'เฟอร์นานโด ตอร์เรส' คุณเลือกได้ จดจำเขาในฐานะอะไร

เช่นเดียวกับกรณีของ เฟอร์นานโด ตอร์เรส อดีตกองหน้าทีมชาติสเปนที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ ซากัน โทสุ ในญี่ปุ่น ที่ล่าสุดได้ออกมาประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการหลังจบฤดูกาลนี้

 

ห้วงสุขบนสีเสื้อช่างทำที่นอน

นั่งไทมแมคชีนย้อนกลับไประหว่างช่วงปี 2001-2007 สามารถกล่าวได้ว่าในบรรดาแข้งวัยละอ่ออน “ตอร์เรส” คือ ดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในยุคนั้น ก่อนก้าวขึ้นเป็นศูนย์หน้าชุดแชมป์โลก 2010 รวมถึงแชมป์ยุโรป 2 สมัย ดาวยิงซึ่งเริ่นต้นเล่นฟุตบอลจากตำแหน่งผู้รักษาประตูตบเท้าสู่รั้วเยาวชนแอตเลติโก มาดริด ด้วย วัยเพียง 11 ขวบ จนเรื่องราวต่อจากนั้นกลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของสโมสรแห่งเมืองหลวงกระทิงดุที่ไม่ใช่ชุดขาวล้วน

พออายุได้ 15 ปี ทีมตราหมีจับเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรก

2 ปีต่อมาได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ต่อหน้าแฟนบอลแอตฯ มาดริด เกมเปิด“เอาตาดิโอ บิเซนเต กัลเดรอน” รับมือ เลกาเนส วันที่ 27 พฤษภาคม ของปี 2001 โดยตอนนั้นดาวยิงหน้ามนเพิ่งจะอายุได้เพียง 17 ปี และทีมตราหมีก็ยังมีชื่อชั้นแค่ทีมระดับเซกุนดา ดิวิชั่น

หลังได้โอกาสเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ 1 สัปดาห์ต่อมา ดาวยิงที่เกลียดฉายา“เอล นินโญ” (เจ้าหนู หรือ เด็กน้อย) ของตัวเอง ใช้เวลาเพียง 7 นาที ลุกจากม้านั่งสำรองลงมากระทุ้งประตูแรกบนเส้นทางค้าแข้งของตัวเองให้ทีมกำชัยเหนือ อัลบาเซเต 1-0 และจบซีซั่นดังกล่าวทีมตราหมีได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด ลา ลีกา สเปน

2 พฤศจิกายน ปี 2003 แฟนบอลใน“เอสตาดิโอ เบนีโต บียามาริน” รังเหย้าเรอัล เบติส ก็ได้เป็นสักขีพยานร่วมกันกับการบันทึกสถิติแข้งอายุน้อยสุดที่ยิงประตูได้บนเวทีลา ลีกา โดยเกมดังกล่าว ตอร์เรส เหมาคนเดียวสองประตูช่วยให้ทีมเก็บชัยชนะเหนือเจ้าถิ่น 2-1 แต่ลูกยิงตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 41 ของครึ่งเวลาแรก ทำให้ดาวยิงที่อายุ 19 ปี กับ 227 วัน กลายเป็นเจ้าของสถิติแข้งละอ่อนที่กระทุ้งประตูยังลีกสูงสุด (ปัจจุบันสถิตินักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงประตูในลา ลีกา คือ ฟาบริซ โอลินกา สมัยค้าแข้งให้กับ มาลากา ด้วย วัย 16 ปี, 98 วัน)

ซีซั่น 2004-05 ปีที่ยักษ์กาตาลันอย่าง บาร์เซโลนา ครองความยิ่งใหญ่บนลีกสูงสุดกระทิงดุ แต่ฤดูกาลนั้นทีม“เจ้าบุญทุ่ม”ต้องกลายเป็นเหยื่อสังหารประตูของ ตอร์เรส ชนิดไปกลับทั้งเหย้าและเยือน 

เกมแรกที่รังตราหมี การ์เลส ปูโยล เสียหน้าไปไม่น้อยเมื่อถูกกองหน้ารุ่นน้องหลุดไปซัดประตูตีเสมอ เกมที่ผลจบลงด้วยการแบ่งแต้ม 1-1 จากนั้นเผชิญหน้ากันอีกเที่ยวที่คัมป์ นู “ตอร์เรส” ตอกย้ำให้เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่กองหน้าดาวรุ่งธรรมดาเสียแล้ว เมื่อเหมา 2 ประตู พาทีมควักสามแต้มออกมาจากชามอ่างยักษ์ โดยลูกแรกเกิดขึ้นต่อหน้าสตาร์ดังอย่าง โรนัลดินโญ, ซามูเอล เอโต และ ชาร์บี เอร์นานาเดซ ตอนที่เข็มนาฬากาผ่านไปแค่ 1 นาที กับอีก 3 วินาที

ขณะที่ฤดูกาล 2006-07 เป็นซีซั่นแรกที่ ตอร์เรส สามารถซัดประตูคู่ปรับร่วมเมืองหลวงอย่าง เรอัล มาดริด ได้เป็นหนแรกและที่พิเศษ คือ มันเกิดขึ้นที่บิเซนเต กัลเดรอน

ยุคนั้นกำแพงแนวรับ ชุดขาว ซึ่งมีชื่อชั้นอย่าง มิเชล ซัลกาโด, ฟาบิโอ คันนาวาโร, อิบัน เอลเกรา แต่ก็ถูก ตอร์เรส ใช้เวลาเพียง 11 นาที ในการกดประตูขึ้นนำ แม้ผลลัพธ์ลงเอยด้วยการเสมอ 1-1 แต่นี่คือลูกแรกที่กัปตันรุ่นกระทงกระทุ้งประตูใส่คู่แค้นร่วมเมืองหลวง แถมเป็นการส่งบอลผ่านมือนายด่านเบอร์ 1 ทีมชาติสเปนอย่าง อีเคร์ กาซิญาส เสียด้วย

สิ้นสุดฤดูกาลดังกล่าว ลิเวอร์พูล ทีมร่ำรวยมนสเหน่แห่งเกาะอังกฤษก็เป็นจุดหมายปลายทางต่อไป

81 ประตู จาก 142 เกม คือสิ่งที่ ตอร์เรส ตอบแทนเม็ดเงิน 20 ล้านปอนด์ ที่สโมสรดังจากแอนฟิลด์ได้ทุบคลังไปในครั้งนั้น ก่อนที่ 4 ปีต่อ เชลซี ต้องใช้เงินเป็นสถิติสูงสุดของเกาะอังกฤษ จำนวน 50 ล้านปอนด์ แลกกับการโยกดาวยิงคู่แข่งร่วมลีกมาล่าตาข่าย

แม้เรื่องราวในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ เหมือนเป็นฝันร้าย แต่ก็เป็นฝันร้ายที่แลกมาด้วยตำแหน่งเจ้ายุโรปบนหน้าประวัติศาสตร์สิงห์บลูส์

45 ประตู จาก 172 เกม พร้อมกับช่วงเวลา 4 เดือนสั้นๆ ที่โยกไปยิงแบบยืมตัวในอิตาลี สุดท้ายอดีตดาวยิงหน้ามนก็ตัดสินใจโบกมือลาเกาะอังกฤษแล้วกลับมาสู่บ้านหลังเก่าสีแดง-ขาว "ลอช โคลโชเนรอส" ปี 2015 โดยนอกจากตำแหน่งรองแชมป์“ยูซีแอล 2016” กับบัลลังก์แชมป์ถ้วยรอง ยูโรปา ลีก 2018 ก็คงจะมีเพียงประตูที่ 100 ซึ่งยิงใส่ เลกาเนส ทีมที่เขาลงเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่หนแรกเท่านั้นที่คู่ควรจะเสียน้ำตาให้กับการคัมแบ็กบ้านเกิดเที่ยวนี้

ส่วนในนามทีมชาติ ตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2003 เกมกระชับมิตรกับ โปรตุเกส แมตช์แรกในการรับใช้ชาติ เรื่อยมาถึงประตูแรกนัดอุ่นเครื่องอัซซูรี, ลูกยิงตัดสินตำแหน่งแชมป์"ยูโร 2008" พ่วงด้วยแชมป์"ยูโร 2012" สมัย 2 จนถึงเกียรติประวัติใหญ่แชมป์โลก“เวิลด์ คัพ 2010” ที่แอฟริกาใต้ เบ็ดเสร็จ ตอร์เรส รับใช้ทัพลา โรฆา ทั้งหมด 110 เกม พังตาข่ายไป 38 ประตู มากสุดลำดับ 3 ทำเนียบดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสเปน (อันดับ 1 ดาวิด บีญา 59 ลูก)

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน บน วัย 35 ปี กับชีวิตค้าแข้งเคล้ากลิ่นปลาดิบ 

อดีตนักเตะที่รุ่นพี่ทีมตราหมีเรียก“เจ้าหนู” ก็เตรียมจะบอกลาเส้นทาง 18ปี ของการค้าสตั๊ดเสียที โดยเวลานี้ก็เหลือแค่งานแถลงข่าวและการเสียน้ำตาอย่างเป็นทางการอีกครั้งเท่านั้นที่จะเป็นม่านฉากต่อไป

 

พชร นาคจู : เรียบเรียง