"ช้างศึก" พ่ายอินเดีย จบบ๊วยคิงส์คัพ

ศึกฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 47 ที่สนามช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์ นัดชิงอันดับ 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน ทีมชาติไทยดวลกับ อินเดียโดยคู่นี้เคยพบกันมาแล้วในรายการเอเชี่ยนคัพ 2019 ที่ยูเออี เมื่อเดือนมกราคมในรอบแบ่งกลุ่ม ผลปรากฏว่า ไทย แพ้ 1-4

นัดนี้ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา สวมปลอกแขน นำลูกทีมลงสู่สนาม นับเป็นการติดทีมชาติครบ 100 นัดท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนบอลทั้งสนาม

ครึ่งแรก ทีมชาติไทยเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนักแต่ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์

 กระทั่ง น.17 กลายเป็นอินเดีย ที่พลิกขึ้นนำก่อน1-0 จากจังหวะจบสกอร์ครั้งแรกเมื่อ ฟารุก ชูฮารีย์ จ่ายตัดหลังแนวรับไทยไปเสาสองให้อนิรุธ ทาปา สอดเข้ามาแปเน้น ๆ ไม่เหลือ แฟนบอลเงียบทั้งสนาม 

    "ช้างศึก" เกือบตามตีเสมอใน น.22 เมื่อ ธีราทร เปิดเข้าเขตโทษให้ ธีรศิลป์ได้ตวัดยิงโล่ง ๆ เข้าประตูไปแต่ผู้ช่วยยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนจากนั้น น.35 ธีรศิลป์ แดงดา ได้กระชากบอลถึงสุดเส้นหลังทางฝั่งซ้ายก่อนจะจ่ายเข้ากลางให้ สุมัญญา ปุริสายได้ซัดเน้น ๆแต่บอลไปแฉลบแข้งนักเตะอินเดียออกหลังไป ตามด้วยการลุ้นต่อเนื่องจากจังหวะเตะมุม ธีราทร เปิดมาเข้าหัว สุพรรณ ทองสงค์ ได้โหม่งบอลกำลังจะเข้าประตูแต่ยังโดน อนิรุธ ทาปา สกัดจากเส้นออกมาแบบหวุดหวิด

 น.41 ทีมชาติไทยส่ง สุภโชค สารชาติลงมาแทน ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกอินเดียนำไทย1-0

ครึ่งหลัง ไทยมาได้ลุ้นจากการยิงของสุภโชคในน.60 แต่บอลไม่ตรงกรอบ  นาทีถัดมา ช้างศึก ได้โอกาสอีกครั้ง สุภโภค ตักบอลไปเสาสองให้ ธีรศิลป์สอด มาโขกโล่งๆ แต่บอลยังไปตรงตัว นายประตูอินเดีย

     น.69 ทีมชาติไทย เปลี่ยนผู้เล่นคนที่สองโดยส่งพีรดนย์ ฉ่ำรัศมีลงมาเล่นแทน ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ตามด้วยน.71 เปลี่ยนผู้เล่นคนที่ 3 เมื่อสุพรรณทองสงค์มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่งพรรษา เหมวิบูรณ์ ลงมาเล่นแทน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จบเกม ไทย แพ้ อินเดีย 0-1 ได้อันดับ 4 ในศึกคิงส์คัพครั้งนี้ ด้วยการแพ้ 2 นัด ยิงประตูไม่ได้เลย