ข่าว

ถึงเวลาขาลง"อินทรีเหล็ก"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตกรอบแรกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในรอบ 80 ปี

พ่าย เนเธอร์แลนด์ รอบ 16 ปี ถึงอัมสเตอร์ดัม 0-3 แถมเป็นความปราชัยด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดตั้งแต่เคยเสียท่าให้ขุนพล “อัศวินสีส้ม”

ขณะที่การแพ้ฝรั่งเศส 1-2 ในเกมล่าสุด เมื่อคืนวันอังคารที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตั้งแต่เข้าสู่ปฏิทินปี 2018 ทัพ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี พบกับความพ่ายแพ้ไปแล้วถึง 6 เกม ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย ต้องพบกับความปราชัยมากที่สุดในช่วงเวลาแค่ปีเดียว

ตอนพลิกล็อกถูกเกาหลีใต้ลูบคม 0-2 จนตกรอบแรกเวิลด์คัพ 2018 ที่รัสเซีย ชั่วโมงนั้นกระแสวิจารณ์ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่ดาวเตะทั้ง 23 ราย โดยเฉพาะ เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์คนดังที่ถึงกับหมดความอดทนจนประกาศยุติบทบาทในนามทีมชาติ ถึงเวลาขาลง"อินทรีเหล็ก" ขณะที่ โยอาคิม เลิฟ นายใหญ่ ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะออกมายืนยันว่าจะขออยู่คุมทัพ “อินทรีเหล็ก” จนครบสัญญาที่ทำไว้ถึงปี 2022 ประกอบกับแรงสนับสนุนฝั่งสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี (เดเอฟเบ) ที่ยังคงเชื่อมั่นในฝีมือของบุนเดสเทรนเนอร์คนแรกที่พาทีมซิวแชมป์โลกในรอบ 24 ปี

ตั้งแต่ขึ้นมารับบทนายใหญ่เต็มตัว “เลิฟ” พาเยอรมนีเป็นรองแชมป์ยูโร 2008 คว้าอันดับ 3 ในบอลโลกปี 2010 อีก 4 ปีถัดมาผงาดบัลลังก์แชมป์โลกและแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์คัพ

อย่างไรก็ตามความดีที่เคยสั่งสมดูจะหมดความหมายทันทีเมื่อเวลานี้ “อินทรีเหล็กตัวเดิม” ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเช่นเคยเป็นอีกต่อไป และจากวีรบุรษซึ่งเคยได้รับการเชิดชูกำลังจะกลายสภาพเป็นเชลยเสียแล้ว เมื่อหลังผ่านโปรแกรมเนชั่นส์ ลีกเอ กลุ่ม 1 ไปแล้ว 3 นัด เยอรมนี เพิ่งเก็บไปได้เพียง 1 แต้มเท่านั้นและสุ่มเสี่ยงต่อการโดนลดชั้นสู่ลีกรองสูงมากทีเดียว

 

โอกาสเลือดใหม่ต้องมากกว่านี้

เมื่อครั้งที่ซิวแชมป์คอนเฟเดอเรชั่นส์คัพ 2017 “เลิฟ” ซึ่งคุมทีมชาติเยอรมนี มาตั้งแต่ปี 2006 ออกมายกให้แข้งเจเนอเรชั่นดังกล่าวว่าจะสร้างความสุขให้แฟนๆ เมืองเบียร์ไปอีกนาน แต่ถึงตอนนี้ทุกคนคงทราบดีว่ามันไม่เป็นความจริง ถึงเวลาขาลง"อินทรีเหล็ก"

23 รายชื่อที่ประกาศลุยศึกเนชั่นส์ลีก มีแข้งจากชุดคอนเฟเดอเรชั่นส์คัพ ถึง 11 ราย โดยเกมประเดิมสนามนัดแรกที่มิวนิคซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 “เลิฟ” ตัดสินใจปรับมาใช้กองหลังในระบบแบ็กโฟร์ ขยับ โจชัว คิมมิช ไปรับบทกองกลางตัวรับซึ่งจุดนี้แท็กติกดังกล่าวโดนค่อนขอดว่าเพียงแค่ต้องการไม่เสียท่าให้ทีมแชมป์โลกตั้งแต่เกมแรกเท่านั้น 

