หลังเพื่อนร่วมทีมชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ค่อยๆ เติบใหญ่ในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะบทบาทเฮดโค้ช ไล่ตั้งแต่ โลรองต์ บลองก์, ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ และ ซีเนอดี ซีดาน
มาถึงวันนี้ก็เป็นคิวของอดีตนักเตะชื่อดังอีกรายแถมมีดีกรีเป็นถึงดาวยิงแถวหน้าของวงการอย่าง เธียร์รี อองรี ซึ่งเคยมีข่าวจ่อจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเต็มตัวอยู่หลายครา กระทั่งเป็น อาแอส โมนาโก อดีตต้นสังกัดสมัยแจ้งเกิดในลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่กล้ามอบภาระอันยิ่งใหญ่นี้ให้ในที่สุด
สู่โค้ชเต็มตัว
อองรี วัย 41 ปี ตกลงเข้ารับหน้าทีมคุมทีมโมนาโก ต่อจาก เลโอนาร์โด ชาร์ดิม ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อวันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา ด้วยสัญญาคุมทัพเป็นเวลา 3 ปี โดยอดีตดาวยิงฝรั่งเศส เริ่มต้นการเป็นนักเตะที่โมนาโก ในช่วงปี 1994-1999 ลงสนามไปทั้งสิ้น 105 นัดยิงไป 20 ประตู ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ ยูเวนตุส, อาร์เซนอล, บาร์เซโลนา และ นิวยอร์ก เรดบูลล์ ในเวลาต่อมา
“ก่อนอื่นผมขอขอบคุณโมนาโก ที่ให้โอกาสในการเป็นผู้ฝึกสอนของทีม ซึ่งพิเศษสุดสำหรับผม ผมดีใจที่ได้กลับมาที่โมนาโก เรายังมีความท้าทายรออยู่ ผมต้องการที่จะเริ่มงานและทำงานกับนักเตะทุกคนให้เร็วที่สุด” อองรี กล่าวผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรแห่งแรกที่แจ้งเกิดสมัยเป็นนักเตะและปัจจุบันก็เป็นทีมแรกในฐานะเฮดโค้ช
ด้านเดลี เมล์ สื่อเมืองผู้ดี ระบุว่า อดีตดาวยิงวัย 41 ปี ต้องการดึงตัว อีธาน เอ็มปาดู เฮดโค้ชอาร์เซนอล ยู 18 เข้ามาเป็นทีมงานสตาฟฟ์โค้ช โดยทั้งคู่เคยร่วมงานกันสมัยที่เข้ามาเรียนรู้งานที่อคาเดมีของปืนใหญ่
จะสำเร็จหรือคว้าน้ำเหลว
สมัยเป็นผู้เล่นถูกยกให้เป็นดาวเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับบทบาทจอมถล่มประตูชนิดเป็นกอบเป็นกำ และแน่นอนว่าสำหรับอดีตดาวดังหลายรายมักจะเผชิญคำถามข้อสำคัญ คือ แล้วเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่เมื่อต้องก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแบบเต็มตัว
อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือซึ่งเป็นมากกว่าเจ้านาย ชูมือสนับสนุนศิษย์เก่าและกุนซือป้ายแดงเต็มที่ โดยนายใหญ่แดนน้ำหอม มั่นใจว่า อองรี จะประสบความสำเร็จกับโมนาโกและจะสามารถพลิกสถานการณ์ของสโมสรให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง
ด้าน เดส์ชองส์ กุนซือแชมป์โลกคนล่าสุด กล่าวว่า “เธียร์รี พร้อมแล้วเขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่ผู้จัดการทีมที่ดีควรมี”
มาดูความเห็นของฝั่ง กิลเยม บาลาเก นักวิเคราะห์ฟุตบอลสเปนคนดังซึ่งพูดถึง อองรี กับการจะประสบความสำเร็จในถิ่นสต๊าด หลุยส์ เดอซ์ เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยชี้ว่าความสำเร็จของอดีตดาวซัลโวตลอดกาลของฝรั่งเศส (51 ประตู) ขึ้นอยู่กับปัจจัยการจัดการและพัฒนาผู้เล่นโดยเฉพาะบรรดาแข้งดาวรุ่งในทีม
บาลาเก กล่าวว่า “อองรี จะเป็นคนตัดสินว่า ยูริ ตีเลอมันส์ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นดาวเตะอย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่ และสำหรับ โซฟียาน ดิออป และนาเซฮร์ ชาดลี แน่นอนทั้งคู่จะต้องดีขึ้นกว่าเดิม”
“สมัยสัมภาษณ์เขาตอนเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วน เขามีคำตอบให้ผมมากมาย แต่เมื่อคุณก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมทุกอย่างจะแตกต่างออกไป เพราะคุณจะต้องรู้จักการรับมือกับความพ่ายแพ้เป็นอันดับแรก” นักข่าวและผู้เชี่ยวชาญวงการลูกหนังแดนกระทิงดุทิ้งท้าย
ปัจจุบัน โมนาโก ฟอร์มย่ำแย่เก็บชัยชนะได้เพียง 1 นัด จาก 9 เกม มี 6 คะแนน จมอยู่อันดับ 18 ของตาราง โดยเกมโปรแกรมนัดต่อไปจะออกไปเยือนสตราสบูร์ก ในคืนวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคมนี้ เวลา 01.00 น. และจะเป็นเกมแรกในฐานะกุนซือข้างสนามของอดีตดาวยิงที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าเมื่อหันมารับบทผู้จัดการทีมแล้วลีลาหรือความดุดันจะเหมือนสมัยที่ยังวาดลวดลายหน้าปากประตูคู่แข่งหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง