วันนี้ในอดีต

วันนี้ในอดีต  จำคุก 3 ปี "แทน เทือกสุบรรณ" คดีรุกที่เขาแพง

วันนี้ในอดีต จำคุก 3 ปี "แทน เทือกสุบรรณ" คดีรุกที่เขาแพง

21 ก.ย. 2560

วันนี้ในอดีต 21 ก.ย. 2559 จำคุก 3 ปี "แทน เทือกสุบรรณ" และอดีตเลขาฯคดีรุกที่เขาแพง กว่า 31 ไร่ ศาลชี้ เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่รอการลงโทษ

           วันนี้ในอดีต 21 ก.ย.2559  ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา 'คดีบุกรุกที่เขาแพงเกาะสมุย' ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร  ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น , นายสามารถหรือโกเข็ก เรืองศรี   หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่นและนายหน้าขายที่ดิน, นายแทน เทือกสุบรรณ  บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล  อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ อายุ เป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดร่วมฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 , 108 ทวิ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2518 มาตรา 22

           โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อ 23 ก.ย.56 บรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.43–5 ต.ค.44  จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตารางวา โดยจำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

            ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

            ศาลพิเคราะห์ พยานหลักฐานสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบรับฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดตามฟ้อง

             จึงพิพากษาว่า นายพงษ์ชัย และนายสามารถ จำเลยที่ 1-2 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ,มาตรา 72 ตรี วรรคสอง ให้จำคุกคนละ 5ปี

             ส่วนนายแทน และนายบรรเจิด จำเลยที่ 3-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1) , มาตรา 108 ทวิ วรรค1 และ พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ,มาตรา 72 ตรี วรรคหนึ่ง โดยการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฏหมายหลายบท ให้ลงโทษความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด ให้จำคุกคนละ 3ปี

              ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์เห็นว่า ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของชาติ ควรที่ประชาชนจะต้องร่วมกันหวงแหน บำรุงรักษาให้อุดมสมบูรณ์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ไม่ให้เป็นของส่วนตัวแก่ผู้ใด การกระทำของจำเลยทั้งสี่ มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมของดิน น้ำ อากาศ และป่าไม้ทั้งโดยตรงและทางอ้อม อันเป็นต้นเหตุของความแห้งแล้ง และภัยพิบัติจากน้ำป่าไหลหลาก สภาพความผิดจึงเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ

            นอกจากนี้ยังให้จำเลยทั้งสี่ คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสี่ออกจากที่ดินและป่าไม้บริเวณที่เกิดเหตุ 

            สำหรับคดีนี้ จำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวและสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์