ก่อนหน้านี้ปล่อยให้ โชเซ มูรินโญ ทำแต้มนำโด่งตัวเต็งกุนซือเก้าอี้ร้อนอยู่หลายสัปดาห์
มาถึงเวลานี้ ฆูเลน โลเปเตกี กุนซือชาวสแปนิช ดูจะช่วงชิงพื้นที่ดังกล่าวในหน้าสื่อแทนนายใหญ่โปรตุกีสได้แบบไม่เห็นฝุ่นเสียแล้ว
เมื่อล่าสุดสร้างผลงานงามหน้าพา เรอัล มาดริด แพ้พลิกล็อกให้แก่ เลบานเต 1-2 คารังซานติอาโก เบร์นาเบว ในศึกลา ลีกา สเปน เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยทีมเยือนได้ 2 ประตูตั้งแต่ต้นเกมจาก โฆเซ หลุยส์ โมราเลส นาทีที่ 6 และ จุดโทษของ โรเกร์ มาร์ตี นาทีที่ 13 แม้ “ราชันชุดขาว” จะมาทำประตูตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 72 จาก มาร์เซโล ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็ทำได้แค่นั้น
การปราชัยเที่ยวนี้ส่งผลให้ “ราชันชุดขาว” แพ้ 4 จาก 5 เกมหลังสุดนับรวมทุกรายการ และแน่นอนว่าเป้าสนใจได้ตกไปที่ โลเปเตกี นายใหญ่ วัย 52 กะรัต ซึ่งกำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก แถมมีกระแสข่าวว่า อันโตนิโอ คอนเต อดีตกุนซือเชลซีซึ่งว่างงานอยู่เตรียมจะเข้ามาเสียบแทน
“เปเรซ”เรียกคุย“รามอส”คนแรก
“ตอนนี้ เรื่องนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะนึกถึง” โลเปเตกี ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมกับเลบานเต โดยยังคงมั่นใจในขาเก้าอี้ของตัวเองหลังถูกนักข่าวถามถึงความกังวลในอนาคตการคุมทัพหรือไม่“ผมรู้สึกได้ถึงแรงหนุนที่มากกว่าเดิมในการอยู่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป นักเตะแสดงให้เห็นถึงพลังและหัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่งยามอยู่ในสนาม และในไม่ช้าเราจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ในเร็ววัน”
“ในห้องแต่งตัวปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันเศร้าหมอง แต่นักเตะก็พร้อมจะลืมความขมขื่นดังกล่าวแล้วมองไปยังเกมนัดต่อไป พวกเขาพร้อมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้”
ขณะที่ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีม ซึ่งเคยออกโรงปกป้องเจ้านายคนปัจจุบันตั้งแต่ผละงานจากทัพกระทิงดุมากลางคัน รอบนี้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟซึ่งเปรียบได้กับสัญลักษณ์และลูกรักของฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสร ก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวกุนซือของเขา พร้อมกับย้ำชัดว่า “โลเปเตกี” ควรจะได้รับโอกาสทำงานของตัวเองต่อไป
“หนทางเดียวที่จะผ่านสถานการณ์นี้ได้คือความสามัคคี โลเปเตกี เป็นคนที่สร้างแรงจูงใจเก่ง เขาคือคนแรกที่เราต้องเชื่อมั่น ถ้าให้ผมออกความเห็น ผมก็พร้อม แต่ผมไม่คิดว่า ความเห็นของผมจะมีผลอะไรต่อการตัดสินใจครั้งสำคัญๆ” กองหลังทีมชาติสเปนวัย 32 ปี ระบุ
ถึง โลเปเตกี จะออกมาแสดงความมั่นอกมั่นใจพร้อมกับย้ำชัดว่าไม่รู้สึกวิตกกังวลกับสถานการณ์ในเวลานี้ แต่ทาง มาร์กา สื่อสเปน ระบุว่า หลังจบเกมกับ เลบานเต ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรได้เรียก รามอส เข้าไปพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนเป็นคนแรก จากนั้นจึงมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุความพ่ายแพ้กับกุนซือสแปนิช
