ข่าว

"หงส์แดง"กับเหตุผลส่งพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผ่านไปแล้ว 11 เกมสำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งในปีนี้ก็มีความสนุกเข้มข้นตั้งแต่เปิดฤดูกาลเช่นเดิม

      โดยทีมที่โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังมากที่สุดในบรรดาบิ๊กทีมของแดนผู้ดีคงจะหนีไม่พ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำสถิติชนะ 6 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 3 นัด โดยการแพ้ 3 เกมดังกล่าวคือการบุกพ่าย ไบร์ทตัน 2-3, พ่ายคาถิ่นต่อ ทอตแนม ฮอทสเปอร์ 0-3 และแพ้ เวสต์แฮม 1-3

      โดยเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อมีทีมฟอร์มแย่ ก็ต้องมีทีมฟอร์มดี โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่า ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมหลังโกยแต้มไปแล้ว 29 คะแนน ขึ้นไปนำเป็นตำแหน่งจ่าฝูงเดี่ยว จากสถิติชนะ 9 เสมอ 2 ไม่แพ้ใคร ขณะที่ เชลซี ภายใต้การคุมทัพของ เมาริซิโอ ซาร์รี เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน ที่เข้ามาคุมทัพเป็นปีแรก คือทีมที่ทำสถิติชนะ 8 นัด เสมอ 3 นัด และยังแพ้ใครขึ้น มี 27 แต้มอยู่ในอันดับ 2 ของลีก

      เช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เกน คลอปป์ ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยการชนะไปแล้ว 8 นัด เสมอ 3 นัด ซึ่งในจำนวนนี้พวกเขาได้เจอกับบรรดาบิ๊กทีมไปเกือบครบแล้ว ทั้ง ทอตแนม ฮอทสเปอร์ (ชนะ 2-1), เชลซี (เสมอ 1-1), แมนเชสเตอร์ ซิตี (เสมอ 0-0) และอาร์เซนอล (เสมอ 1-1)

     สำหรับในซีซั่นนี้เชื่อว่าแฟนๆ “เดอะ ค็อป” คาดหวังไว้สูงว่าทีมรักของตนเองตะผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี เนื่องจากองค์ประกอบของทีมที่ดูสมบูรณ์มากขึ้นจากการทุ่มงบซื้อนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ไปกว่า 167 ล้านปอนด์ (ราว 6.83 พันล้านบาท) รวมถึงการปรับตัวของนายใหญ่ชาวเยอรมนีกับฟุตบอลอังกฤษ หลังผ่านประสบการณ์มากว่า 3 ซีซั่น

      ถึงกระนั้นสื่อต่างประเทศได้วิเคราะห์ถึง 3 เหตุผลที่จะทำให้ทีมดังแห่งถิ่น แอนฟิลด์ พลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆทั้งเรื่องในสนาม และนอกสนาม

ขาดแข้งตัวเก๋า
     ในปัจจุบันฟุตบอลลีกอาชีพของยุโรปอุดมไปด้วยแข้งดาวรุ่งที่มีฝีเท้าโดดเด่น ซึ่งหลายสโมสรก็เลือกให้โอกาสนักเตะเหล่านี้ขึ้นมาพิสูจน์ตัวเองในทีมชุดใหญ่ โดยบางคนก็สามารถกลายเป็นคีย์แมนของทีมได้แบบไร้ข้อกังขา
      เช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล ที่ คลอปป์ มักจะให้โอกาสดาวโรจน์อยู่เสมอตามนโยบายการทำทีมของตนเอง ทำให้ในปัจจุบัน “หงส์แดง” ที่นักเตะวัยละอ่อนที่เข้ามายึดตำแหน่งตัวจริงของทีมหลายราย ทั้ง โจ โกเมซ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวา ที่อายุเพียง 21 และ19 ปีตามลำดับ ขณะที่ตัวหลักของทีมคนอื่นๆก็มีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ 25.6 ปี โดยคำนวณจากการจัด 11 ตัวจริงในศึกพรีเมียร์ลีก ที่ผ่านมาในซีซั่นนี้
     ทว่าในการลุ้นแชมป์ระยะยาวเช่นนี้ ทีมจำเป็นต้องพึ่งนักเตะที่มีประสบการณ์สูงเพื่อรักษาโมเมนตัมของเกมในบางนัด เหมือนกับที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี ไว้ใจ แฟร์นันดินโญ แข้งตัวเก๋าทีมชาติบราซิลมาโดยตลอดทั้งๆที่มีนักเตะในตำแหน่งดังกล่าวอีกหลายราย เนื่องจากเจ้าตัวสามารถประคองรุ่นน้องได้ และส่งผลให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกมาครองเมื่ฤดูกาลที่แล้ว
      ขณะที่ ลิเวอร์พูล มีเพียง เจมส์ มิลเนอร์ ที่ดูเป็นนักเตะตัวเก๋าเพียงคนเดียวในทีมที่ผ่านการลงเล่นมาแล้วกับหลายสโมสร ซึ่งหากเจ้าตัวเจ็บไป และทีมอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันก็อาจส่งผลให้พวกเขาเสียสมาธิ และไม่ได้ผลการแข่งขันตามที่ต้องการ

