ส.บอลจับมือ รมต.กีฬา

คณะผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เดินทางเข้าแสดงความยินดี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ หลังจากเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ 8 ส.ค.นำโดย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกสมาคมฯ ฝ่ายสื่อสารองค์กร, ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ อุปนายกสมาคมฯ ฝ่ายจัดการแข่งขัน, ทรงเกียรติ ลิ้นอรุณรักษ์ สภากรรมการสมาคมฯ, ธวัช อุยสุย สภากรรมการสมาคมฯ, พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมฯ, ยงยศ พึ่งธรรม รองเลขาธิการสมาคมฯ ฝ่ายกฏหมาย, พาทิศ ศุภะพงศ์ รองเลขาธิการสมาคมฯ ฝ่ายต่างประเทศ​ และ​ สุทธินันท์ บุญมี ที่ปรึกษาสมาคมฯ

พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า  "ผมในนามนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้ขออนุญาตเข้าเยี่ยมคาราวะเพื่อแสดงความยินดีกับท่าน รมต.กีฬาคนใหม่ พร้อมกับได้ร่วมกันเเสดงเจตนารมณ์ว่า​ สมาคมฯ พร้อมที่จะร่วมกัน​และช่วยกันทำงานให้เป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์ของท่าน อย่างเต็มที่"

"ผมได้รบกวนท่านฝากแนวความคิด เรื่องแรก คือ ผมอยากให้ท่านเป็นแกนหลักในการบูรณาการการจัดการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการของหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ของการกีฬาแข่งประเทศไทย,กรมพลศึกษา และของสมาคมฯ  เพราะผมเชื่อมั่นว่า การบูรณาการย่อมทำให้เกิดผลดีกับการพัฒนากีฬาฟุตบอลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และก่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้นในทุก ๆ ด้าน"

"ประเด็นที่สอง ฝากท่านช่วยติดตามเรื่องการเตรียมการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่จะจัดขึ้นในต้นปีหน้า ในด้านต่าง ๆ​ ที่กำหนดเตรียมการไว้แล้ว  ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทย มีความมุ่งมั่นตั้งใจอยู่แล้ว แต่คงต้องการการสนับสนุนจากระดับสูงหรือจากกระทรวงเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าท่านให้การสนับสนุนการกีฬาแห่งประเทศไทย ผมเชื่อว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยภายใต้การนำของ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ก็จะสามารถทำงานได้มีประสิทธิ์ภาพมากยิ่งขึ้น"

"เรื่องของการจัดฟุตบอลโลกร่วม ตอนนี้ยังไม่ได้พูดนะครับ เราต้องรอสัญญาจากรัฐบาล เป็นเรื่องที่สมาคมฯ เองได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาขอทราบรายละเอียดในการดำเนินการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้ารัฐบาลมีนโยบายหรือแนวทางยังไงก็สามารถดำเนินการได้เลยทันที"

"ส่วนการเตรียมผู้ช่วยผู้ฝึกสอน อากิระ นิชิโนะ จะเป็นคนเลือกเอง ตอนนี้เราเสนอชื่อและประวัติผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมทำงานกับนิชิโนะมาประมาณ 7-8 คน ซึ่งเราให้นิชิโนะพิจารณาแล้ว โดยนิชิโนะจะตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง สมาคมฯจะไม่ไปแทรกแซงการตัดสินใจ คุณสมบัติของโค้ชก็จะเป็นโค้ชที่มีความรู้ความสามารถ ผมเชื่อว่าเขามีปรัชญาในการทำทีมหรือวิธีการทำทีมของเขาก็จะปล่อยให้เขาทำ และเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของนิชิโนะเองก็คงมีวิธีการส่วนตัวของเขา “

“วันที่ 13 สิงหาคมนี้ จะมีการประชุมเตรียมความพร้อมระหว่างโค้ชและทีมงาน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องจะเชิญทุกคนมาประชุมหารือร่วมกันในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเตรียมทีมทั้งในประเทศและนอกประเทศ ให้สมบูรณ์ เราเองก็มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้วเพราะเรามีประสบกาณ์ในการเดินทางไปแข่งขันทั้งในและต่างประเทศก็ดี”

“ส่วนการไปแข่งขันต่างประเทศก็ไม่ต้องห่วง เรามีประสบการณ์อยู่แล้ว บางครั้งอาจจะมีมุมหรือสิ่งที่โค้ชเขามองเห็นความแตกต่างกัน เช่น เวลาการเดินทาง บางท่านเดินทางในช่วงเช้า ไปถึงลงซ้อมบ่าย บางท่าน เดินทางช่วงบ่าย ไปนอน 1 คืน แล้วลงซ้อมในตอนเช้า ซึ่งก็เป็นแทคติกของแต่ละคน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแต่ละท่านไม่เหมือนกันวิธีคิดแตกต่างกัน"

"เรื่องผู้อำนวยการทีมชาติไทย จะมีการนัดผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิจารณาในวันที่ 13 เช่นเดียวกัน มีหลายท่านเสนอตัวเข้ามาทำหน้าที่ เราก็ได้พิจารณากันอยู่ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร ผมเป็นคนชอบทำอะไรเป็นขั้นตอน มีคณะกรรมการมีข้อมูลในการตัดสินใจ" บิ๊กอ๊อด กล่าวในที่สุด