่น อัลลิอันซ์ อารีนา ภายใต้การคุมทัพของ นิโก โควัช เทรนเนอร์คนใหม่ ได้รับการคาดหวังว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จเหมือนกับหลายๆซีซั่นที่ผ่านมา ถึงกระนั้นหลังจากเปิดฤดูกาล 2018-19 สถานการณ์ของทีมกลับออกมาแบบตรงกันข้าม เมื่อ บาเยิร์น อยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างมาก ด้วยการไม่ชนะใคร 4 นัดติดต่อกันในทุกรายการแบ่งเป็น 3 เกมในศึกบุนเดสลีกา และ 1 นัดในยูซีแอล หลังพ่ายต่อ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค คาบ้าน 0-3 เมื่อวันที่ 6 ต.ค. พร้อมตกลงไปอยู่ในอันดับ 6 ในลีก โดยตามหลัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จ่าฝูงถึง 6 แต้ม

       ด้วยผลงานที่เกิดขึ้นทำให้ยักษ์ใหญ่แห่งเมือง มิวนิค ทีมนี้เกิดความกดดันอย่างมากภายในสโมสร และล่าสุดสื่อต่างประเทศได้วิเคราะห์ 3 ปัญหาสำคัญที่ บาเยิร์น กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

แข้งหลักเลยจุดพีค
     สำหรับทีม “เสือใต้” มีดาวเตะระดับซูเปอร์สตาร์อยู่ในทีมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อาร์เยน ร็อบเบน, ฟรองค์ ริเบรี, โรเบิร์ต เลวาดอฟสกี, มัตต์ ฮุมเมลส์ และมานูเอล นอยเออร์
     โดยนักเตะแต่ละคนผ่านช่วงเวลาที่สุดยอดในอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยให้ต้นสังกัดคว้าทริปเปิล แชมป์ ทั้ง บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้ในซีซั่นดียวกันเมื่อปี 2013
      อย่างไรก็ตามหลักจากนั้นแข้งชื่อดังของทีม ต่างประสบปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่น รวมถึงมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลา เหตุผู้เล่นหลักของทีมนั้นมีอายุเกินเลข 3 กันแล้วแทบทุกคน โดยเฉพาะ ร็อบเบน (35) กับ ริเบรี (34) ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจในเกมรุก ที่ใกล้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการค้าแข้งเข้าไปทุกที จึงทำให้ไม่สามารถยืนระยะตลอด 90 นาทีของเกมได้
       ขณะที่ผู้เล่นดาวโรจน์คนอื่นๆที่สอดแทรกเข้ามาในฤดูกาลนี้ ทั้ง แซร์จ นาบรี, ลีออน โกเรตช์กา และเรนาโต ซานเชส กลับไม่สามารถทดแทนการขาดหายไปของนักเตะรุ่นเก๋าได้เท่าที่ควร จึงส่งผลถึงผลงานของทีมโดยตรง

