ปิดฉาก 20 ปีจอมทะลวงตาข่ายกาฬทวีป

ตำนานดาวยิงไอวอรีโคสต์ ฝากผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ด้วยการซัลโว 164 ประตู จาก 381 เกม ในการค้าแข้งกับเชลซี 2 คำรบ พร้อมกับประสบความสำเร็จเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 4 สมัย ( ฤดูกาล 2004-05, 2005-06, 2009-10, 2014-15) พ่วงด้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (ฤดูกาล 2011-12) ครั้งประวัติศาสตร์สโมสรอีก 1 สมัย ที่สวมบทฮีโร่เป็นทั้งกดประตูตีเสมอและยิงเป้าคนสุดท้ายในเกมที่ยื้อถึงฎีกา (เสมอ บาเยิร์น มิวนิค 1-1 ใน 90 นาที ก่อนชนะจุดโทษ 4-3)

หลังสร้างชื่อจนเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ “ดร็อกบา” ใช้ช่วงเวลา 18 เดือนสุดท้ายก่อนแขวนสตั๊ดบนแผ่นดินสหรัฐ ภายใต้ต้นสังกัด “ฟีนิกซ์ ไรซิง” สโมสรซึ่งเขาสวมบทเป็นทั้งผู้เล่นและเจ้าของทีม

เจ้าของฉายาสุดน่ารัก “ไอ้แมลงสาบ” เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่านี่จะเป็นการเล่นอาชีพฤดูกาลสุดท้ายของเขาและทุกอย่างเกือบลงเอยอย่างสมบูรณ์แบบหากไม่เสียท่า หลุยส์วิลล์ ซิตี 0-1 อกหักพลาดแชมป์ฟุตบอลถ้วยลีกคัพแดนลุงแซม (ยูเอสแอล คัพ) ไปเสียก่อน ดร็อกบา หอบข้าวหอบของจากเมืองอบิดจัน บ้านเกิด มาแสวงโชคยังดินแดนร่ำรวยวัฒนธรรมอย่างฝรั่งเศส ด้วยอายุเพียง 6 ขวบ จากนั้นเมื่ออายุได้ 23 ปี เด็กหนุ่มที่ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงระดับพระกาฬก็ได้แจ้งเกิดบนเวทีลีกลูกหนังสูงสุดแดนน้ำหอมหลังจากแก็งก็อง เป็นทีมแรก หลังถูกดึงตัวมาจากเลอ มองส์ ในลีกเดอ เมื่อมกราคมปี 2002

18 เดือนต่อมาถูกยักษ์ใหญ่ โอลิมปิก มาร์กเซย ดึงตัวมาร่วมทีมและเป็นผลงานทะลวงตาข่ายในถิ่นสต๊าดเวโลโดรมนี้เองที่เป็นใบเบิกทางในการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนเกาะอังกฤษ

ปี 2004 ดร็อกบา เซ็นสัญญาร่วมทัพเชลซี ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ภายใต้การคุมทัพของ ชูเซ มูรินโญ ซึ่งดาวเตะไอวอรีโคสต์ ยกให้กุนซือโปรตุกีสคือคนที่เปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างมหาศาล เพราะเพียงแค่ปีแรกทั้งมูรินโญ และดร็อกบา ก็ร่วมกันสร้างบันทึกบทใหม่พา “สิงโตน้ำเงินคราม” ซิวแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 50 ปี ต่อจากหนแรกที่ทีมสอยแชมป์ตั้งแต่พรีเมียร์ลีกยังใช้ชื่อดิวิชั่น 1 เดิม

ดร็อกบา ประสบคามสำเร็จเป็นแชมป์ลีกเพิ่มอีก 2 สมัย ตลอด 8 ปีแรกที่ลงรับใช้เชลซี พ่วงด้วยแชมป์เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีกคัพ อีก 2 เที่ยว ก่อนโบกมือลาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ คำรบแรกหลังก้าวถึงจุดสูงสุดกับตำแหน่งเจ้ายุโรป โดยสถานีต่อมาของดาวยิงระดับขึ้นหิ้งสิงห์บลูส์ ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ซึ่งเจ้าตัวได้อยู่ล่าตาข่ายบนแผ่นดินเอเชีย 1 ปี ก่อนรีเทิร์นยุโรปกับกาลาตาซาราย อีก 2 ฤดูกาล กระทั่งตบเท้าสู่รั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นคำรบที่สอง

ฤดูกาล 2014-15 ภาค 2 ของดาวยิงกาฬทวีป ไม่เปรี้ยงเหมือนตอนเปิดตัว เมื่อกระทุ้งตาข่ายไปเพียง 7 ลูก แต่สุดท้ายก็ยังปิดฉากด้วยตำแหน่งแชมป์ลีกสมัยที่ 4 และลีกคัพ สมัย 3 ก่อนจากลากันอย่างถาวรตอนจบซีซั่นในฐานะดาวยิสูงสุดตอดกาลลำดับที่ 4 ของสโมสร 164 ประตู

บั้นปลายอาชีพค้าแข้ง ดร็อกบา มาเผชิญโชคที่เมืองมะกันกับมอนทรีล อิมแพ็ค เป็นทีมแรก กระทั่งมาลงเอยกับ ฟีนิกซ์ ไรซิง เป็นทีมสุดท้าย ส่วนผลงานในนามทีมชาติหัวหอกกัปตันทีมฝากผลงาน 65 ประตู จาก 105 เกม ครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทัพช้างดำ ผ่านเวทีฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 3 หน (เวิลด์ คัพ 2006, 2010 และ 2014) พร้อมกับตำแหน่งดาวเตะแห่งปีแดนกาฬทวีปอีก 2 สมัย

“ผมเลือกปิดฉากเส้นทางอันสวยงามไว้ตรงนี้ เพื่อที่ต่อไปผมจะได้มีโอกาสพัฒนาผู้เล่นในระดับเยาวชน” ดิดิเยร์ ดร็อกบา เผยถึงอนาคตจากนี้กับ บีบีซี สื่อของอังกฤษ

พชร นาคจู : เรียบเรียง