วันนี้ในอดีต

22 ส.ค.2447 กำเนิดเติ้งเสี่ยวผิง ผู้ปลดปล่อยจีน-กระชับฮ่องกง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันนี้เมื่อ 115 ปีก่อน

 

วันนี้เมื่อ 115 ปีก่อน คือวันที่ผู้นำจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ และเชื่อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่า คงไม่มีใครคาดคิดแม้แต่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาอย่างเป็นตำนาน!! 

 

 

เส้นทางนักสู้

 

ตามประวัติ  เติ้งเสี่ยวผิงเป็นชาวกว่างอัน (Guang'an) แห่งมณฑลสื้อชวน (Sichuan) ของจีน หรือเสฉวนที่คนไทยเรียก

 

เขาเกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2447 หรือ ค.ศ.1904 เคยมีชื่อว่า เติ้งเซียนเสิ้ง แต่มีชื่อที่ใช้ในการเข้าเรียนครั้งแรก คือ เติ้งซีเสียน

 

เมื่ออายุ 5 ขวบ เติ้งเข้าเรียนระดับประถมศึกษา แต่เรียนเพียงแค่ 6 ปี ก็สามารถสอบเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาแห่งอำเภอกว่างอันได

 

 

22 ส.ค.2447 กำเนิดเติ้งเสี่ยวผิง ผู้ปลดปล่อยจีน-กระชับฮ่องกง

 

 

โดยในปี 2462 ฤดูใบไม้ร่วงปี เติ้งเสี่ยวผิงในวัย 15 ปี ได้สอบเข้าเรียนต่อในโรงเรียนเตรียมการแห่งนครจุงกิงเพื่อไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส และเขาก็ทำสำเร็จได้ไปเรียนในช่วงฤดูร้อนปี 2463

 

เติ่งเสี่ยวผิงเรียนไปทำงานไป เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง จนในปี 2465 เติ้ง เสี่ยวผิง ได้สมัครเข้าร่วมสันนิบาตเยาวชนสังคมนิยมแห่งชาติจีน

 

พอปี 2467 เขาได้สมัครเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเป็นทางการ และเมื่อต้นปี 2469 เขาได้ไปศึกษาต่อที่โซเวียต  ณ กรุงมอสโคในปี ขณะอายุได้ 22 ปี

 

เติ้งเสี่ยวผิงเรียนจบจากมอสโคในปี 2470 และเดินทางกลับมาตุภูมิ แต่ช่วงนั้นเกิดความขัดแย้งทางการเมืองระหว่าง “ก๊กมินตั๋ง” และ “พรรคคอมมิวนิสต์”

 

ถึงตรงนี้บทบาทของเติ้งนับว่าฉายแสงขึ้น เมื่อเขาได้รับมอบหมายจากพรรคคอมมิวนิสต์ให้ไปซีอัน โดยดำรงตำแหน่งเป็น "เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์" ในสถาบันทหารและการเมืองซุนยัดเซน 

 

และเมื่อความสัมพันธ์ระหว่าง ก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ "เติ้งซีเสียน" จึงต้องทำการปกปิดตัวตนและชื่อจริง โดยการเปลี่ยนชื่อเป็น "เติ้งเสี่ยวผิง"

 

จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์" มีผลงานอย่างการนำการปฏิวัติ ณ มณฑลกว่างซี ในปี 2472 เขาก็ใช้ชื่อว่า “เติ้งปิน”

 

พอปี 2474 ได้ทำการย้ายฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์จากมนฑลเจียงซี ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำอำเภอรุ่ยจิน และศูนย์ฮุ่ยชั่ง ทำหน้าที่เผยแพร่อุดมการณ์ทางการเมือง

 

จนกระทั่งถูกกลุ่มเห็นต่างถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง เขาจึงย้ายไปรับตำแหน่งเลขาธิการใหญ่องค์กรบริหารส่วนกลางในกองทัพแดง ควบคู่กับการเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ “หงซิง” หรือดาวแดงอีกด้วย

 

ต่อมาราวปี  2478 เหมาเจ๋อตงได้ก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้นำคณะรัฐบาลกลางอย่างเป็นทางการ เติ้งเสี่ยวผิง ก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหน่วยเผยแพร่อุดมการณ์ ของฝ่ายบริหารประจำกองทัพแดงที่ 1 และได้ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารในเวลาต่อมา 

 

 

ปลดปล่อยจีน

 

เติ้งมีบทบาทในรัฐบาลจีน ผ่านยุคสมัยมาจนปี 2492 ในวัย 45 เขาได้รับเลือกให้เป็นกรรมการรัฐบาลประชาชน และเข้าร่วมในพิธีสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