โค้ชขาดประสบการณ์
      ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อซีซั่นที่แล้วเฮดโค้ชที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในศึกบุนเดสลีกา คือ นิโก โควัช หลังคืนชีพให้ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต กลับมาเป็นยอดทีมอีกครั้ง ด้วยการคว้าอันดับ 8 ในลีก แต่มีแชมป์ติดมือด้วยการคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล หลังพลิกเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค 3-1
      เป็นเหตุให้บอร์บริหารของทีม “เสือใต้” เลือกอดีตแข้งชาวโครแอตรายนี้ ที่เคยเล่นให้กับทีมเมื่อปี 2001-2003 เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทนที่ของ จุปป์ ไฮย์เกส กุนซือขรัวเฒ่าที่ประกาศวางมือหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยความเคลือบแคลงใจจากสื่อ รวมถึงผู้สันทัดกรณีในวงการลูกหนังว่าเจ้าตัวจะเหมาะสมกับตำแหน่งหรือไม่
       ในช่วงแรก โควัช โชว์กึ๋นของตัวเองหลังเก็บประสบการณ์การเป็นโค้ชกับ อาร์บี ซัลซ์บวร์ก และ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ทั้งชุดเยาวชน และชุดใหญ่ ด้วยการพาต้นสังกัดใหม่ออกสตาร์ทซีซั่นด้วยการเก็บชัย 4 นัดรวดในลีก พร้อมทะยานขึ้นจ่าฝูงแบบไร้ทีมต่อกร ซึ่งทำให้ข้อครหาในตัวของเทรนเนอร์วัย 48 ปีรายนี้เริ่มน้อยลง
       ถึงกระนั้นทีมอยู่ดีๆทีมก็ฟอร์มรูดลงชนิดน่าใจหาย หลังไม่ชนะใครมา 4 เกมติดต่อกัน จนเกิดกระแสข่าวว่าบอร์ดบริหารของทีม ได้เตรียมหาผู้จัดการทีมรายใหม่เข้ามาแทนที่แล้ว โดยมีชื่อของ ซีเนอดีน ซีดาน อดีตเทรนเนอร์ เรอัล มาดริด และอันโตนิโอ คอนเต อดีตผู้จัดการทีม เชลซี เป็นตัวเต็ง ทว่า อูลี เฮอเนส ประธานสโมสรก็ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวทันที พร้อมยืนยันว่ายังหนุนหลัง โควัช อยู่
        โดยสาเหตุสื่อวิเคราะห์ว่าเหตุใด บาเยิร์น ถึงมีผลงานที่ไม่น่าประทับใจในฤดูกาลนี้ นอกจากเรื่องแท็คติกแล้ว ยังมีเรื่องของ “ความเก๋า” ของตัว โควัช ที่ยังไม่เคยคุมทีมระดับท็อปของยุโรป จึงทำให้เกิดการวางแผนที่ผิดพลาด รวมไปถึงการไม่สามารถคุมนักเตะมากประสบการณ์ของทีมได้ จนเป็นเหตุให้เกิดช่องว่างของนักเตะกับผู้จัดการทีมอยู่ในขณะนี้

ผู้เล่นหมดความกระหาย
     เป็นที่ทราบกันดีว่า บาเยิร์น มิวนิค คือทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในลีกที่ยากจะหาทีมมาต่อกรได้ ด้วยขุมกำลังนักเตะ, ฝีมือของเฮดโค้ช รวมไปถึงประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์
โดยเมื่อฤดูกาลที่แล้ว บาเยิร์น ผงาดคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ด้วยการมีแต้มนำหน้าอันดับ 2 อย่าง ชาลเก 04 ถึง 21 แต้ม ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่มากที่สุดในบรรดา 5 บิ๊กลีกยุโรป
      ด้วยความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้เหล่านักเตะเริ่มหมดความกระหาย และมีความคิดว่าแชมป์ลีกต้องอยู่ในมือของพวกเขาอย่างแน่นอน ทำให้เวลาเจอกับทีมที่ด้อยชั้นกว่า แข้ง บาเยิร์น จะชอบเล่นเสี่ยง และติดประมาทมากเกินไปในหลายๆจังหวะจนสุดท้ายทำให้ทีมได้ผลการแข่งขันที่ไม่น่าพอใจ และเมื่อเกิดความผิดพลาดอย่างต่อเนื่องก็กลายเป็นว่าส่งผลไปถึงเรื่องความมั่นใจของนักเตะทุกคนในทีมอีกด้วย

      3 ข้อที่กล่าวมาคือปัญหาใหญ่ที่ บาเยิร์น มิวนิค กำลังพบเจออยู่ในขณะนี้ ซึ่งพวกเข้าต้องเร่งหาทางแก้ไขโดยด่วนเพื่อที่จะกลับมายึดบัลลังก์เบอร์หนึ่งของเมืองเบียร์ รวมไปถึงการไล่ล่าแชมป์ยุโรป ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาในซีซั่นนี้