"หงส์แดง"กับเหตุผลส่งพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก

การประสานงานที่ไม่ลงตัวของ3แนวรุก
       สำหรับ ลิเวอร์พูล ภายใต้ยุคของ คลอปป์ มีจุดเด่นตรงที่ 3 เกมรุก นำโดย โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน และโรแบร์โต ฟีร์มีโน ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อซีซั่นที่แล้ว ทั้งเรื่องการประสานงาน รวมถึงการพังประตูจนส่งผลให้ “หงส์แดง” เกือบหยิบแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 6 มาครองก่อนพ่าย เรอัล มาดริด 1-3 ในรอบชิงชนะเลิศ
     จากสถิติยิงไปถึง 135 ลูกเมื่อฤดูกาลก่อนต้องยกความดีความชอบให้กับ 3 ประสานเกมรุกของทีม โดยเฉพาะ ซาลาห์ ที่กดไปคนเดียว 44 ประตูในฤดูกาลแรกที่ย้ายมาอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ ทำให้เชื่อว่านักเตะทั้ง 3 รายจะเป็นคีย์แมนสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ลีกของทีมในฤดูกาลนี้
     ถึงกระนั้นเป็นที่สังเกตว่าในฤดูกาลนี้แข้งทั้ง 3 ราย กลับไม่ค่อยประสานงานกันเหมือนเช่นเคย และต่างคนต่างอยากทำประตูเองเสียมากกว่า รวมไปถึงจังหวะจบสกอร์ที่ต่างขาดความเฉียบคม จนทำให้มีช่วงนึงที่ ซาลาห์, ฟีร์มีโน และมาเน ยิงไม่ได้รวมกันมา 4 นัดติดต่อกัน และเป็น 4 นัดที่ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บชัยได้จากการเสมอ 2 นัด และแพ้ 2 นัด
      โดยถ้าหาก คลอปป์ ยังไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ของทีมได้ เส้นทางการลุ้นแชมป์ของพวกเขาก็คงเต็มไปด้วยขวากหนามอย่างแน่นอน

"หงส์แดง"กับเหตุผลส่งพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก

ทีมใหญ่อื่นๆ
    ไม่ใช่แค่ ลิเวอร์พูล ทีมเดียวซึ่งมีฟอร์มการเล่นที่น่ากลัวในฤดูกาลนี้ แต่แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่า และ เชลซี ก็โชว์ฟอร์มได้น่าจับตามองเช่นกัน
    สำหรับ “เรือใบสีฟ้า” ก็เริ่มกลับมาอยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็น หลังช่วงต้นซีซั่นมีสะดุดในบางนัด แต่ก็ถือว่ายังไม่เสียหายมาก และอยู่ในเส้นทางของการป้องกันแชมป์แบบเต็มตัว หลังเริ่มจูนระบบทีมกันได้เป็นที่เรียบร้อยแม้จะขาดกำลังหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน และแทบไม่มีส่วนร่วมกับทีมในซีซั่นนี้ ซึ่งขณะนี้พวกเขาคือทีมที่มีสถิติดีที่สุดในลีกหลังทำไปแล้ว 33 ประตู และเสียเพียง 4 ประตู
     ขณะที่ “สิงห์บลูส์” ถือว่าเปลี่ยนไปจากซีซั่นที่แล้วอย่างชัดเจน เหตุเป็นทีมที่เน้นเกมรุกมากขึ้นตามสไตล์ของ ซาร์รี ซึ่งส่งผลให้พวกเขาพังประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำถึง 27 ลูก เสียเพียง 8 ลูกด้วยความแข็งแกร่งไล่ตั้งแต่ตำแหน่งผู้รักษาประตูยันกองหน้า เป็นเหตุให้ เชลซี กลายเป็นอีกหนึ่งทีมที่น่าจับตามองว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่มีสิทธิ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอง นอกจากนั้นจากการที่พวกเขาไม่ต้องลงเล่นในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งอุดมไปด้วยบิ๊กทีมของทวีป ทำให้พวกเขายิ่งกุมความได้เปรียบมากขึ้นไปอีก
     ส่วนบิ๊กทีมอื่นๆ ทั้ง อาร์เซนอล, สเปอร์ส และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กำลังเร่งฟอร์มของตัวเองขึ้นมา รวมถึงบรรดาทีมระดับกลางหลายทีมที่มีฟอร์มน่าสนใจ เช่น บอร์นมัธ และวูลฟ์แฮมตัน ซึ่งการพลาดท่าเพียงเดียวกับการเจอกับทีมเหล่านี้ ก็อาจทำให้ “หงส์แดง” ต้องรอคอยการคว้าแชมป์ลีกต่อไปเป็นปีที่ 29

"หงส์แดง"กับเหตุผลส่งพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก

      และ 3 เหตุผลข้างต้นปัจจัยที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดแชมป์ลีกสูงสุดของแดนผู้ดีในซีซั่นนี้ ซึ่ง เจอร์เกน คลอปป์ และลูกทีมต้องก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหมดไปให้ได้หากหวังจะคว้าถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยแรกของสโมสร

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