หลังการพูดคุยกับทั้งคู่ประธานสโมสรจอมเฮี้ยบไม่ได้ออกมารับรองหรือให้คำยืนยันใดๆ เกี่ยวกับตำแหน่งนายใหญ่ในรั้วเบร์นาเบว โดยสื่อคู่บุญ “ราชันชุดขาว” ได้เสริมอีกว่า เปเรซ กำลังคิดทบทวนและรวบรวมความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายก่อนจะตัดสินใจครั้งสำคัญ โดยเฉพาะกับสถิติและตัวเลขการทำทีมในฤดูกาลนี้ของกุนซือคนปัจจุบันซึ่งถูกมองว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้ท่านประธานตัดสินใจว่าจะให้อยู่หรือไปได้เร็วขึ้น
ปัจจัยเด้งก่อนศึกผ่าเมือง
ก่อนเกมกับ เลบานเต “เรอัล มาดริด” ไม่สามารถยิงประตูคู่แข่งได้เลยในการแข่งขัน 4 นัดหลังสุด เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1985ประตูของ มาร์โก เซนซิโอ ที่ยิงได้ในนาทีที่ 41 เกมลา ลีกา นัดเปิดบ้านเฉือนชนะเอสปันญอล 1-0 เมื่อวันที่ 22 ก.ย. กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสถิติอันเลวร้ายเพราะหลังจากนั้นกลายเป็นว่าทีมของ โลเปเตกี ไม่สามารถทำประตูคู่แข่งได้อีกเลยในทุกรายการ ไล่ตั้งแต่แพ้ เซบีญา 0-3, เสมอ แอตเลติโก มาดริด 0-0, แพ้ อลาเบส 0-1 และเสียท่า ซีเอสเคเอ มอสโก ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยสกอร์เดียวกัน
กระทั่งมาถึงเกมกับเลบานเต เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พวกเขาตกเป็นฝ่ายตามหลัง 2-0 ตั้งแต่ 20 นาทีแรก ซึ่งนับเป็นการเสีย 2 ลูก ในช่วง 15 นาทีของเกม เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2017 และต้องรอถึง นาทีที่ 72 กว่า มาร์เซโล จะมายิงประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 และเป็นการหยุดสถิติอันเลวร้ายในการคลำเป้าของทีมชุดนี้ไว้ที่ 482 นาที โดยเกือบทำลายสถิติร้างสกอร์นานสุดในประวัติศาสตร์สโมสรซึ่งมีอายุยืนยาวมากว่า 116 ปี ที่ถูกบันทึกไว้ 495 นาที
ย้อนกลับไปตอนที่ ซีเนอดีน ซีดาน และ คริสเตียโน โรนัลโด ยังประจำการที่เมืองหลวงของสเปน พวกเขาเดินหน้าสลุตตาข่ายคู่แข่งได้ถึง 73 นัดติดต่อกัน หรือเป็นเวลากว่า 6 เดือน ตั้งแต่เมษายน 2016 ถึงเดือนกันยายนของปี 2017ขณะที่ 13 ประตู ที่ยิงได้นับตั้งแต่ออกสตาร์ท ลา ลีกา สเปน ฤดูกาลนี้ ยังเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดในการเจาะตาข่ายคู่ต่อสู้สำหรับการออกสตาร์ทซีซั่นใหม่ ต่อจากครั้งสุดท้าย ในฤดูกาล 2004-2005
ปัจจุบัน เรอัล มาดริด ลงเตะไปแล้ว 9 นัด ชนะ 4 เสมอ 2 และแพ้ 3 มี 14 คะแนน รั้งอยู่ในอันดับ 5 ของตาราง มีแต้มห่างจาก บาร์เซโลนา จ่าฝูง 4 แต้ม โดยหลังจากเปิดรังรับมือ วิคตอเรีย พิลเซน ในถ้วยใบโตยุโรปกลางสัปดาห์นี้แล้ว
“ราชันชุดขาว” จะมีเกมนัดสำคัญในศึก “เอล กลาซิโก” ที่ต้องไปเยือน บาร์ซา ถึงถิ่นคัมป์ นู วันที่ 28 ตุลาคม ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นก็ต้องมาดูว่ากุนซือที่ข้างสนามยังเป็นชายที่ชื่อ โลเปเตกี อยู่หรือไม่
เรียบเรียง : พชร นาคจู
ข่าวที่เกี่ยวข้อง