หนึ่งเดือนต่อมา เขาดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการในกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งชาติ และปฏิบัติภารกิจทางการทหาร โดยการนำทัพรบบุกทั้งภาคใต้และตะวันตก รวมถึงการรบเพื่อปลดปล่อยทิเบตอีกด้วย

 

ราวสามปีต่อมา เขาได้กลับเข้ามาทำงานที่ส่วนกลาง ในตำแหน่งสำคัญทางการเมือง ทั้งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ฯลฯ

 

 

22 ส.ค.2447 กำเนิดเติ้งเสี่ยวผิง ผู้ปลดปล่อยจีน-กระชับฮ่องกง

 

 

กระทั่งปี 2497 เขาได้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี รองประธานกรรมาธิการฝ่ายป้องกันประเทศ ในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 8 ครั้งที่ 1 ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการประจำฝ่ายบริหาร คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ และเลขาธิการใหญ่

 

ในระหว่างที่ เติ้งเสี่ยวผิง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เป็นเวลา 10 ปีนั้น เรียกได้ว่าเป็นผู้มีบทบาทในการพัฒนาระบบการปกครองแบบสังคมนิยมของประเทศจีนเป็นอย่างมาก

 

ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นทางด้านโครงสร้างเศรษฐกิจและเสถียรภาพ และได้มีการเดินทางไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางการพัฒนาประเทศกับผู้นำสหภาพโซเวียตที่กรุงมอสโควอยู่บ่อยครั้ง

 

แต่การเมือง เป็นเรื่องของอำนาจ ปรากฏว่า ปี 2509 ที่มี "การปฏิวัติวัฒนธรรม" เกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อบังคับใช้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในประเทศ โดยการขจัดองค์ประกอบที่เป็นทุนนิยม ประเพณีและวัฒนธรรมจีน ออกจากวัฒนธรรมคอมมิวนิสต์ และเพื่อกำหนดแนวทางแบบเหมาภายในพรรค เติ้งเสี่ยวผิงที่มีแนวคิดตรงข้ามจึงต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำทางการเมืองทั้งหมด 

 

ผ่านไปหลายปี พอถึงปี 2516 เขาก็ได้หวนสู่เส้นทางการเมืองอีกครั้ง ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่หลากหลายจนปี 2517 เขาขึ้นเป็นรองประธานพรรคคอมมิวนิสต์ รองนายกรัฐมนตรี รองประธานคณะกรรมการกลางการทหาร และหัวหน้าเสนาธิการกองทัพปลดแอกประชาชน เรียกได้ว่านั่งเก้าอี้ผู้นำทางการเมือง และการทหารในเวลาเดียวกัน 

 

ช่วงนั้น เติ้งเสี่ยวผิง ได้รับแรงสนับสนุนจากเหมาเจ๋อตง ทำหน้าที่ฟื้นฟูประเทศจีนให้กลับมายืนได้อีกครั้ง หลังผ่านความบอบช้ำจากช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม แต่ยังไม่ทันเห็นผลสำเร็จ เขาก็ออกจากตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้ง จากการถูกใส่ร้ายทางการเมือง 

 

แต่เมื่อกลุ่มตรงข้ามหมดอำนาจไป คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ชุดที่ 10 จึงมีมติให้ เติ้งเสี่ยวผิง กลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้ง โดยปี 2520 เขากลับมาเป็นรองประธานพรรคคอมมิวนิสต์

 

พอปี 2521 เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมือง แน่นอนตอนนี้เองที่เขาไม่รีรอที่จะเสนอให้รัฐบาลจีนทบทวนนโยบายที่ผิดพลาดจากในอดีตมาเป็นบทเรียน เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมโดยมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก

 

 

 

กระชับฮ่องกง?

 

เรื่องราวของเติ้งเสี่ยวผิงมากมายเกินกว่าจะกล่าวถึงได้หมด แต่ถ้าจะกล่าวว่าการปฏิวัติครั้งที่หนึ่ง ในปี 2492 เป็นการปฏิวัติของเหมาเจ๋อตุง เป็นการปฏิวัติทางการเมือง แต่การปฏิวัติครั้งที่สองในปี 2521 ของเขาก็คือการปฏิวัติทางเศรษฐกิจ

 

ตอนนั้น ถือได้ว่าเป็นการเปิดม่านฉากใหม่ของประเทศจีน ภายใต้การนำของคณะกรรมการบริหารพรรครุ่นที่ 2 ซึ่งมีเติ้งเสี่ยวผิงเป็นแกนนำ ให้มีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการพัฒนาระบอบสังคมนิยมแบบพิเศษ หรือสังคมนิยมประชาธิปไตยแบบจำเพาะให้มีความเหมาะสมกับบริบทของประเทศจีน