ส่วนนัดต่อมาที่บุกไปถึงถิ่นอัมสเตอร์ดัม อารีนา ในเกมฉลองการคุมทีมนัดที่ 168 ยาวนานสุดตั้งแต่ “อินทรีเหล็ก” เคยใช้งานบุนเดสเทรนเนอร์มา แต่งานฉลองของเลิฟ กลายเป็นเรื่องเศร้าเมื่อลูกทีมของเขากลับเป็นฝ่ายโดน “กังหันลมสีส้ม” ไล่ยำอยู่ข้างเดียว ถึงเวลาขาลง"อินทรีเหล็ก" ถึงเวลาขาลง"อินทรีเหล็ก" หลังจบเกม โยอาคิม เลิฟ โดนยิงคำถามจากทั่วทุกสารทิศ โดยเฉพาะกับแท็กติกการเล่นที่พยายามกำชับให้ลูกทีมเน้นครองบอลเป็นหลักซึ่งถูกมองว่าเป็นสูตรสำเร็จที่ล้าหลังเสียแล้ว

แมด ฟอร์ด ผู้สื่อข่าวประจำ “ดอยช์ เวเลย์” สื่อสัญชาติเยอรมนี มองว่าถึงเวลาแล้วที่เลิฟ ต้องตัดสินใจว่าจะยังใช้รูปแบบเก่าๆ หรือจะหันมาเน้นพัฒนาศักยภาพของตัวบุคคล โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้บรรดาแข้งสายเลือดใหม่ได้ลงไปวาดลวดลายมากกว่านี้ ซึ่งจุดนี้จะช่วยปรับในเรื่องสปีดของเกมที่ปัจจุบันหลายสโมสรในบุนเดสลีกาหันมาให้ความสำคัญกับการเล่นเกมรุกที่รวดเร็วกดดันคู่แข่งเป็นหลัก

 

“บาเยิร์น มิวนิค” เอฟเฟกต์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมชาติเยอรมนีไม่ว่าจะชุดไหนต่างมีโครงสร้างหลักมาจากนักเตะของบาเยิร์น มิวนิค ถึงเวลาขาลง"อินทรีเหล็ก" มานูเอล นอยเออร์, มัทส์ ฮุมเมิลส์, เจอโรม บัวเต็ง, โจชัว คิมมิช และโธมัส มุลเลอร์ ยังคงเป็นแกนหลักที่ทั้ง นิโก โควัช และโยอาคิม เลิฟ จะขาดไม่ได้ทั้งในสโมสรและทีมชาติ แต่ชั่วโมงนี้หากกวาดสายตาเช็กฟอร์มดาวเตะเสือใต้ทั้ง 5 ราย จะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทั้งต้นสังกัดและบ้านเกิดจะผลงานรูดกราวได้ขนาดนี้

เกมกับเนเธอร์แลนด์ “ฮุมเมิลส์” และ “บัวเต็ง” ไม่สามารถต้านทานความร้อนแรงของแนวรุก “อัศวินสีส้ม” ได้เลย แม้ในราย ฮุมเมิลส์ จะกลับมากู้ชื่อได้ในการประสานงานกับแมทเธียส กินเทอร์ และนิคลาส ซูเล ในระบบเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คน เกมกับฝรั่งเศส แต่โดยภาพรวม 2 แนวรับ “เสือใต้” ดูจะทำความมั่นใจหล่นหายไปพอสมควรตั้งแต่เปิดซีซั่นใหม่ ถึงเวลาขาลง"อินทรีเหล็ก" ขณะที่มุลเลอร์ ผลงานในเกมที่สต๊าด เดอ ฟรองซ์ คงใช้ตัดสินอะไรได้ไม่มากนักจากโอกาสลงสนามแค่ 2 นาที หลังถูกเปลี่ยนลงไปแทน แซร์จ กนาบรี ช่วงท้ายเกม แต่ 57 นาที ที่อัมสเตอร์ดัมก็เพียงพอที่จะทำให้แนวรุกจากค่าย “เสือใต้” ถูกบันทึกว่าไม่สามรถเจาะตาข่ายให้ทัพ “อินทรีเหล็ก” เป็นนัดที่ 7 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว

เยอรมนีมีคิวลงบู๊กับรัสเซีย ในเกมอุนเครื่องวันที่ 16 พฤศจิกายน จากนั้นเปิดบ้านรับมือเนเธอร์แลนด์ ในศึกเนชั่นส์ลีก วันที่ 20 พฤศจิกายน ซึ่งจะเป็นการชี้ชะตาเส้นทางของทัพ “อินทรีเหล็ก” ในรายการนี้

ขณะเดียวกันผลลัพธ์เกมดังกล่าวอาจจะพอบอกได้ว่าระยะเวลากว่า 12 ปี ตั้งแต่เลื่อนชั้นจากมือขวาขึ้นมาเป็นกุนซือเต็มตัวของ “เลิฟ” นั้น ยาวนานเกินไปรึเปล่า?

 

พชร นาคจู : เรียบเรียง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