 

ยุคนั้นเรียกได้ว่าจีนมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะนโยบาย หนึ่งประเทศสองระบบ (One Country Two Systems) นี่แหละ ที่กำลังแสดงผลในฮ่องกงตอนนี้

 

โดยแนวคิดหลักการนี้ เติ้งนำมาใช้แก้ปัญหาการรวบรวมเอา ฮ่องกง, มาเก๊า และ ไต้หวัน เข้ามาใว้ในจีน โดย 1 ประเทศที่ว่า คือ ความเป็นจีนเดียวโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษชาวจีนต้องสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อพิทักษ์มาตุภูมิไว้

 

ส่วน 2 ระบบ คือความปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างการปกครองด้วยระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ของจีนแผ่นดินใหญ่ กับระบบเสรีทุนนิยมของฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ที่ถึงแตกต่าง แต่ก็เป็นชาติเดียวกัน

 

ทั้งนี้ นับแต่วันที่ 26 มกราคม 2384 ที่อังกฤษยกพลขึ้นบกและปักธงบนเกาะฮ่องกงและประกาศยึดครอง แต่ผ่านมาถึงยุคสมัยของเติ้งเสี่ยวผิง หลายอย่างได้เปลี่ยนไป

 

เพราะเขาคือคนที่เผชิญหน้าสตรีเหล้ก อย่าง มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ นายกฯ อังกฤษขณะนั้น ในวันที่ 24 กันยายน 2525 ที่มหาศาลาประชาคมปักกิ่ง เพื่อเคลียร์ปัญหาฮ่องกง

 

 

 

22 ส.ค.2447 กำเนิดเติ้งเสี่ยวผิง ผู้ปลดปล่อยจีน-กระชับฮ่องกง

อ่าน https://www.komchadluek.net/news/scoop/375624

 

 

วันนั้นเติ้ง เสี่ยวผิง แสดงจุดยืนชัดเจนว่า จีนจะต้องกลับมาใช้อำนาจอธิปไตยเหนือฮ่องกง ซึ่งรวมทั้งเกาะฮ่องกง เขตจิ่วหลง และเขตซินเจี้ยภายในปี 2540

 

และลั่นวาจาเด็ดขาดว่า วันนี้ที่จีนเจรจากับคุณคือ การวางแผนการบริหารงานในฮ่องกงอย่างสันติ ก่อนและหลังฮ่องกงกลับคืนสู่จีน!!

 

และแน่นอนที่สุดหลังจากนั้น จีนประสบความสำเร็จในการเสนอแผน ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ ใช้ในการบริหารงานภายในฮ่องกง หลังจีนกลับมามีอำนาจอธิปไตยต่อฮ่องกง

 

วันที่ 19 ธันวาคม 2527 ผู้นำจีน และอังกฤษร่วมลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยปัญหาฮ่องกง โดยกำหนดให้วันที่ 1 กรกฎาคม 2540 เป็นวันที่จีนเริ่มกลับมาใช้อำนาจอธิปไตยเหนือฮ่องกงอย่างเป็นทางการ

 

ที่สุดหลัง เติ้งเสี่ยวผิงลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการกลางการทหาร ในปี 2532 และทำการส่งมอบตำแหน่งผู้นำประเทศแก่ "เจียงเจ๋อเหมิน" ปรากฏว่าวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2540 เติ้งเสี่ยวผิง ก็ได้ถึงแก่อนิจกรรม จากโลกนี้ไปอย่างสงบด้วยวัย 93 ปี 

 

ถึงแม้ว่าจะไม่เคยดำรงตำแหน่งสูงสุดของประเทศ คือ ประธานาธิบดี แต่ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี เติ้งเสี่ยวผิงทำมามากกว่าที่ผู้นำประเทศคนหนึ่งจะทำได้!!

 

ช่างน่าเสียดายยิ่งคือ เขาไม่ได้อยู่จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ที่อังกฤษได้ทำพิธีส่งคืนเกาะฮ่องกงให้แก่จีน

 

แต่การที่รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ฮ่องกงสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีต่อไปได้อีกเป็นเวลา 50 ปี นับตั้งแต่วันนั้นไปจนถึง 30 มิถุนายน 2590 ฮ่องกงจะเปลี่ยนไปปกครองแบบเมืองอื่นๆ ของจีน ชาวฮ่องกงกำลังแสดงออกในทางไม่เอาด้วยอยู่ตอนนี้

 

*****************************************************

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